ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 457 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่หนึ่ง (4) ตอนที่ 458 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่หนึ่ง (5)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 457 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่หนึ่ง (4) ตอนที่ 458 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่หนึ่ง (5)
ตอนที่ 457 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่หนึ่ง (4) / ตอนที่ 458 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่หนึ่ง (5)
ตอนที่ 457 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่หนึ่ง (4)
ทันใดนั้น หลี่จื่อมู่ก็พบว่าตัวเขาถูกทั้งสองคนตบจนกระเด็นลอยออกไปกระแทกกับต้นไม้อย่างแรง กระดูกสันหลังแสนบอบบางอัดเข้ากับส่วนที่ขรุขระของลำต้นไม้นั้นจนทำให้เขาจุกเกือบจะอาเจียนออกมา
“อ๊ากกก! พวกเจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่! ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ! รู้หรือไม่ว่าข้าเป็นศิษย์ของสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณ! พวกเจ้ากล้าบังอาจมาทำเรื่องหยาบคายกับข้า กลับไปข้าจะไปฟ้องท่านอาจารย์และให้ทางสำนักศึกษาลงโทษสั่งสอนสวะพวกเจ้าอย่างหนัก!” ดวงตาของหลี่จื่อมู่เบิกกว้าง เขาจ้องไปที่ฮวาเหยาและเฉียวฉู่ที่จู่โจมเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ ทำให้ฟ่านจิ่นตกตะลึงจนก้าวขาไม่ออก เขามองไปที่จวินอู๋เสียโดยไม่รู้ตัว ความไม่สบายใจและความหวาดกลัวฉายชัดอยู่ในดวงตาของเขา
“ถ้าทนมองต่อไปไม่ไหว จะไปเดินเล่นที่อื่นก่อนก็ได้” จวินอู๋เสียเหลือบมองฟ่านจิ่นแวบหนึ่งแล้วค่อยๆ เดินตรงไปหาหลี่จื่อมู่
การเต้นของหัวใจของฟ่านจิ่นแทบจะหยุดลงทันทีที่สิ้นประโยคนั้น จิตใต้สำนึกของเขาร้องบอกเขาว่าคำพูดที่จวินอู๋เสียพูดก่อนที่พวกเขาจะเข้ามาในป่าประลองวิญญาณไม่ใช่เรื่องตลก!
สิ่งที่นางกำลังจะทำในยามนี้ ก็คือสิ่งที่นางเคยพูดเอาไว้!
“น้องเสีย!” ฟ่านจิ่นคว้าข้อมือของจวินอู๋เสียไว้โดยไม่รู้ตัวและมองนางด้วยความตื่นตระหนก
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาได้สบกับดวงตาคู่นั้นที่เย็นชาผิดปกติของจวินอู๋เสีย มือของเขาก็ค่อยๆ คลายลงและร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านเล็กน้อย
หลี่จื่อมู่ที่อยู่อีกด้านหนึ่งยังคงกรีดร้องไม่หยุด เฟยเยียนเดินไปหาเขาอย่างช้าๆ และยกมือขึ้น จากนั้นก็ตบฉาดไปที่ใบหน้าของหลี่จื่อมู่อย่างแรงสองสามครั้ง
“แหกปากอะไรของเจ้า น่ารำคาญเป็นบ้า! ไหนๆ ก็จะตายอยู่แล้ว เก็บแรงเอาไว้เถอะ”
หลี่จื่อมู่ถูกตบจนมึนไปหมด รอยนิ้วมือทั้งห้าบนใบหน้าของเขายังคงร้อนผ่าวและแดง เขาตัวสั่นขณะที่มองเฟยเยียนแล้วถามออกไปว่า “พวกเจ้า…พวกเจ้ากำลังพยายามจะทำอะไร…”
เฟยเยียนยักไหล่และก้าวถอยหลังเพื่อให้จวินอู๋เสียเข้ามายืนตรงหน้าหลี่จื่อมู่
ทันทีที่หลี่จื่อมู่ได้เห็นใบหน้าของจวินอู๋เสีย ขาทั้งสองข้างของเขาก็อ่อนแรงลงทันที เจตนาฆ่าในดวงตาที่เย็นชานั้นไม่ปิดบังแม้เพียงนิดเดียว แม้แต่คนโง่ก็ยังมองออกว่าจวินอู๋เสียตั้งใจจะฆ่าเขา
“จวิน…จวินเสีย เจ้า…เจ้าคิดจะทำอะไร…” หลี่จื่อมู่หลั่งเหงื่อเย็นเยียบ เมื่อถูกจ้องมองด้วยสายตาอันตราย ลมหายใจของเขาก็คล้ายว่าจะถูกมันช่วงชิงไป
“ข้าน่ะหรือที่ขโมยตำแหน่งของเจ้า” จวินอู๋เสียพูดพลางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
หลี่จื่อมู่รีบส่ายหัวปฏิเสธ “ไม่เลย…ไม่ใช่…ท่านอาจารย์อธิบายเรื่องราวทั้งหมดแก่ข้าแล้ว เจ้าไม่ได้ตั้งใจ เป็นท่านที่เข้าใจผิดไปเองและมันไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า…”
“นั่น…ดูเหมือนว่าจะแตกต่างจากสิ่งที่เจ้าเอาไปโพนทะนาให้กับทุกคนฟังนะ” จวินอู๋เสียเอียงศีรษะเล็กน้อย และมองหลี่จื่อมู่ที่ใบหน้าซีดขาว
หลี่จื่อมู่ตื่นตระหนกเข้าแล้วจริงๆ เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้คนมากให้ขึ้น เขาจึงจงใจเผยแพร่ข่าวลือเสียหายของจวินอู๋เสียไม่หยุดหย่อน ถ้าเขารู้แต่แรกว่าวันหนึ่งมันจะจบลงเช่นนี้ที่เขากำลังจะถูกนางฆ่าตาย เขาจะไม่มีวันทำอะไรให้จวินอู๋เสียขุ่นเคืองใจเลย ต่อให้ตีเขาให้ตาย เขาก็จะไม่กล้าพูดพล่ามสักคำเดียว!
“ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้วจริงๆ…ได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะนะ ข้าสัญญาว่าจะไม่พูดเรื่องไร้สาระเช่นนี้อีกในอนาคต! ข้าจะกลับไปชี้แจงให้ทุกคนฟังว่าทั้งหมดเป็นข้าที่พูดเหลวไหลเอง เป็นข้าเองที่สร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อต้องการเรียกร้องความสนใจ แต่ข้าสาบาน ข้าสาบานว่าจะสะสางทุกอย่างให้เรียบร้อยและคืนความบริสุทธิ์ให้กับเจ้า ข้าขอโทษเจ้าตรงนี้แล้ว ข้าขอโทษ!” หลี่จื่อมู่วิงวอนทั้งน้ำมูกและน้ำตา เขาภาวนาหวังว่าฟ่านจิ่นจะสามารถช่วยเขาได้ แต่ฟ่านจิ่นกลับทำเพียงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นด้วยสายตาเรียบเฉย เขาก้มหน้างุด ไม่คิดจะเข้าไปก้าวก่ายแต่อย่างใด
กลุ่มคนหนุ่มสาวจากตึกรองที่ยืนอยู่ข้างๆ หลายคน ก็เห็นได้ชัดว่ายืนอยู่ข้างเดียวกับจวินอู๋เสีย ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงจะไม่รุดเข้ามาจับตัวเขาไว้ทันทีที่จวินอู๋เสียสั่งการหรอก
“ข้าขอร้อง ปล่อยข้าไปเถอะ…”
จวินอู๋เสียมองไปที่หลี่จื่อมู่ที่วิงวอนขอร้องด้วยสายตาเรียบเฉย ไม่มีความเห็นอกเห็นใจอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
“หากเจ้าปล่อยข้า ข้า…ข้ายินดีจะเชื่อฟังเจ้าทุกอย่างในอนาคต ข้าคือศิษย์ของสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณ เจ้าก็รู้ใช่หรือไม่ถึงความสามารถและความสำคัญของผู้เยียวยาจิตวิญญาณ ข้าสามารถเป็นกำลังให้กับเจ้าได้…” หลี่จื่อมู่เสนอตัว เขายกเอาสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณขึ้นมาพูดอีกครั้งด้วยพยายามที่จะรักษาชีวิตของตัวเองไว้
ตอนที่ 458 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่หนึ่ง (5)
“ท่านอาจารย์ดูแลข้าเป็นอย่างดี ข้า…ข้าสามารถขอร้องให้เขาอนุญาตให้เจ้าเข้าสู่สาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณเป็นพิเศษได้ เจ้าปล่อยข้าไปตอนนี้เลยได้หรือไม่” หลี่จื่อมู่ตัวสั่นด้วยความกลัวอย่างเห็นได้ชัด
จวินอู๋เสียเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“ขอร้องเขาอย่างนั้นหรือ!”
เมื่อเห็นจวินอู๋เสียถามด้วยท่าทางสนใจเช่นนั้น หลี่จื่อมู่ก็คิดว่าอาจยังพอมีหนทางให้เจรจาอยู่ก็เป็นได้ จึงรีบพยักหน้าหงึกหงัก รีบพูดไปก่อนที่นางจะเปลี่ยนใจว่า “ข้าขอร้องเขาได้! ท่านอาจารย์รักและเอ็นดูข้าเป็นที่สุด! หากข้าเอ่ยปากร้องขอ รับรองว่าเขาจะต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน!”
จวินอู๋เสียเมินเขาในทันที นางหันไปมองเฉียวฉู่ “เรียกหมีหยินหยางของเจ้าออกมา”
เฉียวฉู่ชะงักไปเล็กน้อย อาการบาดเจ็บของหมีหยินหยางก่อนหน้านี้ยังไม่ฟื้นตัวดีเลย เขาไม่รู้ว่าจวินอู๋เสียตั้งใจจะทำอะไร แต่เขาก็เรียกหมีหยินหยางออกมาตามที่นางบอกแต่โดยดี
เมื่อหมีหยินหยางขนปุยถูกเรียกออกมา มันก็ดูเฉื่อยชาเล็กน้อย ขนาดร่างที่ใหญ่โตของมันเดินไปฟุบลงข้างพุ่มไม้เตี้ยๆ ซึ่งอยู่ไม่ไกลนักอย่างเหนื่ยล้า ไร้ชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก
ด้วยรูปร่างที่ใหญ่โตของมัน ทันทีที่มันกลิ้งลงไปพุ่มไม้เตี้ยที่อยู่บริเวณนั้นจึงถูกร่างของมันบังจนมิด กิ่งไม้พุ่มไม้บางส่วนถูกบดขยี้ลงในพริบตา
“กรร…” เมื่อรู้สึกได้ว่ามีคนขยับเข้ามาใกล้ หมีหยินหยางก็ลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก แต่เมื่อมันเห็นและจำได้ว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กชายตัวเล็กๆ ที่เคยฟัดหน้าของย้วยๆ ของมันในตอนนั้น มันจึงหลับต่อไปอย่างสบายใจ
จวินอู๋เสียยกมือขึ้น แสงจางๆ ของพลังวิญญาณขยายออกมาปกคลุมทั่วฝ่ามือของเด็กสาว ร่างบางวางมือลงบนหัวของหมีหยินหยางอย่างอ่อนโยน และเฝ้ามองดูแสงนั้นค่อยๆ แทรกตัวเข้าไปในร่างของหมีหยินหยางอย่างช้าๆ จนมันปกคลุมไปทั่วร่างกายอันใหญ่โตอุ้ยอ้ายนั้น
เฉียวฉู่มองตามจวินอู๋เสียด้วยความสงสัย เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในขณะที่หลี่จื่อมู่เบิกตากว้าง มองฉากที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา
เขาเคยเห็นฉากเหล่านี้มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ย่อมจำได้เป็นอย่างดีว่ามันหมายความว่าอย่างไร ทุกครั้งที่กู้หลีเซิงสาธิตทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณให้แก่เขา ขั้นตอนของมันก็เป็นเช่นนี้ ค่อยๆ แผ่พลังวิญญาณออกมา จากนั้นก็ผสานมันเข้ากับร่างของเป้าหมายที่ต้องการจะเยียวยารักษา!
เหมือนกันทุกขั้นตอนไม่มีผิดเพี้ยน!
เมื่อเห็นว่าหมีหยินหยางค่อยๆ ได้รับการรักษาภายใต้พลังวิญญาณของจวินอู๋เสีย ขนที่แห้งแตกของมันดูมีน้ำมีนวลเป็นประกายมากยิ่งขึ้น และร่างที่หดตัวงอเป็นกุ้งด้วยความเจ็บปวดก็ค่อยๆ ยืดตัวตรง ความตื่นตระหนกในดวงตาของหลี่จื่อมู่ก็ทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุด!
“ทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณ มันคือทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณ! ทำไมกัน…ทำไมเจ้าถึงใช้มันได้ เป็นไปไม่ได้…เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด…” ใบหน้าของหลี่จื่อมู่ไร้ซึ่งสีเลือดให้เห็นอีกต่อไป แม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถใช้ทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณได้ แต่เขายังแยกแยะมันออก!
จวินอู๋เสียเป็นแค่ลูกศิษย์ที่ถูกขับไล่ออกจากสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณตั้งแต่วันแรก นางอยู่ในตึกสาขาเพียงไม่กี่ชั่วยามเท่านั้น แล้วนางจะไปเชี่ยวชาญทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณได้อย่างไรกัน!
กู้หลีเซิงเคยกล่าวไว้ว่า สำหรับศิษย์ที่เพิ่งเคยได้สัมผัสกับทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณ กว่าที่พวกเขาจะสามารถเค้นพลังวิญญาณออกมาจากร่างจนทำการรักษาภูติวิญญาณได้จริงๆ นั้น อย่างต่ำก็ต้องใช้เวลาสองถึงสามปี แถมมันยังมีข้อจำกัดนั่นคือสามารถรักษาได้เฉพาะวงแหวนภูติวิญญาณที่มีระดับต่ำกว่าระดับสามเท่านั้น หากทำการรักษาข้ามระดับ พลังวิญญาณในร่างกายของผู้ที่ทำการรักษาจะไม่เพียงพอต่อปริมาณที่ต้องใช้ในการสนับสนุนหรือรักษาภูติวิญญาณตนนั้น
หมีสีขาวดำตัวใหญ่นั่น ดูอย่างไรก็มีระดับสูงกว่าระดับสามชัดๆ แม้ว่าหลี่จื่อมู่จะไม่แน่ใจว่าระดับที่แท้จริงของมันนั้นอยู่ในระดับใด ทว่านั่นก็ไม่สำคัญแล้ว มองดูจิตวิญญาณของหมีตัวนั้นค่อยๆ ฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตา ร่างกายของหลี่จื่อมู่ก็สั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
เนื่องจากภูติวิญญาณในพันธสัญญาของเขาส่งเสียงครางออกมาอย่างครั่นคร้ามเมื่อได้เผชิญหน้ากับหมีตัวนั้น เขาจึงเดาว่าระดับของมันน่าจะสูงกว่าระดับห้าขึ้นไป
การเยียวยารักษาภูติวิญญาณระดับห้าให้ฟื้นตัวได้ทันทีด้วยความที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่านิยามได้ว่าอย่างไร อย่างน้อยๆ คนผู้นั้นก็ต้องมีความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณ อาจจะเทียบได้กับกู้หลีเซิงอาจารย์ของเขาด้วยซ้ำ!
ความสามารถในด้านการเยียวยารักษาจิตวิญญาณของจวินอู๋เสีย อย่าว่าแต่ขยะอย่างหลี่จื่อมู่ที่ยังไม่แม้แต่จะสามารถเค้นและแปลงพลังวิญญาณออกมาได้ แม้แต่ศิษย์ที่เก่งกาจที่สุดของสาขาผู้เยียวยารักษาจิตวิญญาณ ก็ยังถูกนางสะบัดก้นทิ้งห่างไปชนิดไม่เห็นฝุ่น!
“เป็นไปไม่ได้…เป็นไปไม่ได้…เจ้าไม่มีทางใช้ทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณได้ นี่มันเรื่องบ้าชัดๆ” หลี่จื่อมู่ไม่สามารถทำใจยอมรับได้เลย ใบหน้าของเขาซีดขาวราวกับกระดาษ และลางสังหรณ์ที่ไม่ดีก็ผุดขึ้นมาในหัวใจของเขา
หากจวินอู๋เสียรู้ทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณจริงๆ เช่นนั้นการที่เขาปล่อยข่าวลือใส่ร้ายนางครั้งแล้วครั้งเล่าก่อนหน้านี้ ก็ไม่ต่างอะไรไปจากการเปลือยกายเต้นต่อหน้าตัวตลก เป็นเรื่องที่น่าหัวร่อที่สุดในโลก!
อาการของหมีหยินหยางดีขึ้นทีละเล็กละน้อยอย่างเห็นได้ชัด ภายใต้การรักษาอย่างต่อเนื่องของจวินอู๋เสีย ในที่สุดมันก็เริ่มลุกขึ้นนั่งได้ จวินอู๋เสียดึงมือของนางกลับมา หันกลับไปมองใบหน้าซีดเผือดของหลี่จื่อมู่ แสยะยิ้มเล็กน้อยที่มุมปากแล้วพูดว่า “เจ้าคิดว่า ข้ายังจะสนใจมันอยู่หรือไม่”