ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 391 เข้าเรียน (7) ตอนที่ 392 เข้าเรียน (8)
ตอนที่ 391 เข้าเรียน (7) / ตอนที่ 392 เข้าเรียน (8)
ตอนที่ 391 เข้าเรียน (7)
ในไม่ช้า เหล่าศิษย์เก่าก็เลือกศิษย์น้องที่พวกเขาต้องการจะให้คำชี้แนะจนเกือบหมด เหลือเพียงจวินอู๋เสียที่เป็นศิษย์อายุน้อยที่สุดเพียงคนเดียวเท่านั้น!
ศิษย์เก่าคนหนึ่งที่ตอบสนองช้าคว้าใครไม่ทันสักคน มองไปที่จวินอู๋เสียและขมวดคิ้ว เขาพิจารณาร่างที่ผอมบางของนางขึ้นลงหลายที สีหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจและไม่เต็มใจ
“เจ้าอายุครบสิบสี่ปีแล้วแน่รึ” ศิษย์เก่าเดินไปหยุดต่อหน้าจวินอู๋เสีย ใบหน้าของเขาฉายแววร้อนใจ
จวินอู๋เสียพยักหน้าอย่างเฉยเมย เพิกเฉยต่อความไม่พอใจของเขาโดยสิ้นเชิง
“วงแหวนภูติวิญญาณของเจ้าเป็นประเภทใดกัน” ศิษย์เก่าคนนั้นถามต่อ
“ประเภทสัตว์ร้าย”
“ชิ!” เขาสบถเสียงต่ำ หันไปพูดกับชายหนุ่มที่นำทางศิษย์ใหม่เข้ามาว่า “วงแหวนภูติวิญญาณของข้าเป็นประเภทอาวุธ ข้าให้คำชี้แนะเจ้าหนูนี่ไม่ได้หรอก”
ชายหนุ่มที่นำทางศิษย์ใหม่เข้ามาขมวดคิ้วอย่างไม่อดทน โดยทั่วไปศิษย์ใหม่จะได้รับคำแนะนำจากศิษย์เก่าของสำนักศึกษาที่มีวงแหวนภูติวิญญาณประเภทเดียวกัน เนื่องจากภูติวิญญาณต่างประเภทกันก็มีวิธีการบ่มเพาะที่แตกต่างออกไป ดังนั้นแม้ว่าศิษย์เก่าคนนั้นจะรับตัวศิษย์ใหม่คนนี้ไว้ในการดูแล เขาก็ไม่สามารถให้คำชี้แนะใดเกี่ยวกับวิธีการบ่มเพาะพลังวิญญาณให้กับอีกฝ่ายได้อยู่ดี
เหล่าศิษย์ใหม่ทั้งหลายที่ถูกศิษย์พี่แย่งตัวไปแล้ว ยิ้มและมองไปที่จวินอู๋เสียที่ถูกทิ้งไว้คนเดียวท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ด้วยเจตนาร้าย
ความอิจฉาริษยาที่ก่อตัวขึ้นในใจก่อนหน้านี้ พลันสลายหายไปและแปรเปลี่ยนเป็นการดูถูกเยาะเย้ย
เจ้าหนูนี่ดวงดีได้รับความสนใจจากกู้หลีเซิงแล้วจะอย่างไรเล่า สุดท้ายไม่ใช่ว่าก็ถูกเหล่าศิษย์พี่ทุกคนรังเกียจหรอกหรือ!
กลุ่มเด็กหนุ่มสาวลอบหัวเราะเยาะกันอย่างลับๆ
เมื่อเผชิญหน้ากับการเยาะเย้ยของศิษย์ใหม่และสายตาที่รังเกียจจากเหล่าศิษย์เก่า จวินอู๋เสียคล้ายไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลยและยังคงสงบนิ่งมาก นางเพียงมองทุกอย่างด้วยสายตาเย็นชา โดยไม่มีคลื่นความผันผวนใดในดวงตาของนางเลย
“ภูติวิญญาณประเภทสัตว์ร้ายหรือ นี่เป็นประเภทเดียวกับของข้าเลยนี่!” ทันใดนั้นเสียงหัวเราะที่สดใสร่าเริงก็ดังขึ้นภายในห้องโถงใหญ่ ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งที่มีใบหน้าหล่อเหลาก้าวเข้ามาในห้องโถงใหญ่พร้อมกับแสงอาทิตย์ยามเช้าที่ฉายอยู่เบื้องหลังเขา รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของเขาสว่างไสวและอบอุ่นราวกับสายลมฤดูใบไม้ผลิ ทำให้ผู้คนรับรู้ได้ถึงความจริงใจของอีกฝ่ายตั้งแต่แรกเห็นและอดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกดีด้วย
เหล่าศิษย์เก่าในห้องโถงใหญ่ที่กำลังยืนอยู่เต็มห้องขมวดคิ้วนิ่วหน้า พริบตาที่ได้เห็นใบหน้าของชายหนุ่มผู้นี้ สีหน้าของพวกเขาก็แปรเปลี่ยนไปเป็นความประหลาดใจทันที
ศิษย์ใหม่ผู้โง่เขลาไม่รู้เลยสักนิดว่าคนผู้นี้เป็นใคร จึงทำได้เพียงยืนอยู่ข้างๆ ศิษย์พี่ของตัวเองอย่างเชื่อฟัง เฝ้าดูการก้าวขึ้นไปข้างหน้าอย่างเงียบๆ ของชายหนุ่มที่ราวกับจะมีแสงอาทิตย์ส่องประกายระยิบระยับติดตามไปด้วยทุกย่างก้าว
“ศิษย์พี่ฟ่าน! ทำไมท่านถึงมาที่นี่ได้เล่าขอรับ!” ศิษย์เก่าคนนั้นที่พยายามจะปฏิเสธจวินอู๋เสียตกตะลึงเมื่อเห็นร่างสูงโปร่งเดินเข้ามา
ฟ่านจิ่นยิ้มและหัวเราะเบาๆ ยกมือขึ้นตบไหล่ศิษย์เก่าคนดังกล่าวและพูดว่า “เห็นว่าพวกเจ้ามารับตัวเหล่าศิษย์น้องชายหญิงทั้งหลาย ก็เลยอยากแวะเข้ามาดูหน่อย”
กล่าวจบ สายตาของฟ่านจิ่นก็จับจ้องไปที่ร่างของจวินอู๋เสียซึ่งถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง เขาสำรวจจวินอู๋เสียขึ้นลงต่อหน้าทุกคนโดยไม่ปิดบังแม้แต่น้อย และถามออกไปด้วยความประทับใจว่า “เจ้ายังไม่ถูกศิษย์พี่คนใดรับไปสินะ”
นัยน์ตาของจวินอู๋เสียเย็นเฉียบ นางเหลือบมองฟ่านจิ่นอย่างเฉยเมย แต่ไม่ได้ให้คำตอบใดๆ
เจ้าแมวดำตัวน้อยในร่างของหญิงสาวแทบจะกระโจนออกมาข่วนหน้าเขาด้วยความขุ่นเคือง
รับบ้ารับบออะไรเล่า!
เจ้านายของข้า ใช่ใครหน้าไหนอยากรับก็สามารถรับได้อย่างนั้นหรือ!
ศิษย์เก่าคนนั้นกระแอมไอเล็กน้อย “ศิษย์พี่ฟ่าน ไม่ใช่ข้าไม่อยากรับเขานะขอรับ แต่…คุณสมบัติของวงแหวนภูติวิญญาณของเรามันคนละประเภทกันจริงๆ ถ้าข้ารับเขาไว้ มันจะกลายเป็นการถ่วงความก้าวหน้าของเขาในการฝึกฝนมากกว่า ข้าไม่อยากให้ศิษย์น้องต้องมาเสียเวลาเพราะเรื่องนี้” ความเย่อหยิ่งและรังเกียจที่แต่เดิมแสดงออกมาอย่างไม่ปิดบัง ยามอยู่ต่อหน้าฟ่านจิ่นฉับพลันกลับมลายหายไปสิ้นและแปรเปลี่ยนเป็นความเมตตาและห่วงใยแทน
ฟานจินยิ้มและโบกมือของเขา “เรื่องนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลไป ในเมื่อคุณสมบัติของวงแหวนภูติวิญญาณของพวกเจ้ามันคนละประเภทกัน เช่นนั้นก็ยกเจ้าหนูนี่ให้ข้าเถิด จะว่าไปแล้วข้าเองก็ไม่ได้ให้คำแนะนำกับศิษย์น้องมานานมากแล้วเหมือนกัน”
ฟ่านจิ่นกล่าวขณะมองไปที่จวินอู๋เสียด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตรในดวงตาของเขา
“ว่าอย่างไรนะ! ศิษย์พี่ฟ่าน…ท่าน…ท่านจะรับเขาหรือขอรับ!” ดวงตาของศิษย์เก่าผู้นั้นเบิกกว้างขึ้นทันที เขาสงสัยว่าตัวเองกำลังหูฝาดหรือมีอาการประสาทหลอนหรือไม่
“ใช่แล้ว! ข้าว่าข้ารู้สึกถูกชะตาเจ้าหนูนี่นะ เลยคิดว่าจะให้คำแนะนำแก่เขา” ฟ่านจิ่นพูดด้วยรอยยิ้ม
ตอนที่ 392 เข้าเรียน (8)
ทันในนั้นก็มีเสียงสูดลมหายใจเข้าลึกดังขึ้นในห้องโถงใหญ่ ศิษย์เก่าทุกคนแข็งค้าง ใบหน้าแต่ละคนเปลี่ยนเป็นสีขาวซีดในทันที
“เอาล่ะ นี่ก็ล่วงเวลามามากแล้ว พวกเจ้าน่าจะพาศิษย์ใหม่ของพวกเราไปเดินชมดูรอบๆ เพื่อทำความคุ้นเคยได้แล้วนะ ส่วนเจ้าหนูนี่ข้าขอจะรับตัวไปก่อน” พูดจบ ฟ่านจิ่นไม่สนใจว่าการกระทำของเขานั้นจะทำให้เหล่าศิษย์เก่าที่ยืนอยู่ตรงนั้นตกตะลึงมากแค่ไหน เขาเพียงตบไปที่ไหล่ของจวินอู๋เสียเบาๆ ส่งสัญญาณบอกให้นางเดินตามเขาออกจากห้องโถงใหญ่ไป
ถึงแม้ว่าจวินอู๋เสียจะไม่ทราบที่มาของ ‘ศิษย์พี่ฟ่าน’ ผู้ซึ่งปรากฏตัวออกมาอย่างกะทันหันผู้นี้ว่าเป็นใครหรือมีสถานะแบบไหนกันแน่ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับเหล่าชายหนุ่มในห้องโถงใหญ่ การเลือกเขานับเป็นการตัดสินใจที่ดีกว่ามาก
จนกระทั่งฟ่านจิ่นเดินนำจวินอู๋เสียออกจากห้องโถงใหญ่ การแสดงออกของศิษย์เก่าเหล่านั้นก็ยังไม่กลับคืนมาเป็นปกติ
ศิษย์ใหม่ที่ค่อนข้างใจกล้าคนหนึ่ง เอ่ยปากถามรุ่นพี่ของตัวเองออกไปว่า “ศิษย์พี่ขอรับ ศิษย์พี่ฟ่านผู้นั้นมีอะไรผิดปกติอย่างนั้นหรือ เหตุใดการแสดงออกของพวกท่านถึงได้…”
ศิษย์พี่คนนั้นถอนหายใจหนัก เขายกมือขึ้นนวดหว่างคิ้วและกล่าวว่า “นั่นคือฟ่านจิ่น! บุตรบุญธรรมของท่านอาจารย์ใหญ่ และก็ยังเป็นอันดับสี่ของศึกประลองภูติวิญญาณของสำนักศึกษาเฟิงหัวด้วย! เจ้าหนูนั่นมันทำบุญด้วยอะไรวะ โชคดีเป็นบ้าเลยที่ได้รับการชี้แนะจากศิษย์พี่ฟ่านจิ่น!”
สถานะของฟ่านจิ่นนั้นค่อนข้างพิเศษเล็กน้อย ไม่เพียงแต่เขาจะมีรัศมีของการเป็นบุตรบุญธรรมของท่านอาจารย์ใหญ่อยู่รอบตัว แต่ยังได้ครอบครองวงแหวนภูติวิญญาณที่แข็งแกร่งอีกด้วย ความสามารถในการบ่มเพาะพลังวิญญาณ กวาดตาค้นหาไปทั่วสำนักศึกษาเฟิงหัวก็ยังนับว่าเป็นอัจฉริยะ ทิ้งห่างไปจากเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันไกลโข
“ว่าอย่างไรนะขอรับ!” หลังจากได้รับคำตอบเช่นนั้น ศิษย์ใหม่ทั้งหมดก็ตกตะลึงไปอย่างสมบูรณ์
ศิษย์พี่ที่รับเขาเข้ามาในการดูแล ปรายตามองเขาอย่างรำคาญครั้งหนึ่งและหันหลังเดินจากไป เหล่าศิษย์ใหม่แม้จะยังตกใจอยู่ ทว่าแต่ละคนก็พอตั้งสติได้รีบวิ่งตามหลังศิษย์พี่ของตัวเองไปอย่างรีบร้อน
แน่นอนว่าศิษย์ใหม่คนอื่นๆ ที่ได้ยินข่าวนี้ในภายหลัง ต่างก็พากันตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ราวกับถูกฟ้าผ่า
บุตรบุญธรรมของท่านอาจารย์ใหญ่…อันดับสี่ในศึกประลองภูติวิญญาณ…
เดิมทีพวกเขายังหัวเราะเยาะใส่จวินอู๋เสียว่าเป็นเผือกร้อนที่ไม่มีใครอยากยอมรับ แต่ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถพูดอะไรได้แล้ว ต่อให้พวกเขาไม่รู้เรื่องรู้ราวภายในสำนักศึกษาเฟิงหัวสักแค่ไหน ก็รู้ว่าฉายาสองฉายาบนหัวฟ่านจิ่นนี้หมายความว่าอย่างไร
เมื่อพิจารณาจากทัศนคติของเหล่าศิษย์เก่าในห้องโถงใหญ่ที่มีต่อฟ่านจิ่น เห็นได้ชัดว่าไม่มีศิษย์พี่คนไหนเลยที่สามารถดีเทียบเท่ากับฟ่านจิ่นได้
ก่อนอื่นก็ถูกกู้หลีเซิงจับตา ต่อมายังมาถูกฟ่านจิ่นรับตัวไปอีก…
ความโชคดีของจวินอู๋เสีย ทำให้กลุ่มคนรุ่นเยาว์ทุกคนเกือบจะกระอักโลหิตออกมาพร้อมกันด้วยความเกลียดชัง พวกเขาหวังจริงๆ ว่าจะสามารถสับเปลี่ยนสถานะของตัวเองกับจวินอู๋เสียได้!
……
…
จวินอู๋เสียเดินตามหลังฟ่านจิ่นออกไปจากห้องโถงใหญ่ ตลอดเส้นทางหลักของสำนักศึกษาเฟิงหัว ภาพของฟ่านจิ่นกับจวินอู๋เสียที่คนหนึ่งเดินนำหน้าส่วนอีกคนเดินตามหลัง ได้ดึงดูดความสนใจจากผู้คนเป็นจำนวนมาก
“เจ้าชื่อจวินเสียใช่หรือไม่” ฟ่านจิ่นถามขณะที่จวินอู๋เสียยังคงเดินตามอยู่ข้างหลัง
“ใช่”
“ฮ่าๆๆ อย่าได้เกร็งไป ข้าเป็นคนสบายๆ มากกว่า เป็นท่านลุงกู้ที่ขอให้ข้ามาหาเจ้า คำอธิบายของเขาที่มอบให้กับข้านั้นช่างถูกต้องมากจริงๆ ใครตัวเล็กที่สุด นั่นแหละก็คือคนที่เจ้ากำลังมองหา ฮ่าๆๆ!” ฟ่านจิ่นพูดอย่างมีอารมณ์ขันเล็กน้อย เสียงหัวเราะของเขาช่างสดใสยิ่งนัก
ย่างก้าวของจวินอู๋เสียแทบสะดุด นางมองไปที่แผ่นหลังของฟ่านจิ่นแล้วหลุบตาลงอย่างครุ่นคิด
“มีอะไรหรือ” ฟ่านจิ่นหันไปมองจวินอู๋เสียที่จู่ๆ ก็หยุดเดินกะทันหัน
“ไม่มีอะไร” จวินอู๋เสียตอบก่อนจะสลัดความคิดเหล่านั้นออกไปจากหัวของนาง
การที่กู้หลีเซิงได้จัดการให้มีคนมารับตัวนางไป เห็นได้ชัดว่าเขารู้อยู่แล้วว่าคำพูดของเขาในที่สาธารณะวันนั้นจะสร้างปัญหาให้กับนางมากแค่ไหน ด้วยการจัดการเช่นนี้ เขาคงตั้งใจที่จะรับนางเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งกับสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณของเขาแล้วจริงๆ ซึ่งนั่นก็ตรงกับความตั้งใจของนางพอดี
ตึกหลักของสำนักศึกษาเฟิงหัวประกอบด้วยสามสาขาเท่านั้นได้แก่ สาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณ สาขาผู้ใช้สัตว์วิญญาณ และสาขาผู้ใช้อาวุธวิญญาณ แม้ภายนอกนางจะแจ้งให้แก่คนทั่วไปทราบว่าวงแหวนภูติวิญญาณของนางนั้นเป็นประเภทสัตว์ร้าย แต่วงแหวนภูติวิญญาณที่แท้จริงของนางคือบัวหิมะซังอวี้ ดังนั้นแม้นางจะเข้าร่วมกับสาขาอื่นๆ ไปมันก็แทบจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยสำหรับนาง