ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 495 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่สาม (6) ตอนที่ 496 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่สาม
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 495 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่สาม (6) ตอนที่ 496 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่สาม
ตอนที่ 495 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่สาม (6) / ตอนที่ 496 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่สาม (7)
ตอนที่ 495 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่สาม (6)
ในขณะที่หนิงซินเพิ่งจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่อิ่นเหยียนที่ยืนอยู่ข้างๆ นางกลับกรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียง
“หุบปาก!” หนิงซินถลึงตาจ้องกลับไปอย่างเย็นชา ทว่าอิ่นเหยียนที่สีหน้าราวกับเห็นผีกลับชี้นิ้วไปทางหนึ่งไม่หยุด หนิงซินมองตามทิศทางที่นิ้วของเขาชี้ออกไป และเมื่อได้เห็นเงาร่างที่คุ้นเคย ศีรษะของนางก็คล้ายกับถูกฟ้าผ่าลงมาอย่างหนัก
ข้างๆ หลงฉีและคนของเขา บัดนี้มีร่างสูงของอีกบุคคลหนึ่งเพิ่มเข้ามา!
“ฟ่านจิ่น นั่นคือฟ่านจิ่น…เขายังมีชีวิตอยู่…” อิ่นเหยียนสะท้านไปทั้งกายอย่างควบคุมไม่ได้ เขาคว้าไหล่ของหนิงซินไว้แน่น พูดออกไปด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกว่า “ศิษย์พี่หนิง ฟ่านจิ่นยังมีชีวิตอยู่! เจ้าจวินเสียนั่นมันอยู่กับเขาตลอด!”
เสียงระเบิดลูกใหญ่ดังขึ้นในใจของหนิงซิน!
นั่นสิ ทำไมนางถึงลืมเรื่องนี้ไปได้ จวินอู๋เสียอยู่กลุ่มเดียวกันกับฟ่านจิ่น แน่นอนว่าทั้งคู่ย่อมต้องเดินทางด้วยกัน แต่ศิษย์คนที่มารายงานนางก่อนหน้านี้ ไม่ใช่ว่าบอกว่าฟ่านจิ่นตกลงไปในกับดักที่นางไว้แล้วหรือ!
ฟ่านจิ่นยังมีชีวิตอยู่ นั่นย่อมหมายความว่าแผนการของนางล้มเหลวโดยสมบูรณ์ และฟ่านจิ่นก็เดินทางมาที่นี่พร้อมกับจวินอู๋เสียและคนอื่นๆ ซึ่งก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาอยู่ด้วยกันตลอด…
แบบนี้ไม่เท่ากับว่าพวกเขารู้แผนการของนางทั้งหมดแล้วรึ!
เดิมทีหนิงซินซึ่งยังคงคิดที่จะเอาชนะใจจวินอู๋เสียและดึงนางมาเป็นพวกในอนาคตในอนาคต พลันก็หน้าซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว
แผนการของนางในป่าประลองวิญญาณ แม้จะกล่าวว่าทั้งหมดถูกดำเนินการโดยอิ่นเหยียน แต่ขอแค่มีสมองสักหน่อย ก็ย่อมคาดเดาได้ว่านางเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง อย่างไรเสียนี่ก็เป็นแผนการใหญ่อย่างการสังหารบุตรบุญธรรมของท่านอาจารย์ใหญ่ มีความเป็นไปได้สูงมากที่ศิษย์เหล่านั้นที่ถูกใช้ให้ลงมือจะรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ดังนั้นนางจึงอนุญาตให้อิ่นเหยียนกล่าวอ้างถึงชื่อของนางในตอนต้น บอกพวกเขาเป็นนัยว่าบิดาของนางจะให้ผลประโยชน์มากมายกับพวกเขาอย่างแน่นอนหลังจากงานนี้เสร็จสิ้นลง
แผนการที่ไร้ซึ่งช่องโหว่และไม่น่าจะล้มเหลว หนิงซินไม่คิดเลยว่ามันจะเกิดข้อผิดพลาดขึ้น
แต่ตอนนี้ฟ่านจิ่นก็ได้มาปรากฏตัวที่นี่อย่างปลอดภัยดีแล้ว!
วงแหวนภูติวิญญาณที่ทรงพลังและผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงทั้งสี่คน!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แข้งขาของหนิงซินก็อ่อนยวบลงทันที
จบสิ้นแล้ว มันจบสิ้นแล้วจริงๆ!
นางไม่ได้กังวลว่าฟ่านจิ่นจะตามมาแก้แค้นนางทีหลังหรือไม่หลังจากที่เขารู้เรื่องนี้ แต่คนที่นางไม่กล้ายั่วยุก็คือจวินอู๋เสียผู้นั้นต่างหาก!
“กลับไป! พวกเราต้องรีบกลับไปเดี๋ยวนี้!” หนิงซินพยุงลำต้นของต้นไม้และบังคับตัวเองให้ยืนขึ้น นางรอต่อไปไม่ได้จริงๆ หากยังไม่รีบหนีไปตอนนี้อีก รอจนกระทั่งจวินอู๋เสียและคนอื่นๆ จัดการกับสัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติเสร็จ พวกนางจะต้องถูกฆ่าตายอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน
“อะไรนะขอรับ” อิ่นเหยียนตกตะลึง
หนิงซินยกมือขึ้นตบไปที่ใบหน้าของอิ่นเหยียนฉาดใหญ่ ตวาดเขาไปอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “เจ้าโง่รึไง! ถ้าพวกเราไม่รีบออกไปในตอนนี้ รอจนพวกเขาจัดการกับสัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติตัวนั้นเสร็จแล้ว และพบว่าพวกเราซ่อนตัวอยู่ที่นี่ เจ้าคิดว่าคนพวกนั้นจะยอมไว้ชีวิตพวกเราไปง่ายๆ รึ! ฟ่านจิ่นทำอะไรข้าไม่ได้ก็จริง แต่จวินเสียผู้นั้นเล่า! หรือเจ้าตาบอดมองไม่เห็นว่าเขาทะลวงระดับขึ้นมาอยู่ในขั้นสีเหลืองแล้ว! แถมยังมีวงแหวนภูติวิญญาณที่ทรงพลังเช่นนั้นอีก ไม่ต้องถึงมือผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงสี่คนนั้นที่มากับเขาหรอก ลำพังเขาคนเดียวก็ฝังศพข้ากับเจ้าได้แล้ว!”
อิ่นเหยียนกลับมาได้สติ เขายกมือขึ้นจับแก้มที่ร้อนฉ่าและมองไปที่หนิงซินที่โกรธจัด
“กลับไปตอนนี้! กลับไปที่สำนักศึกษาเฟิงหัวยังมีท่านพ่อของข้าอยู่ที่นั่น ต่อให้จวินเสียคิดจะตามมาแก้แค้นทีหลัง คนของท่านพ่อข้าก็น่าจะสามารถหยุดยั้งเขาได้ แต่หากพวกเรายังอยู่ที่นี่ตอนนี้ จุดจบของพวกเราก็มีแต่ตายเท่านั้น!” ใบหน้าของหนิงซินเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำแล้ว ต่อให้กำลังฝันอยู่นางก็คิดไม่ถึงว่าหมากที่ตัวเองใช้เพื่อกำจัดฟ่านจิ่น จะกลายมาเป็นอสุรกายดุร้ายเพียงพอที่จะคร่าชีวิตของนางเช่นนี้
“ขอ…ขอรับ…” อิ่นเหยียนรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
ทั้งสองคนช่วยประคองกันจนในที่สุดก็เดินออกมาจากป่าทึบ ลู่เว่ยเจี๋ยและคนอื่นๆ ที่รออยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นว่าหนิงซินและคนของนางกลับมาพร้อมกับใบหน้าซีดเผือด การแสดงออกของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความสับสน
ตอนที่ 496 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่สาม (7)
“หนิงซิน เกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้าอย่างนั้นหรือ” ลู่เว่ยเจี๋ยก้าวขึ้นไปข้างหน้าด้วยสีหน้าเป็นกังวล แต่ก็ถูกหนิงซินผลักออกอย่างไร้เยื่อใย
“ข้าจะกลับแล้ว!” หนิงซินพูดขึ้นอย่างเด็ดขาด จากนั้นนางก็เพิกเฉยต่อการสอบถามของลู่เว่ยเจี๋ยและหนีไปพร้อมกับอิ่นเหยียนเพียงสองคน
ลู่เว่ยเจี๋ยและศิษย์คนอื่นๆ สับสนมากและไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ศิษย์สองสามคนที่อยู่บริเวณนั้นจึงพูดขึ้นว่า “ศิษย์พี่หนิงเป็นอะไรไป งานล่าวิญญาณยังไม่จบเลย ทำไมถึงได้รีบจากไปขนาดนั้น ไม่ใช่นางที่เป็นคนเสนอขึ้นมาเองรึว่ารอให้คนพวกนั้นตายก่อนแล้วพวกเราค่อยเข้าไปเก็บของจากศพของพวกเขา”
มุมปากของลู่เว่ยเจี๋ยกระตุกเล็กน้อย เรื่องที่ถูกหนิงซินผลักออกมาเมื่อสักครู่นี้มันทำให้เขารู้สึกอับอายและขายหน้าเป็นอย่างมาก
“ปล่อยนางไป ถ้านางต้องการจากไปนั่นก็เรื่องของนาง พวกเราจะรออยู่ที่นี่ต่อ” ลู่เว่ยเจี๋ยแค่นเสียงหึอย่างไม่พอใจ
ในอีกด้านหนึ่ง สัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติกำลังถูกล้อมโจมตีโดยจวินอู๋เสียและสหายของนาง
ผิวของมันหยาบและหนามาก และขนของมันที่ขึ้นปกคลุมไปทั้งร่างก็ช่วยป้องกันมันจากการโจมตีส่วนใหญ่ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีที่รุนแรงไม่ยั้งเช่นนี้ ความโกรธแต่เดิมที่เคยมีก็ถูกแทนที่ด้วยความเจ็บปวดและความเหนื่อยล้า มันไม่อยากจะสู้อีกต่อไปแล้ว ในที่สุดสัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติก็ตัดสินใจหันหลังกลับแล้ววิ่งไปในทิศทางตรงกันข้ามกับที่พวกหลงฉีและคนอื่นๆ อยู่…
การ ‘หลบหนี’ ของสัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติ ทำให้เฉียวฉู่และคนอื่นๆ ตกตะลึงจนแทบไปไม่เป็น พวกเขาชะงักค้างอยู่กับที่ แลกเปลี่ยนสายตากันว่าควรจะวิ่งตามเจ้าสัตว์วิญญาณตัวนั้นเข้าไปในป่าดีหรือไม่ในขณะที่พลังวิญญาณขั้นสีม่วงของพวกเขายังไม่เหือดแห้งไป
“ทำไมมันถึงวิ่งหนีไปแล้วเล่า…” เฉียวฉู่ไม่เข้าใจตรรกะของสัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติเลยจริงๆ
“สัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติมักจะมีสติปัญญาอยู่ในระดับหนึ่ง พวกมันจะไม่ต่อสู้กับศัตรูอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า หากไม่ใช่สถานการณ์ที่เป็นตาย พวกมันจะประเมินสถานการณ์และตัดสินใจเลือกเส้นทางที่คิดว่าดีกับตัวเองมากที่สุด” ฟ่านจิ่นผู้เข้าร่วมในการต่อสู้ท้ายสุดพูดพร้อมกับมองไปที่แสงสีม่วงที่แผ่ซ่านในมือของเฉียวฉู่และคนอื่นๆ หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความสะท้านไม่อาจยอมรับในสิ่งที่เห็นได้
เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองจะอาศัยอยู่ร่วมกับผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงที่แข็งแกร่งทั้งสี่คนมาตลอดหลายวัน!
นี่คือผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงในตำนานเชียวนะ!
การหลบหนีไปอย่างกะทันหันของสัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติ ไม่ได้ทำให้จวินอู๋เสียผ่อนคลายการเฝ้าระวังของนางลงเลยแม้แต่น้อย นางยังคงหันไปสั่งการเยี่ยซาที่อยู่ข้างๆ อย่างไม่ประมาทว่า “ระวังตัวไว้”
ร่างของเยี่ยซาก็กะพริบและหายไปจากสายตาของทุกคน
จวินอู๋เสียกระโดดขึ้นไปขี่หลังของเจ้าสัตว์ร้ายสีดำตามเดิม ก่อนจะมุ่งหน้ากลับมายังจุดที่หลงฉีและกลุ่มของเขารวมตัวกันอยู่
เมื่อหลงฉีและคนอื่นๆ เห็นจวินอู๋เสียกำลังเข้ามาใกล้ พวกเขาก็คุกเข่าลงทันที บาดแผลบนร่างกายของพวกเขาส่วนใหญ่หายเป็นปกติหลังจากได้รับการรักษา แต่ไม่ทันให้พวกเขาได้กระโดดเข้าไปร่วมวงต่อสู้อีกรอบ การต่อสู้ก็จบลงอย่างกะทันหันเสียก่อน
หรงเหิงและศิษย์ของยอดเขาเทียมเมฆาอีกสองคน ก้าวขึ้นไปข้างหน้าด้วยความเคารพ พวกเขาพอจะคาดเดาตัวตนของจวินอู๋เสียออกแล้ว
จวินอู๋เสียไม่ได้สนใจการคุกเข่าของพวกหลงฉีและคนอื่นๆ นางเพียงเดินเข้าไปหาทหารนายนั้นที่ถูกตัดแขนจนขาด กระโดดลงจากหลังของเจ้าสัตว์ร้ายสีดำและนั่งลงเพื่อตรวจสอบอาการบาดเจ็บของทหารคนนั้นด้วยตนเอง
ทันทีที่ทหารคนนั้นเห็นจวินอู๋เสีย ร่างกายที่อ่อนล้าและปวกเปียกของเขาก็แข็งทื่อไป เขาพยายามดิ้นรนเพื่อลุกขึ้น
“ข้าน้อยคารวะคุณหนูใหญ่ขอรับ ขอคุณหนูใหญ่โปรดอภัยให้ข้าน้อยด้วยที่เมื่อสักครู่นี้ลุกขึ้นทำความเคารพไม่ทัน!”
เคร้ง!
ดาบคมในมือของฟ่านจิ่นตกกระทบลงพื้นเสียงดัง
กรามของเฉียวฉู่และเฟยเยียนเองก็แทบร่วงลงพื้น พวกเขาอ้าปากค้าง มองไปที่จวินอู๋เสียที่ยังสงบนิ่งด้วยดวงตาที่เบิกกว้างอย่างถึงที่สุด
“คะ…คุณ…คุณหนูใหญ่…กอง…กองทัพรุ่ยหลิน…คุณ…คุณหนู” คำพูดเหล่านี้หมุนวนอยู่ในหัวของฟ่านจิ่นซ้ำไปซ้ำมา เขาแทบพูดออกมาไม่เป็นคำ
จวินเสียเป็นสตรีหรือ!
จวินเสียนางเป็นสตรี!!!
แถมยังเป็นคุณหนูใหญ่ของกองทัพรุ่ยหลินอีกด้วย!
จวนหลินอ๋อง…สกุลจวิน…จวินเสีย…
ฟ่านจิ่นร่างกายสั่นสะท้านไม่หยุด!