ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 441 อาหารเลิศรสที่มีพิษร้ายถึงตาย (3) ตอนที่ 442 ถึงเวลาแล้ว (1)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 441 อาหารเลิศรสที่มีพิษร้ายถึงตาย (3) ตอนที่ 442 ถึงเวลาแล้ว (1)
ตอนที่ 441 อาหารเลิศรสที่มีพิษร้ายถึงตาย (3) / ตอนที่ 442 ถึงเวลาแล้ว (1)
ตอนที่ 441 อาหารเลิศรสที่มีพิษร้ายถึงตาย (3)
ในตอนบ่ายของวันนั้น ฟ่านจัวอาการกำเริบอีกครั้ง ครั้งนี้อาการของเขารุนแรงมาก จนทำให้อาจิ้งตกใจจนแขนขาอ่อนแรง ในขณะที่อาจิ้งกำลังจะไปเรียกหมอให้มารักษาฟ่านจัว ฟ่านจัวกลับดีขึ้นอย่างอัศจรรย์ หลังจากปลอบอาจิ้งที่ตกใจเสร็จเรื่องก็จบลง
ในวันที่สอง หลังจากที่คนส่งผักและผลไม้นำของเข้ามาในห้องครัวแล้ว จวินอู๋เสียก็ให้ฟ่านจิ่นนำกลับมาส่วนหนึ่ง ตรวจสอบอย่างละเอียดแต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร
“อีกฝ่ายระวังตัวมาก อาหารที่ทานประจำไม่ได้ถูกวางยา” จวินอู๋เสียมองหัวไชเท้าที่อยู่ในมือแล้วโยนให้ฟ่านจิ่น
ฟ่านจิ่นรับมาแล้วดูซ้ำไปซ้ำมาแล้วกัดเข้าไป มันกรุบกรอบมาก
“ดูเหมือนว่าพวกเขาต้องการทำให้เสี่ยวจัวอาการกำเริบเป็นครั้งคราว จากนั้นก็ปล่อยให้การทรมานอย่างต่อเนื่องแบบนี้ดำเนินไป ทำให้พลังชีวิตของเสี่ยวจัวค่อยๆ หมดลง ช่างโหดเหี้ยมจริงๆ” ฟ่านจิ่นหรี่ตาลง คิดว่าหัวไชเท้าในมือเป็นอีกฝ่ายแล้วกัดลงไปแรงๆ
“คงได้แต่รอให้พวกเขาลงมืออีกครั้งแล้ว” ฟ่านจัวถอนหายใจ
ในขณะที่ทั้งสามกำลังพูดคุยกันก็มีเสียงดังมาจากข้างนอก
“จวินเสีย เจ้าคนไร้ยางอาย! ทำเรื่องไร้ยางอายแบบนั้นแล้วมาซ่อนตัวอยู่ที่นี่ ออกไปจากสำนักศึกษาเฟิงหัวเดี๋ยวนี้”
“จวินเสีย อย่าคิดว่าเจ้ามีฟ่านจิ่นและฟ่านจัวแล้วเจ้าจะสามารถอยู่สงบสุขแบบนี้ได้ เรื่องเหล่านั้นที่เจ้าทำทุกคนในสำนักศึกษารู้กันทั่วแล้ว”
การดุด่าต่อว่าอย่างต่อเนื่องทำให้สีหน้าของพี่น้องสกุลฟ่านเปลี่ยนในทันที
ทั้งสามคนเดินออกมาจากห้องทันที
พวกเขาเดินมาที่ลานและเห็นศิษย์หลายคนของสำนักศึกษาเฟิงหัวกำลังยืนตะโกนอยู่ในลาน
ฟ่านจัวจ้องมองกลุ่มคนที่บุกเข้ามาในลานของเขา
ลานป่าไผ่เป็นสถานที่พักฟื้นที่ฟ่านฉีเตรียมไว้ให้เขาโดยเฉพาะ ปรกติที่แห่งนี้ห้ามผู้ใดเข้ามา อย่าว่าแต่ลูกศิษย์เลยเพราะแม้แต่อาจารย์หากไม่ได้รับอนุญาตจากฟ่านฉีก็ไม่สามารถเข้ามาได้ แต่วันนี้กลับมีลูกศิษย์หลายคนเข้ามาตะโกนด่าว่าในลาน
ประตูลานป่าไผ่ถูกเปิดเอาไว้ คนเหล่านี้จึงสามารถบุกเข้ามาได้
“อาจิ้ง” ฟ่านจิ่นเห็นท่าทางแบบนี้ก็เข้าใจในทันที
ถ้าไม่มีผู้ใดเปิดประตู คนเหล่านี้จะเข้ามาได้อย่างไร
อาจิ้งรีบวิ่งออกมาจากห้องครัวด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“เกิดอะไรขึ้นกับคนเหล่านี้! เจ้าลืมคำสั่งของอาจารย์ใหญ่ไปแล้วหรือ” ฟ่านจิ่นจ้องไปที่อาจิ้ง ช่วงนี้อาจิ้งค่อนข้างเชื่อฟัง นอกจากแสดงสีหน้าบูดบึ้งทั้งวันแล้ว เขาก็ไม่ได้ทำอะไรอีก แต่เรื่องในวันนี้มันเกินไปจริงๆ
อาจิ้งตกใจเป็นอย่างมาก มองดูเหล่าลูกศิษย์ในลาน แล้วมองประตูที่เปิดไว้ จึงจะกล่าวว่า “คุณชายใหญ่ ท่านเข้าใจผิดแล้ว เมื่อครู่ข้ากำลังทำความสะอาดถนนหินด้านนอก แต่คิดได้ว่าในห้องครัวมีอาหารที่ต้มไว้ ข้าจึงรีบวิ่งกลับมาและลืมปิดประตู ข้าไม่รู้ว่าคนพวกนี้เข้ามาได้อย่างไร”
พูดจบ อาจิ้งก็เดินไปหาคนเหล่านั้นและไล่พวกเขาออกไป ในขณะที่กลับไปคนเหล่านั้นก็ยังคงชี้มาทางจวินอู๋เสีแล้วด่าว่าไม่หยุด
จวินอู๋เสียมองเรื่องวุ่นวายตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบ นางเห็นความรู้สึกผิดในสายตาของอาจิ้งตอนที่เขาอธิบาย
ดูเหมือนว่าคนนี้จะเกลียดนางจริงๆ
“จวินเสีย ถ้าเจ้าคิดว่าเจ้าไม่ผิด เพราะเหตุใดเจ้าต้องมาหลบซ่อนอยู่ที่นี่! ถ้าเจ้ามีความสามารถจริงเจ้าก็ออกไป!” ก่อนจากไปคนเหล่านั้นยังคงตะโกนอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
สีหน้าของฟ่านจิ่นไม่ดีขึ้นเรื่อยๆ
ตอนที่ 442 ถึงเวลาแล้ว (1)
เดิมทีคิดว่าจะได้รับความสงบสุขในลานป่าไผ่ แต่ไม่คิดว่าคนเหล่านี้จะกล้ามาหาถึงที่นี่
ฟ่านจัวมองไปที่อาจิ้งด้วยความไม่พอใจ ในใจของเขานั้นรู้ทุกอย่าง
“อาจิ้ง ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก เจ้าก็กลับสำนักศึกษาไปเถิด” ฟ่านจัวถอนหายใจ อาจิ้งถือว่าโตมากับเขาตั้งแต่เด็ก ทุกอย่างจะยึดเขาเป็นหลักเสมอ จงรักภักดี แต่สมองไม่ค่อยฉลาดนัก จวินอู๋เสียรักษาเขามานานเยี่ยงนี้ ทั้งๆ ที่เขาก็ค่อยๆ ดีขึ้น แต่อาจิ้งก็ยังคงฟังข่าวลือในสำนักศึกษาเรื่องนี้ทำให้ฟ่านจัวจนใจจริงๆ
อาจิ้งยืนตะลึงอยู่ในลาน มองดูใบหน้าเย็นชาของฟ่านจัวราวกับว่าถูกฟ้าผ่า เขาแอบกำหมัดแน่นและจ้องไปที่จวินอู๋เสีย
จวินอู๋เสียเหลือบมองไปที่อาจิ้ง ยกมือขึ้นดึงใบไผ่ที่อยู่ด้านข้างแล้วนำมาปิดตาตัวเองก่อนจะหันหลังเดินจากไปโดยไม่พูดจา
สองพี่น้องสกุลฟ่านเดินตามจวินอู๋เสียกลับเข้าห้อง หลังจากกลับมาฟ่านจิ่นก็เฝ้าดูปฏิกิริยาของ จวินอู๋เสียอย่างระมัดระวัง แต่เห็นว่านางมีสีหน้าปรกติไม่มีความโกรธแม้แต่น้อย
“น้องเสีย ที่เจ้าทำเมื่อครู่หมายความว่าอย่างไร” ฟ่านจัวถามด้วยความสงสัยเล็กน้อยเมื่อเห็นจวินอู๋เสียปิดตาด้วยใบไผ่
“หนึ่งใบไม้บังตา” จวินอู๋เสียยกชาขึ้นมาแล้วดื่มอย่างช้าๆ
สองพี่น้องสกุลฟ่านสบตากันแล้วเข้าใจทันที
เกรงว่าจวินอู๋เสียจะรู้อยู่แล้วว่าอาจิ้งไม่ชอบนาง เรื่องวันนี้ นางก็รู้อยู่แล้วว่าเรื่องเป็นมาอย่างไร แต่นางไม่พูด นางเพียงแต่ใช่วิธีนี้ตักเตือนอาจิ้ง
“เอ่อ เจ้าอย่าเอาเรื่องพวกนี้ไปคิดมาก ข้าสัญญาว่าจะไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก” ฟ่านจิ่นกระแอมในลำคออย่างเขินอาย ถ้าเป็นคนอื่น เขาก็คงไปต่อยแล้ว แต่อาจิ้งภักดีต่อฟ่านจัวมานานหลายปี เขาต่อยไม่ได้จริงๆ
จวินอู๋เสียเหลือบมองฟ่านจิ่นและไม่พูดอะไร
สัญญาว่าจะไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกหรือ
มุมปากของจวินอู๋เสียยกขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่มีความอบอุ่นอยู่ในนั้นแม้แต่น้อย
อย่างที่คาด ไม่เกินสองวันเรื่องวุ่นวายเดิมๆ ก็เกิดขึ้นอีกครั้งในลานป่าไผ่เล็กๆ นี้ ผู้คนที่มาในครั้งนี้เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ยังคงตะโกนด่าว่าเหมือนเดิม
ครั้งนี้อาจิ้งถึงขั้นไม่ปรากฏตัวเลย ปล่อยให้คนเหล่านั้นตะโกนด่าว่าอยู่อย่างนั้น
ครั้งนี้ฟ่านจิ่นไม่อยู่ ในลานมีเพียงฟ่านจัวและจวินอู๋เสียเท่านั้น ฟ่านจัวอยากจะออกขับไล่คนเหล่านั้นเมื่อเห็นการด่าว่าของศิษย์เหล่านั้น แต่ถูกจวินอู๋เสียห้ามไว้
“ปล่อยให้พวกเขาด่า” จวินอู๋เสียอยู่ในห้องด้วยสีหน้าเรียบ
“เจ้าไม่โกรธหรือ” ฟ่านจัวมองสีหน้าเรียบของจวินอู๋เสีย เขาชื่นชมในความนิ่งเฉยของนางจริงๆ
“ข้ากำลังฟังอยู่” จวินอู๋เสียกล่าว
“เจ้ากำลังฟังอะไร”
“ฟังว่าคนที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาต้องการทำอะไร” จวินอู๋เสียก้มมองน้ำชาที่อยู่ในแก้ว ใบชาหนึ่งใบลอยอยู่บนน้ำชาที่ใส ทันทีที่ปลายนิ้วของจวินอู๋เสียขยับเล็กน้อย น้ำชาในแก้วก็เกิดระลอกคลื่นเล็กน้อย
ฟ่านจัวชะงักงันไปครู่หนึ่ง ไม่เข้าใจว่าจวินอู๋เสียหมายความว่าอย่างไร
“งานล่าวิญญาณใกล้มาถึงแล้ว” จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้น มองป่าไผ่เขียวขจีผ่านทางหน้าต่าง
“ใช่” ฟ่านจัวไม่เข้าใจว่าจวินอู๋เสียกำลังคิดอะไรอยู่
“ถึงเวลาแล้ว” จวินอู๋เสียหันกลับมา ใบไผ่คมแล้ว และทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณก็สำเร็จแล้ว ฉะนั้นถึงเวลาแล้ว
“น้องเสีย” ฟ่านจัวมองไปที่จวินอู๋เสีย ในชั่วพริบตาเขารู้สึกว่าจวินอู๋เสียในตอนนี้ต่างจากปรกติเล็กน้อย ความเฉยเมยค่อยๆ จางหายไปจากดวงตาของนางและความน่ากลัวถูกเข้ามาแทนที่