ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 421 ความโกรธของกู้หลีเซิง (2) ตอนที่ 422 สาขาผู้ใช้สัตว์วิญญาณ (1)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 421 ความโกรธของกู้หลีเซิง (2) ตอนที่ 422 สาขาผู้ใช้สัตว์วิญญาณ (1)
ตอนที่ 421 ความโกรธของกู้หลีเซิง (2) / ตอนที่ 422 สาขาผู้ใช้สัตว์วิญญาณ (1)
ตอนที่ 421 ความโกรธของกู้หลีเซิง (2)
หลี่จื่อมู่ช่างบังอาจนัก! กู้หลีเซิงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเดือดดาล
ที่เขายอมให้หลี่จื่อมู่เข้ามาในสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณก็เพื่อจุดประสงค์ก่อนหน้านี้ เพราะต้องการปกป้องจวินอู๋เสียอย่างลับๆ เขาจึงต้องรับลูกศิษย์เข้ามาสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณหนึ่งคนเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่นและตอนที่เข้ามาสำนักศึกษาก็เดินผ่านหลี่จื่อมู่พอดี เขาจึงพาเขาเข้ามาสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณด้วย
สำหรับเรื่องของจวินอู๋เสีย กู้หลีเซิงก็ได้อธิบายให้ท่านอาจารย์ใหญ่และหลี่จื่อมู่ฟังแล้วว่าเขาทำผิดพลาดเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับจวินอู๋เสีย
และที่เขาอธิบายแบบนี้ก็เพราะกลัวว่าจวินอู๋เสียจะถูกหาเรื่อง ถ้านางออกจากสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณไป แม้ว่าเขาจะรู้ว่าคำพูดของเขาอาจมีผลเพียงเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่คิดว่าหลี่จื่อมู่จะไม่ฟังคำพูดของเขาเยี่ยงนี้ ทั้งๆ ที่เขาได้บอกความจริงไปแล้วแต่สิ่งที่ถูกเผยออกไปกลับเป็นอีกแบบ
ถูกลูกศิษย์ตัวปลอมปล่อยข่าวลือทำร้ายลูกศิษย์ที่เขาภาคภูมิใจที่สุดแบบนี้ กู้หลีเซิงโกรธจนอยากจะฆ่าหลี่จื่อมู่
กู้หลีเซิงมองไปที่ฟ่านจิ่น เขารู้ว่าในสถานการณ์ตอนนี้แม้ว่าเขาจะออกไปอธิบายก็ไม่เกิดประโยชน์อันใด เพราะข่าวลือเหล่านั้นได้แพร่กระจายไปทั่วสำนักศึกษาเฟิงหัวแล้ว
ดูเหมือนว่าชีวิตต่อจากนี้ของจวินอู๋เสียที่สำนักศึกษาเฟิงหัวจะยากลำบากไม่น้อย
“ฟ่านจิ่น ข้าเชื่อใจเจ้ามาโดยตลอดและเชื่อว่าเจ้าเป็นคนซื่อสัตย์ ข้าอยากให้เจ้าช่วยดูแลจวินเสีย เพราะจริงๆ แล้ว…”
กู้หลีเซิงบอกความจริงกับฟ่านจิ่น มิใช่เพราะเหตุผลอื่น แต่เป็นเพราะเขาเชื่อใจฟ่านจิ่น การที่ฟ่านจิ่นวิ่งมาตำหนิเขาเพื่อจวินอู๋เสียแบบนี้ นั่นแสดงให้เห็นแล้วว่าฟ่านจิ่นถือว่าจวินอู๋เสียเป็นน้องชายของเขาแล้ว และอีกเหตุผลคือมีข่าวลือของจวินอู๋เสียแบบนี้ในสำนักศึกษาเฟิงหัว ถ้าต่อไปนางเข้าไปในสาขาผู้ใช้สัตว์วิญญาณนางก็ต้องลำบากอย่างแน่นอน หากไม่มีฟ่านจิ่นปกป้องนาง กู้หลีเซิงก็ไม่รู้ว่าจวินอู๋เสียจะทำอย่างไรจริงๆ
นั่นเป็นเหตุผลที่กู้หลีเซิงบอกเรื่องราวทั้งหมดให้ฟ่านจิ่นฟัง
จากความสงบในตอนแรกกลายเป็นความตกใจในทันที ฟ่านจิ่นมองกู้หลีเซิงอย่างเหลือเชื่อ “ท่าน…ท่านหมายความว่า…น้องเสีย…สามารถปรับปรุงทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณให้ดีขึ้นได้หรือ”
พระเจ้า! เขาได้ยินอะไร!
ฟ่านจิ่นรู้ดีว่าทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณนั้นมีค่าเพียงใด แต่…
กู้หลีเซิงกลับบอกว่าจวินอู๋เสียใช้เวลาเพียงหนึ่งก้านธูปในการเรียนรู้และเข้าใจทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณทั้งหมด นั่นเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมาก!
“ใช่ สิ่งนี้อาจฟังดูน่าเหลือเชื่อ แต่มันเป็นเรื่องจริง เรื่องนี้สำคัญมาก ก่อนที่จวินเสียจะทำสำเร็จเขาอาจต้องแบกรับความอับอายเหล่านี้ต่อไป ข้าหวังว่าต่อไปนี้เจ้าจะดูแลเขาให้ดี อย่างน้อยก็ให้เขาสามารถใช้ชีวิตในสำนักศึกษาให้ดีกว่านี้” กู้หลีเซิงถอนหายใจ
“ลุงกู้ ท่านวางใจเถิด ข้าจะไม่ยอมให้ใครมารังแกน้องเสียเป็นอันขาด” ฟ่านจิ่นกล่าวสัญญาในทันทีเรื่องอื่นเขาอาจไม่กล้าสัญญา แต่เรื่องปกป้องจวินอู๋เสียเขามั่นใจว่าเขาสามารถทำได้
“ได้ยินคำนี้ของเจ้า ข้าก็วางใจ” กู้หลีเซิงยิ้ม เขารู้สถานการณ์ปัจจุบันของจวินอู๋เสียที่สำนักศึกษาเฟิงหัวได้เพราะฟ่านจิ่น
แต่สิ่งที่กู้หลีเซิงไม่คาดคิดคือหลี่จื่อมู่คนที่เขาพาเข้ามาอย่างไม่ได้ตั้งใจจะเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้
หลังจากรู้ต้นเหตุของเหตุการณ์ทั้งหมดแล้วฟ่านจิ่นก็ไม่กังวลอีกต่อไป และหลังจากที่รู้ว่ากู้หลีเซิงตั้งใจจะย้ายจวินอู๋เสียไปที่สาขาผู้ใช้สัตว์วิญญาณ เขาก็สัญญาว่าจะดูแลจวินอู๋เสียอย่างดี หลังจากทั้งสองพูดคุยกันเสร็จแล้ว ฟ่านจิ่นก็เดินออกจากสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณทันที
แต่กู้หลีเซิงกลับคิดไตร่ตรองอย่างละเอียด และหลี่จื่อมู่ผู้ซึ่งยังคงอยู่ในภาคภูมิใจไม่รู้ว่าตัวเองได้ยั่วยุคนที่ไม่ควรยั่วยุที่สุดในสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณ และสิ่งที่รอคอยเขาอยู่ในอนาคตมิใช่ความสำเร็จ แต่เป็นความพ่ายแพ้
………
ตอนที่ 422 สาขาผู้ใช้สัตว์วิญญาณ (1)
ในตอนบ่ายของวันนั้น จวินอู๋เสียก็นำป้ายหยกของสาขาผู้ใช้สัตว์วิญญาณมาที่สาขาผู้ใช้สัตว์วิญญาณพร้อมกับฟ่านจิ่น เพราะฟ่านจิ่น ลูกศิษย์ของสาขาผู้ใช้สัตว์วิญญาณจึงไม่กล้าทำอะไรโจ่งแจ้งมากเกินไป พวกเขาแค่รวมกลุ่มกันแล้วชี้ไปที่จวินอู๋เสียที่ยืนอยู่ข้างๆ ฟ่านจิ่นแล้วกระซิบพูดคุยกัน และคำพูดที่กระซิบกันนั้นไม่น่าฟังเพียงใดไม่มีผู้ใดรู้
การสอนของศิษย์เก่าและศิษย์ใหม่ของสาขาผู้ใช้สัตว์วิญญาณนั้นแยกออกจากกัน หลังจากที่ฟ่านจิ่นพาจวินอู๋เสียไปที่ห้องเรียนของศิษย์ใหม่ บนใบหน้าของเขาก็ดูกังวลเล็กน้อย
“น้องเสีย ข้าต้องไปแล้ว ถ้ามีใครพูดอะไรที่ไม่น่าฟังเจ้าก็อย่าได้ใส่ใจ ถ้ามีใครกล้ารังแกเจ้า เจ้าบอกข้า ข้าจะไปจัดการให้” เขาพูดพลางชูหมัดขึ้นอย่างจริงจัง ปกติเขาเป็นผู้รักความสงบ แต่ครั้งนี้เพื่อจวินอู๋เสีย เขาก็เตรียมพร้อมที่จะเสียชื่อเสียงของเขา
เพื่อรอวันที่จวินอู๋เสียประสบความสำเร็จ ทุกอย่างก็จะกระจ่างขึ้นเอง!
จวินอู๋เสียมองไปที่ฟ่านจิ่นแล้วนางก็รู้สึกว่าเขาช่างคล้ายกับเฉียวฉู่ยิ่งนัก ก่อนที่นางจะพยักหน้าเล็กน้อย
ฟ่านจิ่นบอกลาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินออกไปด้วยความกังวล
ทันทีที่ฟ่านจิ่นเดินออกไป ชายหนุ่มในห้องเรียนทั้งหลายที่ไม่กล้าพูดอะไรตอนที่ฟ่านจิ่นอยู่ก็รีบเปิดปากพูดทันที
“ข้าก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็เจ้าคนไร้ยางอายที่สุดนี่เอง ทำไมหรือ เข้าสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณไม่ได้เลยมาสาขาผู้ใช้สัตว์วิญญาณของพวกข้าหรือ เริ่มแรกข้าคิดว่าคนที่ถูกไล่ออกจากสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณจะต้องออกจากสำนักศึกษาเฟิงหัวเลย แท้จริงแล้วเป็นข้าเองที่คิดผิดไป” ชายหนุ่มคนหนึ่งมองไปที่จวินอู๋เสียด้วยรอยยิ้มดูถูก เขาเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่ขัดแย้งกับจวินอู๋เสียในโรงอาหารตอนเที่ยง
“มันก็ขึ้นกับว่าเป็นใคร ถ้าเจ้ามีเส้นสายที่ดีก็ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ นั่นเป็นบุตรบุญธรรมชายของท่านอาจารย์ใหญ่เชียวนะ เขาแค่เปิดปากขอร้องให้คนหนึ่งอยู่ต่อก็มิใช่เรื่องยากอะไร เจ้าไม่ได้ยินที่ศิษย์พี่ฟ่านกล่าวหรือว่าถ้ามีใครกล้ารังแกจวินเสีย เขาจะทำจัดการทันที” ชายหนุ่มอีกคนพูดต่อทันที แม้ว่าครั้งนี้พวกเขาจะไม่ทำอะไร แต่แววตาดูหมิ่นนั้นกลับเห็นได้อย่างชัดเจน
พวกเขาไม่ได้สนใจว่าจวินอู๋เสียจะได้ยินหรือไม่
“ข้าขอเตือนพวกเจ้าว่าอย่าพูดมากจะดีกว่า เพราะคนหนุนหลังของเขาไม่ธรรมดา เขาสามารถทำให้คนที่ควรจะออกจากสำนักศึกษาอยู่ต่อได้ บางทีเขาก็อาจจะขับไล่พวกเราออกไปได้เช่นกัน ฉะนั้นพูดให้น้อยลงจะดีกว่า”
กลุ่มชายหนุ่มพากันหัวเราะและพูดคุยกันจนทำให้บรรยากาศในห้องเรียนดูแปลกไปมาก
ศิษย์ใหม่ในครั้งนี้มีหลายสิบคน เข้าสาขาผู้ใช้สัตว์วิญญาณและสาขาผู้ใช้อาวุธวิญญาณอย่างละครึ่ง คนสามสิบกว่าคนในห้องเรียนนี้เข้ามาพร้อมกับจวินอู๋เสีย
และในบรรดาสามสิบคนนี้กลับไม่มีผู้ใดที่เป็นมิตรกับจวินอู๋เสียเลย
เจ้าแมวดำตัวน้อยที่นอนอยู่บนไหล่ของจวินอู๋เสียเหลือบมองกลุ่มชายหนุ่มที่โง่เขลาเหล่านี้ด้วยสายตาเกียจคร้าน
ปัญญาอ่อนจริงๆ
จวินอู๋เสียไม่ได้ใส่ใจคำพูดเสียดสีของพวกเขา นางนั่งลงที่มุมห้องแล้วรออาจารย์เข้ามา
ส่วนชายหนุ่มเหล่านั้นต่างรู้สึกเบื่อหน่ายกันมากเมื่อเห็นว่าจวินอู๋เสียไม่มีเจตนาจะโต้เถียงกับพวกเขา แต่เพราะฟ่านจิ่นพวกเขาจึงไม่กล้าทำอะไรจวินอู๋เสีย พวกเขาทำได้เพียงจับกลุ่มกันแล้วปล่อยให้นางอยู่คนเดียว
เมื่ออาจารย์ของศิษย์ใหม่สาขาผู้ใช้สัตว์วิญญาณเดินเข้ามาในห้องเรียน ทันใดนั้นเสียงอื้ออึงในห้องก็เงียบลงทันที ศิษย์ใหม่ทุกคนนั่งลงอย่างเป็นระเบียบไม่มีผู้ใดกล้าส่งเสียงอีก
ดวงตาที่เคร่งขรึมของเฉียนหยวนเหอกวาดไปรอบๆ ห้องเรียนและทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นร่างเล็กที่นั่งอยู่ตรงมุมห้องคนเดียว เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
…………