ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 485 กองทัพที่รบได้ดุดันมากที่สุด (4) ตอนที่ 486 กองทัพที่รบได้ดุดันมากที่สุด (5)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 485 กองทัพที่รบได้ดุดันมากที่สุด (4) ตอนที่ 486 กองทัพที่รบได้ดุดันมากที่สุด (5)
ตอนที่ 485 กองทัพที่รบได้ดุดันมากที่สุด (4) / ตอนที่ 486 กองทัพที่รบได้ดุดันมากที่สุด (5)
ตอนที่ 485 กองทัพที่รบได้ดุดันมากที่สุด (4)
การชำเลืองมองเป็นครั้งคราวเหล่านี้ ไม่เพียงแต่ไม่ทำให้หนิงซินมีความคิดที่จะล่าถอย แต่กลับทำให้นางรู้สึกภาคภูมิใจอีกด้วย
หนิงซินมั่นใจในรูปร่างหน้าตาของตัวเองเสมอมา กล่าวได้ว่าใบหน้านี้ราวกับถูกสวรรค์สร้างขึ้นมาเพื่อนางโดยเฉพาะ มันมักจะอำนวยผลประโยชน์มากมายให้แก่นางเสมอ ดังนั้นนางคงไม่คิดฝันว่าตัวเองจะถูกบุรุษร่างใหญ่เหล่านี้รังเกียจเดียดฉันท์ เพิกเฉยต่อความงามของนางโดยสิ้นเชิง
นางคิดว่าคนพวกนี้ก็คงเหมือนกับคนอื่นๆ ที่แอบหลงเสน่ห์ของนาง
“ไม่จำเป็น” หลงฉีปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา เขาไม่แม้แต่จะปรายตามองหนิงซิน
รอยยิ้มบนใบหน้าของหนิงซินแข็งค้างเล็กน้อย แต่ไม่นานมันก็กลับมาเป็นปกติ
“เจ้าไม่จำเป็นต้องทำตัวห่างเหินขนาดนี้ การพบกันที่นี่ถือว่าเป็นโชคชะตาอย่างหนึ่ง อีกอย่างกว่าจะไปถึงทะเลสาบจันทราวารีกระจ่างก็ยังต้องใช้เวลาเดินอีกสักพัก ให้ข้าอธิบายให้เจ้าฟังถึงลักษณะคร่าวๆ โดยรอบทะเลสาบจันทราวารีกระจ่างดีหรือไม่” หนิงซินยังคงยิ้มและกล่าว ไม่ได้ถูกคำปฏิเสธของหลงฉีทำให้เกิดความคิดล่าถอยไปแต่อย่างใด
หลงฉียิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น เขาต้องการจะปฏิเสธ แต่หลังจากคิดตริตรองดูแล้ว พวกเขาไม่เคยไปที่ทะเลสาบจันทราวารีกระจ่างมาก่อนจริงๆ พวกเขาเพิ่งเรียนรู้จากปากของมู่เฉินว่าบริเวณริมทะเลสาบจันทราวารีกระจ่างน่าจะมีสมุนไพรชนิดนั้นที่พวกเขาต้องการอยู่ การได้ทำความเข้าใจกับสภาพภูมิประเทศโดยรอบของทะเลสาบจันทราวารีกระจ่างอย่างละเอียดจากปากของเด็กสาวคนนี้ จะช่วยให้พวกเขาสะดวกขึ้นมากสำหรับการตามหาสมุนไพรชนิดนั้น
“เช่นนั้นก็รบกวนเจ้าแล้ว” หลงฉีข่มกลั้นความรำคาญใจลงไป เลือกรักษางานใหญ่เอาไว้ก่อน
หนิงซินฉีกยิ้มกว้าง ดวงตาของนางโค้งขึ้นด้วยรอยยิ้ม นางดูออกแม้บุรุษผู้นี้จะไม่ค่อยชอบพูดคุยกับคนอื่นนัก แต่นางรู้ดีว่าควรจะเข้าหาบุคคลประเภทนี้อย่างไร
“ทะเลสาบจันทราวารีกระจ่างมีขนาดใหญ่มาก และเป็นแหล่งน้ำหลักที่สำคัญของป่าประลองวิญญาณ มีข่าวลือว่าน้ำในทะเลสาบจันทราวารีกระจ่างสามารถหล่อเลี้ยงพลังวิญญาณได้ จึงเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่สัตว์วิญญาณ และมักจะมีสัตว์วิญญาณในละแวกใกล้มาดื่มน้ำที่ทะเลสาบจันทราวารีกระจ่างเสมอ ในตอนที่พวกมันดื่มน้ำอยู่ หากพวกมันสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ หรือกลิ่นอายที่ไม่คุ้นเคย พวกมันก็มีแนวโน้มสูงมากที่จะเข้าโจมตีทันที ดังนั้นข้าขอแนะนำว่าหลังจากที่พวกเจ้าไปถึงแล้ว อย่าเพิ่งรีบเข้าไปใกล้ทะเลสาบจันทราวารีกระจ่าง แต่ให้สังเกตบริเวณใกล้เคียงดูก่อนว่ามีสัตว์วิญญาณกำลังดื่มน้ำอยู่แถวนั้นหรือไม่ จะได้หลีกเลี่ยงการต่อสู้และบาดเจ็บ” หนิงซินตั้งใจที่จะผูกมิตรกับหลงฉี นางจึงตัดสินใจพูดความจริงออกไปสามส่วน
หลงฉีกลับตอบว่า “ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากขนาดนั้น ถ้ามีสัตว์วิญญาณอยู่แถวนั้น เราก็แค่ฆ่าทิ้งเสีย”
หนิงซินตกใจเล็กน้อย คำพูดที่เด็ดขาดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าผู้พูดต้องมีความมั่นใจในตัวเองเป็นอย่างมากแถมยังต้องแข็งแกร่งระดับหนึ่งด้วย นึกย้อนไปถึงคำพูดของศิษย์คนนั้นที่วิ่งเอาข่าวมาบอกว่ากลุ่มของหลงฉีสามารถล้มสัตว์อสูรระดับสูงได้อย่างง่ายดาย แม้ในตอนแรกนางจะยังกังขาอยู่ แต่เมื่อได้เห็นความมั่นใจและท่าทางที่เขาแสดงออกมา ใจนางก็เชื่อไปถึงเจ็ดส่วนแล้วว่ามันเป็นความจริง
“ฮ่าๆ คำพูดของผู้ที่แข็งแกร่งช่างแตกต่างอย่างแท้จริง ความสามารถของพี่หลงต้องไม่ธรรมดามากเป็นแน่ ซินเอ๋อร์ขอคารวะ” หนิงซินยิ้มอย่างอบอุ่น ดวงตาของนางกวาดมองไปทั่วใบหน้าที่เด็ดเดี่ยวและคมคายของหลงฉี
อย่างไรก็ตามหลงฉีกลับไม่ตอบสนองแม้แต่น้อย เขายังคงวางท่าเย็นชาห่างเหินเช่นเดิม
“พี่หลงดูเหมือนจะเป็นผู้ที่มีประสบการณ์มากมาย ดูจากระยะทางแล้วพวกเรายังต้องไปอีกไกลและค่อนข้างน่าเบื่อ พี่หลงจะสนใจแบ่งปันเรื่องราวที่เกี่ยวกับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของพี่หรือไม่” หนิงซินยิ้มหวานดูเหมือนเด็กสาวขี้อาย
หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ถูกสาวน้อยในวัยแรกรุ่นทั้งงดงามและบอบบางเช่นนี้ฉอเลาะพูดจาชื่นชมไม่หยุด หัวใจคงจะเหลวเป็นน้ำเคลิบเคลิ้มลุ่มหลงไปหมดแล้ว แต่หลงฉียังคงปั้นหน้าบูดบึ้งและไม่สนใจแม้แต่น้อย
“คุณหนูหนิง” หลงฉีหยุดฝีเท้าลงกะทันหัน
“พี่หลงไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนี้ เรียกข้าซินเอ๋อร์ก็ได้เจ้าค่ะ” หนิงซินก้มหน้าลงด้วยใบหน้าแดงก่ำ ซ่อนประกายความภาคภูมิใจในดวงตาของนาง
“หากเจ้าไม่มีข้อมูลอื่นที่เกี่ยวกับทะเลสาบจันทราวารีกระจ่างจะพูดแล้ว เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องพูดอีก พวกข้ายังมีสิ่งอื่นให้ต้องปรึกษาหารือกัน อย่างไรขอคุณหนูหนิงโปรดหลีกทางด้วย” หลงฉีมองหนิงซินอย่างเย็นชา เขาออกปากขับไล่นางไปโดยตรง ไม่คิดจะรักษาใบหน้าของหญิงสาวหรือว่ามารยาทแม้แต่น้อย
ตอนที่ 486 กองทัพที่รบได้ดุดันมากที่สุด (5)
ใบหน้าของหนิงซินเปลี่ยนไปในทันที รอยยิ้มที่งดงามงามของนางดูแข็งทื่อ ขณะที่นางพยายามกลั้นหายใจและระงับโทสะที่พวยพุ่งขึ้นมาจากอก หญิงสาวหมุนตัวเดินกลับไปพร้อมกับรอยยิ้มแข็งทื่อที่มุมปากของนาง
เมื่อเห็นว่าหนิงซินจากไปแล่ว ทหารของกองทัพรุยหลินที่อยู่ด้านข้างก็พากันโล่งอก
“กลิ่นอะไรบนตัวเด็กสาวคนนั้นกัน ทำข้าแสบจมูกไปหมดแล้ว” ทหารคนหนึ่งถูจมูกของเขาจนแดงเถือก ตั้งแต่ที่นางเข้ามาเมื่อสักครู่นี้ กลิ่นรุนแรงที่กระจายออกมาจากตัวนางก็ทำเอาเขาคลื่นไส้ เกือบจะหายใจไม่ออกแล้ว
“หัวหน้า ท่านไม่คิดหรือว่าเด็กสาวคนนั้นกำลังแอบชอบท่านอยู่ ท่านไม่เห็นสายตาแปลกๆ ที่ชำเลืองมองมาทางท่านบ่อยๆ หรือไร แล้วก็ใบหน้าที่แดงก่ำนั่นด้วย!” ทหารอีกคนพูดติดตลก หยอกล้อหลงฉีไปด้วยรอยยิ้ม…
“พวกเจ้าแน่ใจหรือว่านางหน้าแดง ไม่ใช่หน้าซีด ข้าเห็นนะว่าตอนที่นางหมุนตัวเดินจากไปเมื่อสักครู่ ปากของนางเม้มแน่นจนแทบไม่เห็นสีโลหิตแล้ว”
“พวกเจ้าหุบปากให้หมด” หลงฉีขมวดคิ้วและถลึงตาจ้องไปที่ทหารไม่กี่คนนั้น “รอให้ถึงทะเลสาบจันทราวารีกระจ่างก่อน ค่อยมองหาสัตว์วิญญาณระดับสูงและขุดเอาหินวิญญาณส่งให้กับเด็กพวกนั้นตามคำขอ จากนั้นก็ทางใครทางมัน”
ถึงแม้หลงฉีผู้ซึ่งผ่านศึกมานักต่อนักจะไม่เข้าใจเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงมากนัก แต่เขาก็ฉลาดมาก เขามองออกได้ทันทีว่าหนิงซินจงใจเข้าใกล้เขาไม่ได้มีเจตนาที่บริสุทธิ์ ยิ่งนางพยายามถามถึงสถานการณ์ของพวกเขาซ้ำๆ สิ่งนี้สำหรับทหารอย่างพวกเขาแล้วนับเป็นเรื่องต้องห้าม
“ขอรับ! ”
……
…
“ศิษย์พี่หนิง เกิดอะไรขึ้นกับท่านหรือ” อิ่นเหยียนปรี่เข้าไปถามทันที เมื่อเห็นว่าหนิงซินที่กำลังเดินกลับเข้ามารวมกลุ่มเม้มริมฝีปากแน่นสีหน้าซีดเซียวปานใด ใบหน้าของหญิงสาวบิดเบี้ยวด้วยความโกรธจัด แม้แต่ลู่เว่ยเจี๋ยก็ยังสังเกตเห็นความผิดปกติของหนิงซินและหันไปมอง
หนิงซินสูดลมหายใจเข้าลึก ระงับความโกรธในใจของนาง
ไอ้พวกสารเลวพวกนี้คิดว่าตัวเองเป็นใคร! คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่นักรึ ข้าอุตส่าห์ลดตัวลงไปผูกมิตรด้วยแต่กลับกล้าชักสีหน้าใส่ข้า!
หนิงซินผู้ซึ่งเคยแต่ถูกประคบประหงมเอาใจ รู้สึกโกรธจัดกับน้ำเสียงที่เย็นชาและท่าทีที่แข็งกระด้างของหลงฉีจริงๆ
นางไม่เคยถูกตบหน้าเช่นนี้มาก่อน!
“ยกเลิกแผนการก่อนหน้านี้ทั้งหมด! เจ้าพวกสวะกลุ่มนี้มีดีแต่ปากเท่านั้นแหละ ไอ้พวกสถุนหยาบคายไร้หัวนอนปลายเท้า” หนิงซินไม่อาจระงับอารมณ์ของตัวเองไว้ได้อีกต่อไป รอยยิ้มบนใบหน้าของนางเลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“ใครทำอะไรให้เจ้า เหตุใดถึงได้โกรธเพียงนี้” ลู่เว่ยเจี๋ยรีบปลอบใจคนงาม “ข้าคิดว่าคนกลุ่มนั้นเป็นเพียงบุรุษบ้าระห่ำและไม่มีสมอง ตั้งแต่แรกแล้วข้าก็ไม่ได้เห็นด้วยกับที่เจ้าจะร่วมมือกับกลุ่มคนหยาบคายเช่นนี้เลยสักนิด ในเมื่อดึงพวกเขามาเป็นพวกไม่ได้ เช่นนั้นก็ปล่อยไปเถอะ ในฐานะศิษย์พี่ของสำนักศึกษาเฟิงหัว พวกเราไม่ขาดขุมอำนาจเช่นนี้เลยแม้แต่น้อย”
เดิมทีลู่เว่ยเจี๋ยยังเห็นด้วยกับแผนการของหนิงซิน แต่เขาก็ถูกดูหมิ่นโดยหลงฉีและด้วยอุปนิสัยที่เย่อหยิ่งของเขา มีหรือที่เขาจะยอมก้มหัวแต่โดยดี ยิ่งเวลานี้เมื่อได้เห็นอีกฝ่ายปฏิบัติต่อหนิงซินเช่นเดียวกัน ความไม่พอใจของเขาก็ทะลุไปถึงจุดสูงสุด
“เหอะ สุราอวยพรไม่ดื่มชอบดื่มสุราจับกรอก! นี่คือสิ่งที่พวกเขาเลือกเอง! ต้องการให้ข้าเป็นผู้นำทางให้ คิดจริงๆ หรือว่าแค่หินวิญญาณระดับสูงเพียงไม่กี่ก้อนจะสามารถผลักไสข้าออกไปได้! ข้าหนิงซิน หาได้ต่ำต้อยและราคาถูกถึงเพียงนี้!” หนิงซินหรี่ตาลง แววตาที่อ่อนโยนได้จางหายไปจากส่วนลึกในดวงตาของนางนานแล้วและถูกแทนที่ด้วยเจตนาร้าย
อิ่นเหยียนที่ยืนอยู่ด้านข้างนิ่งงันไปชั่วครู่ เขาไม่กล้าพูดอะไรเหลวไหลออกมา แต่กลับเป็นลู่เว่ยเจี๋ยที่เป็นฝ่ายเปิดปาก “แล้วเจ้าจะทำอย่างไร ถ้าเจ้าต้องการที่จะลงมือจริงๆ ข้าเกรงว่าเราจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา”
หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นที่ไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนี้ ลู่เว่ยเจี๋ยคงซัดพวกเขาไปตั้งนานแล้ว แต่ต่อหน้าหลงฉี เขาทำได้เพียงกดความโกรธไว้ในอกของเขาเท่านั้น
หนิงซินหัวเราะเสียงเย็น “ทำไมเราต้องลงมือทำ มีสัตว์วิญญาณมากมายในป่าประลองวิญญาณ”
“แต่พวกเขาสามารถฆ่าสัตว์วิญญาณระดับสูงได้…”
“แล้วถ้ามันอยู่เหนือกว่าระดับสูงล่ะ” ริมฝีปากของหนิงซินโค้งขึ้นอย่างชั่วร้าย นางหันไปมองสองสามคนที่ตามมาอยู่ท้ายขบวน นัยน์ตาของนางก็ฉายแววโหดเหี้ยมราวกับอสรพิษ