ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 497 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่สาม (8) ตอนที่ 498 คิดถึงบ้าน (1)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 497 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่สาม (8) ตอนที่ 498 คิดถึงบ้าน (1)
ตอนที่ 497 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่สาม (8) / ตอนที่ 498 คิดถึงบ้าน (1)
ตอนที่ 497 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่สาม (8)
เฉียวฉู่กับเฟยเยียนแสดงอากัปกิริยาเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน และแม้แต่สีหน้าของฮวาเหยากับหรงรั่วก็ยังแสดงอาการตกตะลึงออกมาอย่างเห็นได้ชัด
แม้ว่าพวกเขาพอรู้เป็นนัยๆ แล้วว่าจวินอู๋เสียเป็นสตรี
แต่ถึงฆ่าให้ตาย พวกเขาก็ไม่คิดว่านางคือคุณหนูใหญ่แห่งกองทัพที่รบได้ดุดันมากที่สุด!
“น้องเสีย…เจ้าเป็นเอ่อ…ของพวกเขา…” เฉียวฉู่ชี้นิ้วที่สั่นเทาไปที่หลงฉีและคนอื่นๆ ท่าทางเลื่อนลอยราวกับตกอยู่ในภวังค์
จวินอู๋เสียเหลือบมองเฉียวฉู่อย่างเฉยเมย ไม่แสดงอาการใดๆ นางไม่ค่อยเข้าใจว่าเหตุใดพวกเฉียวฉู่ถึงแสดงอาการหวาดผวาเช่นนี้
นางเป็นใคร สำคัญมากนักหรือ
สำหรับจวินอู๋เสียแล้ว นางไม่เคยสนใจตำแหน่งหรือฐานะของผู้ใดทั้งสิ้น ที่นางต้องการคือทำความรู้จักกับตัวตนของคนผู้นั้นจริงๆ
ดังนั้นนางจึงคิดว่าคนอื่นก็คงมีตรรกะเช่นเดียวกับนาง
และมันไม่มีประโยชน์อะไร!
“ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของทุกท่าน ข้าคือหลงฉีแม่ทัพเอกแห่งกองทัพรุ่ยหลิน” ในตอนนั้นเองหลงฉีก็ลุกขึ้นยืน ร่างกายอันสูงใหญ่ของเขาตั้งตระหง่านทำให้คนรู้สึกเหมือนโดนกดดัน
เฉียวฉู่รีบส่ายศีรษะ
“หามิได้ขอรับ เป็นคะ…คุณหนูใหญ่ของพวกท่านพาพวกเรามา มิน่าเล่าทันทีที่นางได้ยินว่ามีคนต้องการทำร้ายกองทัพรุ่ยหลิน นางถึงได้เร่งรุดเดินทางเช่นนี้ ที่ไหนได้เป็นครอบครัวเดียวกันนี่เอง…” ประโยคสุดท้ายเฉียวฉู่พูดเสียงเบาจนเกือบกระซิบ
หลงฉีพยักหน้าน้อยๆ ไม่อ่อนน้อมหรือหยิ่งผยอง
“ต้องการให้ช่วยหรือไม่” หรงเหิงผู้ซึ่งอยู่ข้างๆ ตลอดเวลา พยายามเข้าใกล้จวินอู๋เสีย ยิ่งเข้าใกล้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแน่ใจว่าเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าเขาคือ จวินเสียจากสำนักชิงอวิ๋น
จวินอู๋เสียพยักหน้า “ยกแขนของเขาขึ้น ให้บาดแผลสมานกัน”
หรงเหิงทำตามที่นางบอก
ทหารที่ได้รับการรักษาตกตะลึงจากความเมตตาที่ไม่นึกไม่ฝัน ใบหน้าที่ไร้ซึ่งสีเลือดของเขา ถูกแทนที่ด้วยสีแดงจนเห็นเลือดฝาดทันที เขาพยายามยืดหลังให้ตรง ทำให้สีหน้าดูเป็นปกติ และพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้ตัวเองดูน่าสังเวชเกินไปนัก
ทหารคนนั้นแขนขาดออกจากกันโดยสิ้นเชิง ทว่ายิ่งรอยตัดดูเรียบเนียนมากเท่าไหร่ การต่อกลับคืนก็ยิ่งง่ายมากขึ้นเท่านั้น
“ชั้นเชิงการต่อสู้ของสัตว์วิญญาณตัวนั้นไม่เลวเลย” จู่ๆ จวินอู๋เสียก็พูดประโยคนี้ขึ้นมา
ใบหน้าอันแดงก่ำของทหารคนนั้นกลายเป็นสีขาวซีดในทันที
คนอื่นๆ ก็มองจวินอู๋เสียด้วยสายตาสยดสยอง
นางรู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังพูดอะไร!
หลังจากรักษาอาการบาดเจ็บของทหารคนนั้นเรียบร้อยแล้ว จวินอู๋เสียก็ยกมือขึ้น เช็ดมือเล็กๆ ทั้งสองข้างที่เต็มไปด้วยเลือดกับชายเสื้อด้านที่ยังคงดูสะอาดของทหารคนนั้น ครั้นเห็นว่าสะอาดดีแล้วก็ลุกขึ้นยืนอย่างพึงพอใจ
อาการที่ทุกคนแสดงออกมาไม่สามารถใช้คำว่าสยองขวัญมาบรรยายได้อีกต่อไป…
เยี่ยซากลับมาทันเวลานี้พอดี จากการสังเกตของเยี่ยซา สัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติตัวนั้นไม่ได้ตั้งใจที่จะกลับมาต่อสู้จริงๆ มันมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกและจากไปโดยไม่หันหลังกลับตั้งนานแล้ว
คราวนี้ หลงฉีจึงคลายความตึงเครียดลงได้
“ไปหามาว่าตำแหน่งของหนิงซินและคนอื่นๆ อยู่ที่ไหน” จวินอู๋เสียหรี่ตาพลางเอ่ยสั่งกับเยี่ยซา
เดิมทีนางรับปากฟ่านจิ่นว่าจะปล่อยหนิงซินและอิ่นเหยียนไปสักครั้ง แต่พวกเขารนหาที่ตายเอง โดยการวางแผนเล่นงานกองทัพรุ่ยหลิน
ทางไปสวรรค์ดีๆ มีไม่เดิน นางนี่แหละจะส่งพวกเขาลงนรกด้วยมือของนางเอง
จวินอู๋เสียได้จัดให้กองทัพรุ่ยหลินอยู่ภายใต้การดูแลของตัวเองตั้งนานแล้ว
ถ้าหนิงซินแตะต้องคนของนาง นางก็จะเอาชีวิตของนาง!
คำพูดของจวินอู๋เสียทำให้ฟ่านจิ่นสะท้านไปทั้งตัว คำพูดบางอย่างที่นึกอยากจะกล่าวออกไปเมื่อครู่ ทว่าเมื่อเห็นคราบเลือดที่เปรอะเปื้อนไปทั่วทั้งตัวของหลงฉีและคนอื่นๆ เขาก็ไม่สามารถเอื้อนเอ่ยคำใดได้
ถ้าไม่ใช่เพราะจวินอู๋เสียและพวกเขามาถึงทันการณ์ คนที่นอนอยู่ตรงนี้คงจะไม่มีชีวิตและกลายเป็นซากศพไปแล้ว!
กองทัพรุ่ยหลินทำให้บุรุษทั่วทั้งใต้หล้าเคารพนับถือ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจวินอู๋เสียที่เป็นถึงคุณหนูใหญ่แห่งจวนหลินอ๋อง หากจะลงมือจริงๆ แม้แต่การจะหาเหตุผลมาขอความเมตตาเขาก็ไม่สามารถหาได้โดยสิ้นเชิง
ตอนที่ 498 คิดถึงบ้าน (1)
หลังจากรออยู่พักหนึ่ง เยี่ยซาก็กลับมา แต่ข่าวที่เขานำกลับมาด้วยนั้น กลับทำให้จวินอู๋เสียต้องขมวดคิ้วเล็กน้อย
ไม่ทราบว่าด้วยเหตุอันใด จู่ๆ หนิงซินและอิ่นเหยียนก็ตัดสินใจถอนตัวออกจากงานล่าวิญญาณ เมื่อสักครู่นี้ทั้งสองที่เร่งเดินทางไปตลอดทางก็เพิ่งยิงพลุสัญญาณขอความช่วยเหลือออกไป ในตอนที่เยี่ยซาเพิ่งไปถึง อาจารย์ของสำนักศึกษาเฟิงหัวก็มารับตัวพวกเขาออกไปแล้ว
“หนีเร็วจริงๆ” จวินอู๋เสียยกมุมปากขึ้นอย่างเย็นชา
“วิ่งหนีพระหนีได้ แต่วิ่งหนีวัดหนีไม่ได้ ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาจะต้องกลับไปที่สำนักศึกษาเฟิงหัวอยู่ดี ไม่ใช่หรือ” ฮวาเหยากล่าวเบาๆ
จวินอู๋เสียยิ้มเย็น “หนีไม่พ้นแน่นอน”
ครั้งนี้พวกเขาโชคดีที่หนีไปได้ก่อน แต่หลังจากสิ้นสุดงานล่าวิญญาณ ศิษย์ทั้งหมดย่อมต้องเดินทางกลับสำนักศึกษาเฟิงหัว หนิงซินและอิ่นเหยียนจะหลบหนีต่อไปได้อีกกระนั้นหรือ นางไม่ได้คิดที่จะปล่อยพวกเขาไป เมื่อกล้าเล่นงานกองทัพรุ่ยหลิน ก็ต้องเตรียมรับการแก้แค้นให้ดี
“ถ้าเช่นนั้นเราจะยังเข้าร่วมงานล่าวิญญาณต่อหรือไม่ หรือว่ากลับไปเลยดี” เฉียวฉู่กระหายที่จะลองดู การที่ได้ติดตามจวินอู๋เสีย มักจะมีเรื่องตื่นเต้นเกิดขึ้นอยู่เสมอ
อย่างแรกคือทำลายสำนักชิงอวิ๋น ต่อมาก็ต่อสู้กับสัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติ เขาอยากรู้จริงๆ ว่า หลังจากนี้จวินอู๋เสียจะสามารถทำอะไรที่เป็นเรื่องสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วปฐพีอีกบ้าง
“ไปต่อ กลับไปค่อยไปจัดการเก็บกวาดพวกเขา” จวินอู๋เสียไม่รีบร้อน การที่หนิงซินหนีไปนั้นใช่ว่าจะไม่ใช่เรื่องดี ถ้าหากยอมให้นางจับได้วันนี้เวลานี้และเชือดคอในดาบเดียว มันจะไม่น่าเบื่อแย่หรือ!
ในเมื่อหนิงซินต้องการหนี นางก็จะให้เวลานางได้หลบหนี
หลังจากกลับสำนักศึกษาเฟิงหัวแล้ว นางจะทำให้หนิงซินตระหนักได้ว่า ยอมตายในป่าประลองวิญญาณ ยังจะมีความสุขมากกว่าเลือกหลบหนีออกไป!
“ถ้าอย่างนั้น ข้าคิดว่าพวกเราควรล่าสัตว์ละแวกนี้เสียหน่อย” เฉียวฉู่คันไม้คันมือเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ครั้งใหญ่ ขนาดสัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติพวกเขาก็สามารถต้านทานได้ ฉะนั้นสัตว์วิญญาณอื่นๆ ย่อมไม่มีอะไรให้เกรงกลัว
จวินอู๋เสียมองหน้าหลงฉีและทุกคน เอ่ยถามไปว่า “พวกเจ้ามาทำอะไรที่นี่”
ก่อนหน้านี้ที่อยู่ในจวนหลินอ๋อง นางไม่เคยได้ยินว่ากองทัพรุ่ยหลินมีความคิดที่เดินทางมายังป่าประลองวิญญาณ
“เรียนคุณหนูใหญ่ พวกข้าน้อยมาที่นี่เพื่อตามหาหญ้าวิญญาณวารีขอรับ” หลงฉีบอกตามความจริง
“หญ้าวิญญาณวารีรึ” จวินอู๋เสียเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย สายตาจับจ้องไปที่หรงเหิงและคนอื่นๆ “ดูเหมือนว่ามู่เฉินจะค้นพบวิธียกระดับเส้นลมปราณให้พวกเจ้าได้แล้ว”
“ถูกต้องแล้วขอรับ”
หรงเหิงลอบมองจวินอู๋เสียอย่างประหลาดใจ แค่นางได้ยินคำว่า ‘หญ้าวิญญาณวารี’ ก็รู้ทันทีว่ามู่เฉินจะนำมาใช้ทำอะไร ความรู้ของนางเกี่ยวกับสมุนไพรได้ล้ำหน้าพวกเขาทุกคนไปมากแล้ว
“ไปด้วยกันเถอะ” ก่อนหน้านี้จวินอู๋เสียก็เคยนึกถึงหญ้าวิญญาณวารี เพียงแต่ว่าตอนนั้นอยู่ที่จวนหลินอ๋อง นางมีสมุนไพรในมือไม่เพียงพอที่จะใช้ทดสอบ ต่อมาเมื่อนางมาถึงสำนักชิงอวิ๋น นางกลับพบหญ้าวิญญาณวารีอยู่ที่ยอดเขาเร้นเมฆามากมาย และได้นำมาหลอมเป็นโอสถวิเศษ
หากมีหญ้าวิญญาณวารีอยู่ที่นี่ การจะเก็บสะสมไว้ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร
ตอนที่จวินอู๋เสียทำลายสำนักชิงอวิ๋นจนย่อยยับนั้น สิ่งที่น่าเสียใจที่สุดก็คือไม่สามารถนำวัตถุดิบและตัวยาสมุนไพรอันล้ำค่าเหล่านั้นออกจากยอดเขาเร้นเมฆาได้ แต่พอได้ยินหลงฉีพูดถึงสถานการณ์ปัจจุบันของจวนหลินอ๋อง นางก็รู้ได้ทันทีว่ามู่เฉินได้นำวัตถุดิบตัวยาสมุนไพรจากยอดเขาเร้นเมฆาไปไว้ที่จวนอ๋องหลินแล้ว และได้นำไปใช้กับกองทัพรุ่ยหลินอย่างไม่ตระหนี่ ความเสียใจนี้จึงมหลายหายไปพร้อมกับสายลม
การที่นางพามู่เฉินไปที่จวนหลินอ๋อง จวินอู๋เสียไม่ได้มุ่งหวังให้เขาช่วยนางอย่างสุดกำลัง แค่รู้สึกว่าเขามีความเข้าใจเกี่ยวกับเส้นลมปราณเป็นอย่างดี และในขณะที่นางไม่อยู่ก็สามารถช่วยปรับปรุงเส้นลมปราณของกองทัพรุ่ยหลินต่อได้ ตอนนี้นางเพิ่งทราบจากปากของหลงฉีว่า มู่เฉินไม่เพียงแต่ไปที่จวนหลินอ๋องเท่านั้น แต่ยังทำทุกอย่างเพื่อหลอมเม็ดยาที่เหมาะสมสำหรับกองทัพรุ่ยหลิน ซึ่งนี่มันเกินความคาดหมายของจวินอู๋เสียมาก