ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 433 มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ (1) ตอนที่ 434 มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ (2)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 433 มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ (1) ตอนที่ 434 มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ (2)
ตอนที่ 433 มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ (1) / ตอนที่ 434 มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ (2)
ตอนที่ 433 มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ (1)
ในขณะที่มองฟ่านจัวนอนหลับอย่างสงบ ในหัวของฟ่านจิ่นก็ยังไม่หยุดคิด สำนักชิงอวิ๋นสูญหายไปแล้วแต่อาการของฟ่านจัวกลับยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ท่านพ่อก็ได้เชิญหมอเก่งกาจมากมายมารักษาก็ไม่สามารถรักษาได้ หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป…
ฟ่านจิ่นกำหมัดแน่น หลังจากเห็นว่าฟ่านจัวหลับลึกไปแล้ว เขาก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ห้องหนังสือของอาจารย์ใหญ่ในสำนักศึกษาเฟิงหัวทันที
เมื่อมาถึงหน้าห้อง ในขณะที่ฟ่านจิ่นกำลังจะเคาะประตูก็มีเสียงอาจิ้งดังออกมาจากข้างในห้อง
“ท่านอาจารย์ใหญ่ ได้โปรดไปหาคุณชายเถิด หากยังปล่อยให้จวินเสียทรมานคุณชายแบบนี้ ข้ากลัวว่าคุณชายจะ…”
ฟ่านจิ่นเตะประตูเข้าไปด้วยความตกใจ
“อาจิ้ง ใครอนุญาตให้เจ้ามาพูดจาเหลวไหลที่นี่” ฟ่านจิ่นมองอาจิ้งที่ยืนอยู่ในห้องหนังสืออย่างเหลือเชื่อ เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าผ่านไปแค่สิบห้านาทีอาจิ้งจะมาฟ้องท่านพ่อของพวกเขาที่นี่
“คุณ…คุณชายใหญ่…” อาจิ้งไม่คิดว่าฟ่านจิ่นจะปรากฏตัวที่นี่ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
ชายชราที่นั่งอยู่ในห้องอายุมากแล้วแต่เขามีใบหน้าที่ใจดีมีความเมตตา เมื่อเขาเห็นฟ่านจิ่น เขาก็รู้สึกประหลาดใจมาก
“จิ่นเอ๋อร์ เจ้ามาได้อย่างไร” ฟ่านฉีอาจารย์ใหญ่ของสำนักศึกษาเฟิงหัวกล่าวถาม เขาเป็นบิดาของฟ่านจิ่นและฟ่านจัวและเป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในสำนักศึกษาเฟิงหัว
“ท่านพ่ออย่าเชื่อในสิ่งที่อาจิ้งพูด ข้ารู้จักจวินเสียดีกว่าอาจิ้ง เขามิใช่คนแบบที่อาจิ้งกล่าวอย่างแน่นอน” อาจิ้งรู้สึกปวดหัวอย่างมากและแอบด่าว่าอาจิ้งในใจที่ทำให้เรื่องมันวุ่นวายมากขึ้น เขากำลังจะมาพูดคุยกับฟ่านชีเรื่องที่จะมอบฟ่านจัวให้จวินอู๋เสียรักษาแต่กลับเห็นภาพอาจิ้งกำลังใส่ร้ายป้ายสีจวินอู๋เสียอยู่
ถ้ามิใช่เพราะอาจิ้งภักดีต่อฟ่านจัวมาโดยตลอด ฟ่านจิ่นก็อยากจะตบหน้าคนที่มือไม่พายเอาเท้าราน้ำอย่างอาจิ้งจริงๆ
“คุณชายใหญ่ ท่านอย่าได้หลงกลจวินเสียอีกเลย ท่านไม่รู้หรือว่าช่วงนี้เพราะเขาในสำนักศึกษาจึงมีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับท่าน จวินเสียไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณชายทั้งสองเลย เป็นคุณชายใหญ่ที่ใจดีพาเขาเข้ามาในสำนักศึกษาแต่เขากลับทำลายชื่อเสียงของคุณชายใหญ่ ถ้าเขาดีจริงๆ เขาก็คงไม่หลีกเลี่ยงที่จะไปสาขาผู้ใช้สัตว์วิญญาณ ทั้งๆ ที่เขารู้ว่าหากเขาทำแบบนี้จะยิ่งส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของคุณชายใหญ่แต่เขาก็ยังคงหน้าด้านอยู่กับคุณชายต่อไป เขาก็แค่ใช้ประโยชน์จากความใจดีของคุณชายทั้งสองเท่านั้น” อาจิ้งกล่าวขึ้นมาอย่างกะทันหันเพราะเขาต้องการให้ฟ่านจิ่นตื่นจากฝัน
กระทบแค่ฟ่านจิ่นยังไม่พอ ตอนนี้จวินอู๋เสียได้ยื่นมือมาทางฟ่านจัวแล้วซึ่งเรื่องนี้ทำให้อาจิ้งไม่สามารถทนได้อีกต่อไป
“เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร น้องเสียจะเป็นคนแบบที่เจ้าพูดได้อย่างไร เพราะเหตุใดเขาจึงต้องไปสาขาผู้ใช้สัตว์วิญญาณ ไปให้ลูกศิษย์เหล่านั้นรังแกหรือ” ฟ่านจิ่นจ้องไปที่อาจิ้งแล้วกล่าว
อาจิ้งตกใจเป็นอย่างมาก แต่เมื่อเขาคิดว่าจวินอู๋เสียจะอยู่ในลานไม้ไผ่เล็กๆ ต่อไป เขาก็รวบรวมความกล้าขึ้นมาอีกครั้ง
“เพราะเหตุใดคนอื่นจึงต้องรังแกเขา มิใช่เพราะเขาทำเรื่องเลวร้ายพวกนั้นหรือ ถ้าเขารู้ว่าเขาผิด เขาก็ควรออกมาขอโทษ แต่เขากลับใช้ชื่อเสียงของคุณชายใหญ่ปกปิดความผิดของตัวเอง เขาเป็นคนใจคดจริงๆ”
อาจิ้งทำให้ฟ่านจิ่นเดือดดาลแทบคลั่ง เมื่อก่อนเขาคิดว่าอาจิ้งแค่ไม่ค่อยฉลาดแต่ไม่ได้มีนิสัยเสียอะไร แต่นิสัยฟังความข้างเดียวของอาจิ้งในวันนี้ทำให้ฟ่านจิ่นอยากตบเขาให้ตาย
“เขาใจคดหรือ ถ้าเขาใจคด เขาจะช่วยชีวิตเสี่ยวจัวทำไม” ฟ่านจิ่นกล่าว
ตอนที่ 434 มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ (2)
“นั่นมิใช่เพราะความสามารถของเขา คุณชายก็เคยอาการกำเริบและคุณชายก็กลับมาเป็นปรกติโดยที่ไม่ต้องรักษาใดๆ เขาก็แค่บังเอิญเท่านั้น เขาอายุแค่เท่าไหร่จะสามารถรักษาคุณชายได้อย่างไร การที่อาการของคุณชายดีขึ้นก็ไม่เกี่ยวข้องกับเขาแต่เขากลับเอาความดีความชอบทั้งหมดเข้าตัวเอง ช่างไร้ยางอายจริงๆ” อาจิ้งตะโกนออกมา
เพียะ!
ฟ่านจิ่นตบหน้าอาจิ้งด้วยความโมโห ใบหน้าของอาจิ้งบวมขึ้นมาทันที เขาเอามือจับแก้มตัวเองไว้แล้วมองฟ่านจิ่นที่กำลังโมโหดด้วยความหวาดกลัว
ฟ่านฉีที่เงียบมาโดยตลอดถอนหายใจแล้วกล่าวกับอาจิ้งว่า “อาจิ้ง เจ้าออกไปก่อนเถิด ข้าขอคุยกับจิ่นเอ๋อร์ก่อน”
อาจิ้งกุมหน้าตัวเองกัดริมฝีปากแล้วถอยออกไปอย่างเงียบๆ
เมื่อฟ่านจิ่นเห็นอาจิ้งเดินออกจากห้องเขาก็รีบปิดประตูห้องทันที เขาหันหลังแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความโมโห
“เจ้ารู้นิสัยของอาจิ้งอยู่แล้วจะไปถือสาเขาทำไม” ฟ่านฉีมองบุตรชายที่กำลังโมโหแล้วส่ายหัวไปมาด้วยรอยยิ้ม
ฟ่านจิ่นกล่าวว่า “ปรกติข้าก็ไม่รู้สึกอะไร แต่ครั้งนี้เขาทำเกินไปจริงๆ ข้ารู้ดีว่าจวินเสียมีนิสัยอย่างไร แม้ว่าเด็กคนนั้นจะไม่ค่อยพูดแต่เขาก็ไม่เคยหาเรื่องใครก่อน ครั้งนี้ที่เสี่ยวจัวอาการกำเริบถ้ามิใช่เพราะเขาก็ไม่รู้ว่าเสี่ยวจัวจะเป็นอย่างไร อาจิ้งเพียงแค่ฟังข่าวลือในสำนักศึกษาก็เชื่อว่าน้องเสียมิใช่คนดีแบบนี้มันไม่เกินไปหรือ”
“วันนี้ที่เจ้ามาหาข้ามิใช่เพราะเรื่องนี้ใช่หรือไม่” ฟ่านฉีมองบุตรชายของตัวเองแล้วกล่าว
ฟ่านจิ่นกระแอมเบาๆ
“ข้ามาเพราะเรื่องเสี่ยวจัว”
“ตอนนี้เสี่ยวจัวเป็นอย่างไรบ้าง” ฟ่านฉีได้ยินว่าฟ่านจัวอาการกำเริบอีกครั้งก็รู้สึกกังวลเป็นอย่างมากแต่เมื่อเขาเห็นฟ่านจิ่นปรากฏตัวที่นี่ เขาก็วางใจ
ฟ่านจิ่นสามารถมาที่นี่ได้นั่นหมายความว่าอาการของฟ่านจัวไม่ได้ร้ายแรงนัก
“น้องหลับไปแล้ว ครั้งนี้ต้องขอบคุณน้องเสียจริงๆ ข้าไม่คิดเลยว่าอายุน้อยๆ อย่างเขาจะมีวิชาแพทย์ที่เก่งกาจเช่นนี้…” เมื่อพูดถึงวิชาแพทย์ของจวินอู๋เสีย สีหน้าโมโหของฟ่านจิ่นก็หายไปในทันที เขาเล่าทุกขั้นตอนที่จวินอู๋เสียช่วยชีวิตฟ่านจัวให้ฟ่านฉีฟังได้สมจริงสมจังมาก
เริ่มแรกฟ่านฉียังคงนิ่งเฉย แต่เมื่อฟ่านจิ่นเล่าละเอียดมากขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นและเต็มไปด้วยความตกใจ
“สิ่งที่เจ้าพูดเป็นเรื่องจริงหรือ” หลังจากฟ่านฉีฟังฟ่านจิ่นพูดจบก็กล่าวถามทันที
เขารู้จักนิสัยของฟ่านจิ่นเป็นอย่างดี แม้ว่าเขาจะไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับฟ่านจัว แต่สองพี่น้องก็เติบโตมาด้วยกัน และฟ่านจิ่นก็ปกป้องน้องชายที่อ่อนแอคนนี้ของเขามาตั้งแต่เด็ก หากใครต้องการทำร้ายฟ่านจัว ฟานจิ๋นจะเป็นคนแรกที่ไม่ยอม
ดังนั้นฟ่านฉีจึงเชื่อว่าทุกสิ่งที่ฟ่านจิ่นพูดนั้นเป็นความจริงอย่างแน่นอน
“ท่านพ่อ มันเป็นเรื่องจริง วันนี้ที่ข้ามาก็เพื่อขอให้ท่านตกลงที่จะมอบเสี่ยวจัวให้จวินเสียรักษา” ฟ่านจิ่นกล่าว
“นี่…” ฟ่านฉีลังเลใจเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะเชื่อใจบุตรชายคนโตของเขา แต่จวินเสียคนนั้นเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่มีอายุเพียงสิบสี่ปี แม้ว่าจะเก่งเพียงใดเขาก็เป็นแค่เด็กน้อยที่ยังไม่โต เขาจะรักษาฟ่านจัวได้อย่างไร
“ท่านพ่อ เราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว สำนักชิงอวิ๋นถูกทำลายแล้วและหมอทุกคนก็ไม่สามารถรักษาเสี่ยวจัวได้ แทนที่จะรอแบบนี้ต่อไปอย่างสิ้นหวัง เหตุใดเราจึงไม่ลองเสี่ยงดู” ฟ่านจิ่นกล่าวอย่างแน่วแน่ “ถ้าเป็นเพราะข่าวลือในสำนักศึกษาทำให้ท่านไม่เชื่อใจจวินเสีย ข้าที่เป็นบุตรชายของท่านสามารถรับประกันแทนเขาว่าเขานิสัยดีแน่นอน”