ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 479 ฉกฉวยผลประโยชน์ (2) ตอนที่ 480 ฉกฉวยผลประโยชน์ (3)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 479 ฉกฉวยผลประโยชน์ (2) ตอนที่ 480 ฉกฉวยผลประโยชน์ (3)
ตอนที่ 479 ฉกฉวยผลประโยชน์ (2) / ตอนที่ 480 ฉกฉวยผลประโยชน์ (3)
ตอนที่ 479 ฉกฉวยผลประโยชน์ (2)
องครักษ์หลงพยักหน้าเล็กน้อย นัยน์ตาของเขาสงบนิ่งมองไม่เห็นถึงคลื่นอารมณ์ใดๆ
ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา ทำให้ผู้คนต้องเขยิบถอยหนีด้วยความรู้สึกเกรงกลัว
“ข้ารู้ข้อเสนอของพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้าต้องการสัตว์วิญญาณระดับสูงกี่ตัว” องครักษ์หลงไม่พูดพร่ำทำเพลงเข้าประเด็นทันที
ลู่เว่ยเจี๋ยชะงักไปเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขาก็ดีใจมาก ดูเหมือนว่าจะไม่มีปัญหาใดระหว่างความร่วมมือกับพวกเขา แต่ขณะที่เขากำลังจะพูดออกไป หนิงซินที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ขยิบตาให้เขาเสียก่อน เขาจึงหุบปากเงียบ
หนิงซินก้าวออกมาข้างหน้ำส่งยิ้มกว้างสดใสราวดอกไม้บานแล้วพูดว่า “นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าตั้งใจจะไปที่ใดในป่าแห่งนี้ ด้วยความสัตย์จริง แผนที่นี้สำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับพวกเรา ต้องขออภัยหากเราไม่สามารถแสดงให้พวกเจ้าเห็นได้โดยตรง แต่เราสามารถพาพวกเจ้าไปได้ทุกที่ ส่วนค่าตอบที่ต้องจ่าย ขึ้นอยู่กับว่าสถานที่นั้นคือที่ไหน”
องครักษ์หลงมองไปที่หนิงซินอย่างเย็นชา และหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็พูดขึ้นว่า “พวกเราต้องการไปที่ทะเลสาบจันทราวารีกระจ่าง”
สมุนไพรที่พวกเขาต้องการนั้น จะเติบโตใกล้กับทะเลสาบจันทราวารีกระจ่างเท่านั้น
หนิงซินยิ้มเล็กน้อย
“สัตว์วิญญาณระดับสูงห้าตัว”
คิ้วหนาขององครักษ์หลงมีรอยย่นเล็กน้อย เด็กสาวคนนี้ช่างโลภเหลือเกิน แค่ให้นางนำทาง นางก็เรียกร้องบังคับเอาสัตว์วิญญาณระดับสูงถึงห้าตัว ต้องรู้ก่อนว่าหินวิญญาณของสัตว์วิญญาณระดับสูงเพียงก้อนเดียวก็สามารถนำไปขายในตลาดได้ในราคาสูงจนน่าตกใจ
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง องครักษ์หลงก็พูดว่า “ตกลง”
หนิงซินพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม หันไปแลกเปลี่ยนสายตากับลู่เว่ยเจี๋ยแวบหนึ่ง ลู่เว่ยเจี๋ยก็จัดกลุ่มของเขาในทันที โดยมีหนิงซินเป็นผู้นำทาง กลุ่มขององครักษ์หลงก็เริ่มเคลื่อนตัวไปยังทิศทางของทะเลสาบจันทราวารีกระจ่าง
องครักษ์หลงและทหารคุ้มกันอีกห้านายเดินรั้งอยู่ปลายแถวสุด ในขณะที่บุรุษร่างสูงหลายคนเมื่อได้ยินข้อเรียกร้องของหนิงซินก่อนหน้านี้ สีหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“ท่านแม่ทัพเอกหลง เจ้าเด็กเหลือขอพวกนี้โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว เปิดปากก็ขอสัตว์วิญญาณระดับสูงถึงห้าตัว นี่มันฆ่ากันชัดๆ!” บุรุษผู้หนึ่งในกลุ่มกระซิบ
องครักษ์หลงขมวดคิ้วเล็กน้อย ถ้าไม่ใช่เพราะสมุนไพรที่พวกเขาต้องการนั้นหายากเกินไป พบได้เฉพาะจุดที่ใกล้ทะเลสาบจันทราวารีกระจ่างในป่าประลองวิญญาณเท่านั้น อย่าหวังว่าเขาจะเห็นด้วยกับคำขอที่หยาบคายเช่นนี้
“นี่คือสิ่งที่คุณชายมู่ต้องการ และสมุนไพรนี้จะมีผลอย่างมากต่อการพัฒนาพลังของกองทัพรุ่ยหลินของพวกเรา ดังนั้นข้าจะยอมให้เด็กพวกนี้เอาเปรียบไปก่อน” องครักษ์หลง…หรือจะพูดให้ถูกก็คือหลงฉีแห่งกองทัพรุ่ยหลินที่ปลอมตัวมาเป็นผู้คุ้มกันขบวนพ่อค้าเปิดปากของเขาอย่างไม่เต็มใจนัก
เมื่อไม่นานมานี้ มู่เฉินได้นำศิษย์ของยอดเขาเทียมเมฆากลุ่มหนึ่งมาที่จวนหลินอ๋อง การมาของเขาในครั้งนั้น ทำให้จวินเสี่ยนและจวินชิงประหลาดใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากพวกเขาเพิ่งจะได้รับข่าวการล่มสลายของสำนักชิงอวิ๋นไม่นาน แต่พวกเขาก็ไม่ได้คิดอะไรและรับมู่เฉินกับลูกศิษย์ของเขาเข้าจวน อย่างไรเสียฟังจากคำพูดของมู่เฉิน พวกเขาก็ได้รู้ว่าทั้งหมดนี้ถูกจัดแจงโดยจวินอู๋เสีย
หลังจากที่มู่เฉินเข้ามาอาศัยอยู่ในจวนหลินอ๋องได้ไม่เท่าไหร่ เขาก็นำศิษย์ของตัวเองทำการพัฒนาเพื่อสร้างเม็ดยาสำหรับปรับปรุงกล้ามเนื้อและเส้นลมปราณให้กับกองทัพรุ่ยหลินอย่างสุดกำลัง แต่เนื่องจากเม็ดยาที่จวินอู๋เสียหลอมให้กับกองทัพรุ่ยหลินก่อนหน้านี้ได้เปลี่ยนแปลงสภาพร่างกายของพวกเขาไปอย่างสมบูรณ์แล้ว มู่เฉินจึงเจอกับงานหนักและค่อนข้างลำบากทีเดียวหากจะปรับปรุงสภาพร่างกายของกองทัพรุ่ยหลินให้ดีขึ้นไปอีก
แต่มู่เฉินเป็นคนดื้อรั้น เนื่องจากเขาได้สัญญากับจวินอู๋เสียเอาไว้แล้วเขาจึงทุ่มสุดตัว หลังจากใช้เวลาศึกษาค้นคว้าอยู่หลายเดือน ในที่สุดเขาก็พบเส้นทางในการพัฒนาเม็ดยาที่สามารถปรับปรุงกล้ามเนื้อและเส้นลมปราณของพวกทหารได้! เพียงแต่การปรับแต่งเม็ดยาชนิดนี้จำเป็นต้องใช้สมุนไพรที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวบางอย่างและหาได้ยาก เดิมทีสำนักชิงอวิ๋นยังพอจะมีสมุนไพรชนิดนี้อยู่ แต่แม้จำนวนที่เขาขนมายังจวนหลินอ๋องจะเป็นทั้งหมดที่มีแล้วก็ตามที ทว่ามันก็ยังไม่เพียงพอกับจำนวนทหารทั้งหมดของกองทัพรุ่ยหลินที่มีนับแสนคน
นอกจากในสำนักชิงอวิ๋นแล้ว สมุนไพรนี้จะขึ้นเฉพาะแค่รอบๆ ทะเลสาบจันทราวารีกระจ่างในป่าประลองวิญญาณเท่านั้น มู่เฉินจึงได้ส่งศิษย์ของเขาสามคนมาที่ป่าประลองวิญญาณเพื่อเก็บสมุนไพร และเพื่อรับรองความปลอดภัยของศิษย์ทั้งสามคนนี้ จวินเสี่ยนจึงได้มอบหมายให้หลงฉีนำกำลังทหารติดตามมาด้วยอีกกลุ่มเล็กๆ เพื่ออารักขาความปลอดภัยให้กับพวกเขา
ตอนที่ 480 ฉกฉวยผลประโยชน์ (3)
ถึงแม้ป่าประลองวิญญาณจะมีอาณาเขตด้านหนึ่งติดกับรัฐชี แต่หลงฉีและคนอื่นๆ ก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับป่าประลองวิญญาณมากนัก ดังนั้นพวกเขาจึงเดินวนหลงทางอยู่ในป่าหลายรอบ และพบกับการโจมตีมากมายจากสัตว์วิญญาณในป่า อาจกล่าวได้ว่าการเดินทางของหลงฉีและกลุ่มของเขาในครั้งนี้เต็มไปด้วยโลหิตก็ไม่ผิดเสียทีเดียว
จวนหลินอ๋องไม่ขาดแคลนหินวิญญาณ ปัจจุบันฮ่องเต้ของรัฐชีคือมั่วเฉี่ยนยวน ดังนั้นหลังจากที่เขาขึ้นครองบัลลังก์แล้ว จึงได้ให้ความไว้วางใจแก่จวนหลินอ๋องเป็นอย่างมาก และได้จัดสรรทรัพยากรเกือบทั้งหมดที่สำคัญให้กับกองทัพรุ่ยหลิน หินวิญญาณที่ได้รับจากการเดินทางในครั้งนี้ หลงฉีก็คิดว่าจะนำมันกลับไปมอบให้กับจวินชิงให้เขาตัดสินใจอีกทีว่าจะจัดสรรมันอย่างไร
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ได้ทราบถึงตำแหน่งที่ตั้งของทะเลสาบจันทราวารีกระจ่าง พวกเขาทำได้เพียงรับปากเงื่อนไขที่ไร้ศีลธรรมหนิงซินเท่านั้น
“ท่านแม่ทัพเอกหลง ลำบากพวกท่านแล้วจริงๆ” หรงเหิงพูดพลางถอนหายใจยาว หลังจากที่พวกเขาติดตามมู่เฉินมาที่จวนหลินอ๋อง จากแต่แรกที่ไม่ค่อยลงรอยกัน บัดนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับกองทัพรุ่ยหลินเรียกได้ว่าดีเป็นอย่างยิ่ง
ลูกศิษย์ที่มาจากยอดเขาเทียมเมฆา ไม่ได้มีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่ง ยกเว้นความรู้เรื่องการพัฒนาเส้นเอ็นและเส้นลมปราณ พวกเขาแทบจะไม่ต่างไปจากคนทั่วไปเลย การส่งพวกเขามายังป่าที่แสนอันตรายแบบนี้ สำหรับพวกเขาแล้วจึงเป็นเรื่องที่ยากลำบากและต้องคิดหนักเป็นอย่างยิ่ง เคราะห์ดีเหลือเกินที่หลินอ๋องทรงมองการณ์ไกลและส่งหลงฉีกับทหารอีกหลายนายมาคอยคุ้มกันพวกเขา ไม่อย่างนั้นยังไม่ทันจะถึงริมขอบทะเลสาบจันทราวารีกระจ่าง พวกเขาก็ถูกสัตว์วิญญาณในป่าประลองวิญญาณแทะจนเหลือแต่กระดูกแล้ว
“เดิมทีนี่ก็เป็นยาที่เตรียมไว้สำหรับกองทัพรุ่ยหลิน สมควรอยู่แล้ว” หลงฉีกล่าวอย่างตรงไปตรงมา น้ำเสียงที่แน่วแน่ของเขานั้นฟังดูสง่างามและสมชายชาตรีอย่างมาก หลังจากได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมาสักพักหนึ่ง หรงเหิงและคนอื่นๆ ก็เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าสิ่งใดถึงเรียกว่าหน่วยรบเหล็กโลหิต!
“ข้าหวังว่าคราวนี้เราจะหาหญ้าวิญญาณวารีได้เพียงพอ แบบนี้โอสถที่เราหลอมออกมาก็เพียงพอสำหรับแจกจ่ายให้ทุกคนแล้ว” หรงเหิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลงฉีพยักหน้าเล็กน้อย เขาโบกมือส่งสัญญาณให้กับทหารกองทัพรุ่ยหลินอีกหกคนที่เหลือ ทั้งหกคนนั้นก็รีบเข้ามาประชิดตัวพวกหรงเหิงทั้งสามคนและช่วยประคองพวกเขาที่กำลังหอบให้เดินต่อ
“ขอบคุณมาก” หรงเหิงขอบคุณอีกครั้ง
หนิงซินและคนอื่นๆ ที่กำลังเดินนำอยู่ด้านหน้าขบวน เฝ้าสังเกตสถานการณ์กลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังอย่างเงียบๆ ลู่เว่ยเจี๋ยรีบขึ้นไปเดินอยู่ข้างๆ หนิงซิน กระซิบถามนางไปด้วยเสียงเบาว่า “ซินเอ๋อร์ คนพวกนั้นดูอย่างไรก็ไม่เหมือนพ่อค้าสมุนไพรกับผู้คุ้มกันเลย” เขาไม่กล้าพูดจาเหลวไหล เพียงแค่บรรยากาศรอบตัวขององครักษ์หลงผู้นั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาๆ จะมีได้แล้ว ลู่เว่ยเจี๋ยมั่นใจในพละกำลังของตัวเองเป็นอย่างมาก ด้วยอย่างไรเขาก็เป็นถึงอันดับสองของศึกประลองภูติวิญญาณ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าองครักษ์หลงผู้นั้น เขากลับเหยียดหลังไม่ขึ้นแม้แต่นิดเดียว
แรงกดดันที่แผ่ออกมารอบตัวหลงฉี เพียงแค่ยืนอยู่เฉยๆ ลู่เว่ยเจี๋ยก็ยังถูกอีกฝ่ายกดดันจนแข้งขาอ่อนไปหมด นอกเหนือไปจากช่องว่างระหว่างระดับของวงแหวนภูติวิญญาณที่ต่างกันมาก มันเป็นการสะกดข่มของพลังอำนาจอย่างสมบูรณ์
บุรุษผู้นั้นทำให้เขาทั้งรู้สึกหวาดกลัวทั้งยำเกรง ดวงตาคู่นั้นที่เฉียบคมของเขา ทำให้ใครก็ตามไม่กล้าจ้องมองเขาตรงๆ
“ขบวนพ่อค้าสมุนไพรธรรมดาจะกล้าเข้ามาในป่าประลองวิญญาณได้อย่างไร นั่นไม่เท่ากับรนหาที่ตายหรือ ถ้าข้าเดาไม่ผิด หากคนพวกนี้ไม่ได้มาจากรัฐใดรัฐหนึ่ง ก็ต้องมาจากขุมอำนาจหนึ่งที่มีพลังแข็งแกร่งพอสมควรบนแผ่นดินนี้” หนิงซินหรี่ตาลง “รูปร่างสูงใหญ่ร่างกายกำยำ การเคลื่อนไหวดูคล่องแคล่ว แถมยังมีบรรยากาศรอบตัวที่เด็ดเดี่ยวและกล้าหาญ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องผ่านการฝึกฝนมาบ้างแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะสวมชุดเสื้อผ้าธรรมดาๆ แต่ดาบที่สะพายอยู่ที่เอวของพวกเขานั้นไม่ใช่สิ่งของธรรมดาสามัญเลย ถึงจะไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของพวกเขาคืออะไร อย่างน้อยๆ ก็สามารถพิสูจน์ได้อย่างหนึ่งว่าพวกเขาแข็งแกร่งมากพอ!”
หนิงซินเชื่อในวิสัยทัศน์ของตัวเอง คนไม่กี่คนเหล่านี้ไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่คิด
“เช่นนั้นเจ้ายังกล้าขอหินวิญญาณห้าก้อนจากพวกเขาอีกหรือ” ลู่เว่ยเจี๋ยชะงัก เชิญหน้ากับผู้ที่แข็งแกร่ง สมควรจะผูกมิตรและลอบเอาชนะใจเขาอย่างลับๆ ไม่ใช่หรือ แต่ตัวเลขที่หนิงซินขอมันน่าตกใจมากจริงๆ