ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 395 เพื่อนร่วมหอพักที่ไม่เป็นมิตร (3) ตอนที่ 396 เพื่อนร่วมหอพักที่ไม่เป็นมิตร (4)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 395 เพื่อนร่วมหอพักที่ไม่เป็นมิตร (3) ตอนที่ 396 เพื่อนร่วมหอพักที่ไม่เป็นมิตร (4)
ตอนที่ 395 เพื่อนร่วมหอพักที่ไม่เป็นมิตร (3) / ตอนที่ 396 เพื่อนร่วมหอพักที่ไม่เป็นมิตร (4)
ตอนที่ 395 เพื่อนร่วมหอพักที่ไม่เป็นมิตร (3)
ชายหนุ่มผู้นั้นพยักหน้าซ้ำๆ แต่ในใจของเขาลอบหลั่งเหงื่อเย็นเยียบ อิ่นเหยียนคนนี้แม้ภายนอกจะดูสุภาพเรียบร้อยและอ่อนโยน แต่ความโหดเหี้ยมในตัวของคนผู้นี้ เรียกได้ว่าทำให้ผู้คนขนพองสยองเกล้าได้เลยจริงๆ
“ศิษย์พี่หนิงมองหาข้ามีธุระอะไรอย่างนั้นหรือ” อิ่นเหยียนโยนเรื่องไร้สาระเกี่ยวกับจวินอู๋เสียออกไปชั่วคราวและถามชายหนุ่มที่เดินมาข้างๆ กัน
ชายหนุ่มส่ายศีรษะ “ศิษย์พี่หนิงไม่ได้พูด เพียงบอกให้ข้าตามเจ้าไปพบนางเท่านั้น”
อิ่นเหยียนก็ไม่ได้ถามอะไรอีก
ไม่นานนัก ทั้งสองคนก็มาถึงหอตำราที่อยู่ในเขตตึกสาขาผู้ใช้สัตว์วิญญาณ บนชั้นสองของหอตำรา หญิงสาวผู้หนึ่งที่มีใบหน้างดงามในชุดเครื่องแบบของสำนักศึกษาเฟิงหัวกำลังนั่งอยู่ที่ริมหน้าต่าง แสงแดดที่ลอดผ่านบานหน้าต่างเข้ามา ตกกระทบลงบนร่างงามทำให้ร่างที่เพรียวบางนั้นคล้ายกับจะเปล่งประกายและถูกห้อมล้อมไปด้วยรัศมีที่ทรงเสน่ห์และเย้ายวนใจ
หญิงสาวก้มศีรษะลงเล็กน้อย ดวงตาของนางกำลังจับจ้องไปที่ตำราเล่มหนึ่งในมืออย่างจดจ่อ
อิ่นเหยียนเผลอจ้องมองไปที่ท่วงท่าที่แสนตราตรึงใจนี้อย่างเหม่อลอยสักพัก ก่อนกระแอมในลำคอและเรียกออกไปว่า “ศิษย์พี่หนิง”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียก ใบหน้าที่งดงามของนาง ทำให้อิ่นเหยียนที่เดิมหลงใหลในตัวอีกฝ่ายอยู่แล้วลมหายใจสะดุดจนแทบหายใจไม่ออก
ภายใต้สายตาที่จ้องมองมาของหญิงสาว อิ่นเหยียนรีบก้มศีรษะลงทันทีด้วยความเขินอาย
หญิงสาวชำเลืองมองไปที่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ อิ่นเหยียน ชายหนุ่มผู้นั้นก็รีบถอยออกไปทันทีอย่างรู้งาน
จากนั้นหญิงสาวก็เริ่มพูดอย่างเป็นกันเองว่า “ศิษย์ใหม่ที่ฟ่านจิ่นรับไว้ในการดูแล พักอยู่ห้องเดียวกับเจ้าใช่หรือไม่”
อิ่นเหยียนตอบว่า “ใช่ ข้าเองก็เพิ่งรู้เหมือนกัน”
หญิงสาวถามต่อว่า “เจ้าได้พบหน้าศิษย์ใหม่คนนั้นแล้วหรือ”
“ใช่ขอรับ”
“เป็นอย่างไรบ้าง”
“อายุน้อยมากขอรับ ดูเหมือนจะยังไม่เกินสิบสี่หรือสิบห้าปีเลย รูปร่างผอมบางเล็กน้อย ไม่เห็นมีจุดไหนที่โดดเด่นหรือสะดุดตา” อิ่นเหยียนกล่าวอย่างตรงไปตรงมา ถ้าไม่ใช่เพราะฟ่านจิ่นเป็นคนพาเขามาส่งถึงหน้าประตูห้องด้วยตัวเอง เขาคงไม่แม้แต่จะปรายตามองเพื่อนร่วมห้องคนใหม่คนนี้ด้วยซ้ำ
หางตาของหญิงสาวยกขึ้นเล็กน้อย “คนที่ไม่สะดุดตาอะไรเลย ฟ่านจิ่นจะยอมชี้แนะเขาหรือ”
แม้ว่าสำนักศึกษาเฟิงหัวจะมีธรรมเนียมให้คำชี้แนะแก่ศิษย์ใหม่ แต่มันก็ยังมีข้อยกเว้นบางประการ นั่นคือศิษย์ใหม่ทั้งหลายจะไม่สามารถเลือกได้เลยว่าอยากจะติดตามศิษย์พี่คนใด ทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของศิษย์เก่าเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในการสุ่มเลือกก็ยังมีอีกสองกรณีย่อยที่พิเศษออกไป
ประการแรกศิษย์ของสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณจะได้รับการยกเว้น จำนวนของศิษย์สาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณนั้นมีน้อยมาก ไม่มีใครรู้ว่ากู้หลีเซิงใช้กฎเกณฑ์ใดในการคัดเลือกลูกศิษย์ แต่ในทุกๆ ปี จะมีเพียงศิษย์ใหม่สองหรือสามคนเท่านั้นที่ถูกเลือกให้เข้าไปยังสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณ อย่างไรก็ตาม การยอมรับเพียงครั้งเดียวไม่ได้หมายความว่าสถานภาพของศิษย์คนนั้นจะคงอยู่ตลอดไป หากระหว่างทางกู้หลีเซิงพบว่าศิษย์คนนั้นเกียจคร้านหรือไม่เหมาะที่จะศึกษาต่อในสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณจริงๆ เขาก็จะไล่ศิษย์คนนั้นออกจากสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณ จากประวัติที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นว่าในทุกปีจะมีศิษย์ใหม่ถูกเลือกให้เข้าไปยังสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณสองถึงสามคนเสมอ แต่คนที่เดินไปจนถึงปลายทางสุดท้าย มักจะเหลือเพียงคนเดียวเท่านั้น
ปัจจุบันศิษย์ที่ศึกษาอยู่ไหนสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณ นับรวมกันแล้วมีเพียงแปดหรือเก้าคนเท่านั้น
แต่คนแปดหรือเก้าคนนี้กลับเป็นที่อิจฉาของลูกศิษย์ทั้งสำนักศึกษา อาจกล่าวได้ว่าเป็นตัวตนที่พิเศษและมีสถานะพิเศษได้รับการยกเว้นทุกเรื่องที่วุ่นวายในสำนัก! นอกเหนือจากการฝึกฝนเพื่อยกระดับตัวเองให้กลายเป็นผู้เยียวยาจิตวิญญาณที่โดดเด่นซึ่งนั่นก็ป็นเป้าหมายหลักของสำนักศึกษาเฟิงหัว พวกเขาเหล่านั้นก็ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติภารกิจยุ่งยากอื่นใดอีก
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือไปจากศิษย์ของสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณ ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่จำเป็นต้องดูแลศิษย์ใหม่ที่เพิ่งรับเข้ามาในสำนักศึกษา
นั่นก็คือผู้ที่อยู่ในสิบอันดับแรกของศึกประลองภูติวิญญาณ!
สำนักศึกษาเฟิงหัวทุกปีจะจัดศึกประลองภูติวิญญาณขึ้นมาครั้งหนึ่ง ในการประลองนี้จะไม่มีการแบ่งแยกว่าวงแหวนภูติวิญญาณที่ผู้ถือครองอยู่นั้นจัดอยู่ในประเภทไหน ทุกคนจะเข้ามารวมตัวกันเพื่อต่อสู้ และหลังจากนั้นก็จะคัดเลือกศิษย์สิบคนสุดท้ายที่โดดเด่นมากที่สุดออกมา
โดยศิษย์ทั้งสิบคนนี้จะได้รับทรัพยากรสูงสุดของสำนักศึกษาเฟิงหัว ไม่ว่าจะในด้านการบ่มเพาะพลังวิญญาณหรือว่าด้านอื่นๆ พวกเขาก็จะได้รับการดูแลที่ดีกว่าลูกศิษย์ทั่วไปชนิดที่เรียกได้ว่าแตกต่างราวฟ้ากับเหว ดังนั้นเมื่อเวลาวนมาถึงช่วงนี้ของทุกๆ ปี ทุกๆ สถานที่ในสำนักศึกษาเฟิงหัวก็จะคึกคัก เต็มไปด้วยบรรยากาศเดือดพล่านและดุดันจากอิทธิพลของงานประลอง
ฟานจิ่นคือผู้ที่ได้อันดับที่สี่ในศึกประลองภูติวิญญาณเมื่อปีที่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องรับศิษย์ใหม่เพื่อให้คำชี้แนะแก่เขาแต่อย่างใด เพราะอย่างไรเสียนี่ก็เป็นเรื่องที่เสียเวลาและต้องใช้ความพยายามอย่างมาก
ตอนที่ 396 เพื่อนร่วมหอพักที่ไม่เป็นมิตร (4)
อิ่นเหยียนพยักหน้าเล็กน้อย คำพูดของศิษย์พี่หนิงทำให้เขาต้องกลับมาคิดพิจารณาใหม่อีกสักครั้ง
“แต่ว่าข้าได้เห็นวงแหวนภูติวิญญาณของเด็กหนุ่มคนนั้นแล้วนะขอรับ มันเป็นเพียงแค่แมวดำตัวน้อยธรรมดาเท่านั้น…ดูไม่ได้พิเศษอะไรเลย”
“แมวดำธรรมดาตัวหนึ่งอย่างนั้นหรือ” ใบหน้าของศิษย์พี่หนิงฉายแววเย้ยหยัน นางมองไปที่อิ่นเหยียนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ “เจ้าคิดว่า เด็กหนุ่มธรรมดาที่ไม่มีความสามารถอะไรเลย มีเพียงแค่แมวดำตัวหนึ่งเป็นวงแหวนภูติวิญญาณ จะสามารถผ่านการทดสอบแล้วเข้ามาศึกษายังตึกหลักโดยตรงได้? เสี่ยวเหยียนเอ๋ย เจ้ายังเด็กเกินไปจริงๆ!”
คำพูดของศิษย์พี่หนิงเป็นเหมือนกับน้ำเย็นที่ราดใส่หน้าเขา ทำให้อิ่นเหยียนตื่นจากอคติของตัวเองทันที
เขาเพียงแค่มองว่าอีกฝ่ายอายุยังน้อย และมีเพียงแมวดำธรรมดาๆ เป็นวงแหวนภูติวิญญาณ แต่เขาลืมไปได้อย่างไรว่าจวินอู๋เสียคือคนเพียงไม่กี่คนในบรรดาผู้ร่วมทดสอบเข้าสำนักหลายร้อยหลายพันคนและสามารถผ่านเข้ามายังตึกหลักโดยตรงได้!
อิ่นเหยียนตระหนักรู้ขึ้นมาในทันที คนที่สามารถผ่านเข้ามาศึกษายังตึกหลักโดยตรงได้นั้น ย่อมไม่ใช่คนที่มีความสามารถธรรมดาๆ ตรงจุดนี้เขารู้ดียิ่งกว่าใครเพราะตัวเองก็เคยผ่านมันมาแล้ว ย่อมรู้ซึ้งถึงความยากลำบากในการเข้ามาศึกษายังตึกหลัก
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ความรู้สึกดูถูกเหยียดหยามก่อนหน้านี้ที่มีต่อจวินอู๋เสียก็ลดลงไปมากโข
“ศิษย์พี่หนิงพูดได้ถูกต้องแล้วขอรับ ศิษย์น้องได้รับบทเรียนแล้ว” อิ่นเหยียนโค้งคำนับอย่างนอบน้อม
ศิษย์พี่หนิงเพียงหัวเราะคิกคักและไม่ได้จริงจังกับมัน นางหลุบตาลง ดูเหมือนความสนใจของนางจะย้อนกลับไปยังตำราที่อยู่ในมืออีกครั้ง แต่ปากของนางก็ยังขยับพูดเล็กน้อยว่า “เรื่องที่ฟ่านจิ่นถ่อไปรับตัวศิษย์ใหม่คนนี้ด้วยตนเอง คงทำให้หัวใจของเจ้ารู้สึกอึดอัดมากเลยกระมัง การดูถูกที่เจ้าเคยได้รับมาก่อน ทว่าตอนนี้เขากลับปฏิบัติต่อศิษย์ใหม่คนนั้นเป็นอย่างดี ความแตกต่างในการปฏิบัตินี้ ข้ารู้สึกเสียใจแทนเจ้าจริงๆ”
คำพูดของศิษย์พี่หนิงเป็นเหมือนกับคมมีดที่กรีดลึกลงไปในหัวใจของอิ่นเหยียน ขณะที่ฉากอันน่าอับอายหวนกลับเข้ามาในความทรงจำของเขาอีกครั้ง นั่นคือความอัปยศที่เขาจะไม่มีวันลืมมันไปตลอดทั้งชีวิต! ในเวลาเพียงครู่เดียว ใบหน้าของอิ่นเหยียนก็เขียวคล้ำขึ้นราวกับถูกปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกสีดำ มือของเขากำหมัดแน่น และแขนของเขาก็กดลงแนบชิดกับลำตัว เส้นเลือดของเขาปูดโปนขึ้นมาจนเห็นเส้นสีน้ำเงินจางๆ เผยให้เห็นถึงหัวใจที่เต็มไปด้วยความเจ็บแค้นและโกรธอย่างรุนแรงในขณะนั้น
ศิษย์พี่หนิงลอบยิ้มโดยที่ไม่มีใครเห็น ก่อนที่รอยยิ้มนั้นจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว
“อย่างไรก็ตามทั้งหมดล้วนเป็นอดีตไปแล้ว คิดถึงฟ่านจิ่น ข้าว่าตอนนี้เขาเองก็คงกำลังรู้สึกเสียใจภายหลังอยู่กระมัง เจ้าในตอนนี้ไม่ใช่ศิษย์ใหม่ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นศิษย์ของสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณซึ่งมีสถานะสูงกว่าศิษย์ทั่วไปหลายร้อยเท่านัก เจ้าไม่จำเป็นต้องดูถูกตัวเองอีก” ความโกรธที่เพิ่งถูกกระตุ้นขึ้นมาบนใบหน้าของอิ่นเหยียนฉับพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอย
อิ่นเหยียนไม่ได้สังเกตเห็นเลยสักนิดว่าอารมณ์ที่ผันผวนอยู่ตลอดเวลาของเขานั้น ล้วนตกอยู่ภายใต้การควบคุมของหญิงสาวและคำพูดกระตุ้นของนาง
“ขอรับ! ขอบคุณศิษย์พี่หนิงที่เตือนข้า! ข้าจะไม่มีวันลืมความอัปยศอดสูในวันนั้น และการที่ข้าได้มีทั้งหมดในวันนี้ก็เป็นเพราะความเมตตาของศิษย์พี่หนิงที่มอบให้” อิ่นเหยียนหรี่ตาลงพร้อมกับหัวเราะเสียงเย็นในใจ
ใช่แล้ว เขาอิ่นเหยียนบัดนี้ได้กลายเป็นศิษย์ของสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณแล้ว นี่คือสิ่งที่ศิษย์ทั้งสำนักศึกษาเฟิงหัวต้องอิจฉาริษยา เขาไม่ใช่ขยะคนเดิมที่ถูกผู้อื่นทอดทิ้งหรือดูถูกอีกต่อไป!
ฟ่านจิ่น ข้าจะทำให้เจ้ารู้สึกสำนึก ให้เจ้ารู้ว่าต่อหน้าข้าอิ่นเหยียนผู้นี้ ศิษย์ใหม่ที่เจ้าเลือกเองกับมือก็เป็นเพียงขยะกองหนึ่งเท่านั้น!
นัยน์ตาของอิ่นเหยียนเริ่มไร้ความปรานีมากขึ้นเรื่อยๆ ศิษย์พี่หนิงซึ่งสังเกตการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดมาโดยตลอดก็ลอบยิ้มมุมปาก รอยยิ้มที่หางตาของนางชัดมากขึ้นทุกที
“ที่ข้ายินดีมอบโอกาสนี้ให้แก่เจ้า มิใช่เพราะสงสารเจ้า แต่เพราะข้าเล็งเห็นและเชื่อว่าเจ้ามีศักยภาพเช่นนั้นและสมควรแล้วที่จะได้รับการสนับสนุน การชี้แนะเส้นทางให้กับเจ้าเป็นเรื่องที่คุ้มค่า ดังนั้นจงอย่าทำให้ความพยายามอย่างหนักของข้าต้องเสียเปล่ารู้หรือไม่” น้ำเสียงของศิษย์พี่หนิงฟังดูจริงจังขึ้น และทำให้ผู้ฟังรู้สึกไม่อาจขัดขืนหรือตอบปฏิเสธได้เลย
“ศิษย์พี่หนิง โปรดวางใจ ความปรารถนาของท่านก็คือความปรารถนาของข้า ข้าจะไม่มีวันทำให้ท่านต้องผิดหวัง!” อิ่นเหยียนหรี่ตาลงและตอบกลับไป
ศิษย์พี่หนิงยิ้มเล็กน้อยและเงยหน้าขึ้น “ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็จงไปตรวจสอบดูก่อนว่าศิษย์ใหม่ที่ฟ่านจิ่นเลือกมานั้นมีความเป็นมาอย่างไรกันแน่”