ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 509 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่สี่ (9) ตอนที่ 510 หางเล็กๆ ที่เกาะติดเป็นเงาตามตัว (1)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 509 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่สี่ (9) ตอนที่ 510 หางเล็กๆ ที่เกาะติดเป็นเงาตามตัว (1)
ตอนที่ 509 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่สี่ (9) / ตอนที่ 510 หางเล็กๆ ที่เกาะติดเป็นเงาตามตัว (1)
ตอนที่ 509 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่สี่ (9)
“พวกเจ้าทำเรื่องบัดซบเช่นนี้จริงๆ หรือ” หนานกงซวี่ตัวสั่นด้วยความโกรธ มีปัญหากับยอดเขาเทียมเมฆาไม่พอ ยังไปมีปัญหากับกองทัพรุ่ยหลินอีก ไอ้พวกโง่เง่า ตกลงว่าก่อเรื่องไปมากแค่ไหนกัน!
พวกเขารู้หรือไม่ว่า ฟ่านฉีผู้เป็นอาจารย์ใหญ่ของสำนักศึกษาเฟิงหัว ได้ใช้ความพยายามอย่างมากในการเข้าหามู่เฉิน ทว่าพวกเขากลับวางแผนฆ่าลูกศิษย์ของมู่เฉิน!
นี่ไม่ใช่การบังคับให้มู่เฉินกลายเป็นศัตรูคู่อริหรอกหรือ!
ลู่เว่ยเจี๋ยตกใจจนหน้าถอดสี ตอนที่ได้รู้ว่าหลงฉีคือแม่ทัพเอกแห่งกองทัพรุ่ยหลิน เขาก็ทรุดตัวลงกับพื้น ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แต่ก็ไม่มีน้ำตาออกมา
“อาจารย์หนานกง! เรื่องนี้ข้าไม่ได้เป็นผู้ริเริ่มนะขอรับ เป็นหนิงซิน! เป็นหนิงซินที่บอกว่าจะให้สัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติฆ่าพวกเขา! ข้าแค่ถูกผีร้ายดลใจ หลงมัวเมาไปกับคำพูดปลุกปั่นของนาง ถึงได้ทำอย่างนี้!” ลู่เว่ยเจี๋ยร้องตะโกนอย่างสิ้นหวัง
เรื่องนี้ลุกลามใหญ่โตเกินไป ต่อให้เขามีความสามารถเทียมฟ้าก็ไม่สามารถต้านทานได้!
เมื่อได้ยินชื่อของหนิงซิน ใบหน้าของหนานกงซวี่พลันซีดเซียวอีกครั้ง
“ทั้งหมดเป็นเพราะนาง นางรู้ว่าแม่ทัพเอกหลงพวกเขามีความสามารถยอดเยี่ยม นางต้องการใช้แผนที่แลกเปลี่ยนกับหินวิญญาณระดับสูงของพวกแม่ทัพเอกหลง เจตนาที่จะดึงมาเป็นพวก แต่แม่ทัพเอกหลงไม่ยอมร่วมมือกับนาง นางอับอายและความอับอายนั้นก็กลายเป็นความโกรธแค้นในที่สุด พยายามวางแผนฆ่าแม่ทัพเอกหลง เรื่องทั้งหมดนี้ หนิงซินล้วนเป็นคนก่อ! ทั้งหมดเป็นเพราะนาง!” ลู่เว่ยเจี๋ยตกใจจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จนกระทั่งผลักความผิดทั้งหมดไปที่หนิงซิน
นางไร้เมตตาธรรมก่อน ดังนั้นจะมาโทษว่าเขาไร้ศีลธรรมไม่ได้!
หนานกงซวี่สั่นสะท้านไปทั้งร่าง เนื่องจากตกใจกับความจริง ต้องการจะพูดอะไรเพื่อโต้แย้งแทนหนิงซิน ทว่าทันใดนั้นก็จำได้ว่าไม่นานมานี้พวกเขาได้รับสัญญาณจากหนิงซินจริงๆ และสถานที่นั้นก็อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ หนิงซินและอิ่นเหยียนจู่ๆ ก็ประกาศถอนตัวจากงานล่าวิญญาณ ซึ่งเป็นที่น่าสงสัยแต่แรกแล้ว และหนานกงซวี่ยังรู้สึกเสียดายแทนพวกเขาสองคนอยู่นาน
บัดนี้พอได้ฟังจากที่ลู่เว่ยเจี๋ยพูด ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจแล้วว่าทำไมอยู่ดีๆ ทั้งสองคนถึงได้ถอนตัวออกจากงานนี้
“ท่านได้ยินชัดแล้วหรือยัง” หลงฉีเอ่ยพร้อมกับยิ้มเยาะ “ให้ท้ายศิษย์ฆ่าคนปล้นชิงทรัพย์ อาจารย์กลับช่วยศิษย์ชั่วก่อกรรมทำเข็ญ มาทำร้ายทหารของกองทัพรุ่ยหลินเราอีก บัญชีความแค้นนี้ กองทัพรุ่ยหลินต้องไปสะสางกับสำนักศึกษาเฟิงหัวแน่นอน”
หรงเหิงยังกล่าวอีกว่า “เมื่อข้ากลับไปจะรายงานเรื่องนี้กับท่านอาจารย์ ให้ท่านอาจารย์เป็นผู้ทวงคืนความยุติธรรมให้กับข้า!”
หนานกงซวี่รู้สึกว่าเท้าทั้งสองข้างของตนอ่อนแรง กองทัพรุ่ยหลินบวกกับมู่เฉิน…ครั้งนี้เป็นเรื่องใหญ่จริงๆ! แม้ว่ากองทัพรุ่ยหลินจะใช้กำลังทหารกับสำนักศึกษาเฟิงหัวไม่ได้ ตราบใดที่เรื่องนี้ถูกแพร่งพรายออกจากปากของกองทัพรุ่ยหลินและมู่เฉิน ไม่นานเกินรอ คนทั่วทั้งแผ่นดินก็จะรู้ว่าสำนักศึกษาเฟิงหัวล้วนเป็นคนต่ำช้ามีพฤติกรรมลักเล็กขโมยน้อย และชื่อเสียงอันโด่งดังของสำนักศึกษาเฟิงหัวจะหายไปโดยพลัน!
“ทั้งสองท่านโปรดใจเย็นก่อน! เรื่องนี้เป็นเพราะสำนักศึกษาเฟิงหัวเราสั่งสอนไม่ดี! ขอให้ท่านทั้งสองไว้หน้าสำนักศึกษาเฟิงหัวด้วย โปรดให้เวลาสักพัก สำนักศึกษาเฟิงหัวจะให้คำอธิบายเรื่องนี้กับทั้งสองท่านอย่างแน่นอน! สำนักศึกษาเฟิงหัวจะไม่มีวันยอมผ่อนปรนปล่อยปละละเลยคนชั่วเด็ดขาด!” เพื่อปกป้องชื่อเสียงของสำนักศึกษาเฟิงหัว หนานกงซวี่ละล่ำละลักเอ่ยคำมั่นสัญญาอย่างรวดเร็ว เขาไม่มีทางปล่อยให้เรื่องนี้กลายเป็นปัญหาใหญ่ หากจัดการเรื่องนี้ไม่เหมาะสม ชื่อเสียงที่สั่งสมมากว่าร้อยปีของสำนักศึกษาเฟิงหัว เกรงว่าจะถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง!
“ถ้าอย่างนั้น พวกเราจะรอคำอธิบายจากสำนักศึกษาเฟิงหัว ถ้าจัดการไม่เหมาะสม พวกเราจะใช้วิธีของพวกเราทวงคืนความยุติธรรม หวังว่าสำนักศึกษาเฟิงหัวจะไม่ทำให้พวกเราผิดหวัง” หลงฉีกล่าวอย่างเย็นชา
“ขะ ขอรับ” หนานกงซวี่เช็ดเหงื่อบริเวณหน้าผากไปมา เรื่องนี้ใหญ่เกินกว่าที่เขาจะรับมือได้ เขาทำได้แค่รอจนกว่าจะกลับไปถึงสำนักศึกษาเฟิงหัว จากนั้นค่อยให้ฟ่านฉีผู้เป็นอาจารย์ใหญ่ตัดสินใจ
ตอนที่ 510 หางเล็กๆ ที่เกาะติดเป็นเงาตามตัว (1)
“แล้วศิษย์เหล่านี้…” หนานกงซวี่กวาดตามองลู่เว่ยเจี๋ยและคนอื่นๆ
“ท่านพากลับไปเถอะ” หลงฉีพูด
“ขอบคุณท่านมาก” หนานกงซวี่รู้สึกกระดากอายเหลือทน เขารีบรับคนกลับทันที จากนั้นกล่าวขออภัยต่อหรงเหิงและหลงฉีอีกครั้ง หลังจากประกาศก้องว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างเข้มงวดแล้วจึงผลุนผลันจากไป
กระทั่งหนานกงซวี่และคนอื่นๆ จากไปแล้ว ฟ่านจิ่นจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ก็รู้สึกลำบากใจอยู่บ้าง กัดฟันพูดว่า “หนานกงซวี่เป็นคนตรงไปตรงมา เขาจะเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ท่านพ่อข้าฟังอย่างครบถ้วนแน่นอน เรื่องนี้จะต้องได้รับการจัดการอย่างเหมาะสมแน่”
ฟ่านจิ่นรู้สึกว่าตัวเองโชคร้ายจริงๆ ทำไมสำนักศึกษาถึงได้มีศิษย์ที่โง่เหมือนหมูเช่นนี้ ช่างเป็นตัวถ่วงของสำนักศึกษาเฟิงหัวจริงๆ
หลงฉีไม่ได้พูดอะไรอีก แต่กลับหันไปมองจวินอู๋เสีย
“คุณหนูใหญ่มีแผนการอะไรอีกหรือไม่ขอรับ”
จวินอู๋เสียพยักหน้าน้อยๆ “อีกไม่นาน พวกเจ้าค่อยพาคนไปที่สำนักศึกษาเฟิงหัว”
“ขอรับ!” หลงฉีหยุดชะงักแล้วพูดต่อว่า “คุณหนูใหญ่เคยคิดที่จะเปลี่ยนสำนักศึกษาหรือไม่ขอรับ สำนักศึกษาเฟิงหัวไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดจริงๆ”
ฟ่านจิ่นที่อยู่ข้างๆ อายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี
“ไม่จำเป็น” จวินอู๋เสียพูดเบาๆ นางไม่ได้ไปที่สำนักศึกษาเฟิงหัวเพื่อศึกษาหาความรู้แต่อย่างใด
ครั้นแล้วเรื่องนี้จึงยุติลงชั่วคราว อาการบาดเจ็บของทหารกองทัพรุ่ยหลินไม่ร้ายแรง หลังจากรักษาเพียงเล็กน้อยก็สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ หญ้าวิญญาณวารีก็เก็บเกี่ยวได้แล้ว เพราะสมุนไพรนี้ยังไม่ผ่านการแปรรูป จึงไม่สามารถเก็บไว้ได้นานเกินไป อีกทั้งหลงฉีและคนอื่นๆ ไม่อาจเสียเวลาในป่าประลองวิญญาณได้ จึงต้องรีบออกไปให้เร็วที่สุด
หลังจากกล่าวคำร่ำลาจวินอู๋เสียด้วยความอาลัยอาวรณ์ หลงฉีก็พาทุกคนเร่งรุดเดินทางกลับไปยังรัฐชี ก่อนจากไป ได้สัญญากับจวินอู๋เสียว่าวันหน้ากองทัพรุ่ยหลินไปเยี่ยมเยี่ยนที่สำนักศึกษาเฟิงหัว แล้วค่อยพบกันใหม่อีกครั้ง
หลังจากมองส่งหลงฉีและคนอื่นๆ ไปจนสุดสายตา จวินอู๋เสียเหม่อมองอยู่นานกว่าจะละสายตา ตอนที่เห็นหลงฉีนางมักจะนึกถึงท่านอาเล็กจวินชิงเสมอ ซึ่งทำให้นางรู้สึกว่าตัวเองยังอยู่ที่จวนหลินอ๋อง ไม่ได้จากไปไหน
“ตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไรต่อหรือ” เฉียวฉู่วางมือทั้งสองข้างประสานกันที่ท้ายทอย
“อืม” จวินอู๋เสียปรับอารมณ์ให้สงบ เส้นทางของนางยังต้องเดินทางต่อไป เส้นทางสู่ความแข็งแกร่ง และเส้นทางสู่การกลับบ้าน
จวินอู๋เสียและคนอื่นๆ ย่างเท้าเข้าสู่หนทางแห่งการล่าสัตว์วิญญาณอีกครั้ง
เมื่อมีทุกคนอยู่ครบ ก็สามารถทำนายอนาคตได้ว่าสัตว์วิญญาณในป่าประลองวิญญาณจะเคราะห์ร้ายเพียงใด
เหลือเวลาอีกไม่นานก็จะสิ้นสุดงานล่าวิญญาณ พวกเขาช่วยกันเสาะหาสัตว์วิญญาณที่สามารถล่าได้ต่อไป
ตอนสายัณห์ยามตะวันรอน ชายหนุ่มหลายคนซึ่งบรรทุกสิ่งของมาเต็ม ต่างก็นั่งล้อมวงพักผ่อนอยู่ข้างทะเลสาบจันทราวารีกระจ่าง
จวินอู๋เสียกินเนื้อตากแห้งอย่างไม่รีบร้อน มองดูพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
จู่ๆ นางรู้สึกว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้อง นางรีบหันไปมองตามความรู้สึกนั้น และทันใดนั้นก็เห็นร่างเล็กๆ ก็หายวับเข้าไปในหมู่ต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกล
เงาร่างนั้นหายวับรวดเร็วเกินไป กอปรกับแสงสลัวยามตะวันชิงพลบ จึงทำให้มองไม่เห็นไม่ชัดเจน
“มีอะไรหรือ” เฉียวฉู่หันมาถาม
จวินอู๋เสียหรี่ตา ทว่าไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายของอันตรายใดๆ “มีบางอย่างอยู่”
เงาร่างนั้นเล็กมากและดูไม่เหมือนรูปร่างของมนุษย์
“สัตว์วิญญาณกระมัง ทะเลสาบจันทราวารีกระจ่างแห่งนี้เป็นแหล่งน้ำดื่มของสัตว์วิญญาณที่อยู่ละแวกนี้ พวกเราอยู่ที่นี่ คาดว่าสัตว์วิญญาณจำนวนมากกำลังขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธอยู่” เฉียวฉู่หัวเราะอย่างชั่วร้าย
“คืนนี้เจ้าก็นอนอยู่ที่ริมทะเลสาบเถอะ พรุ่งนี้เช้าตื่นขึ้นมา พี่ฮวาจะได้เก็บกระดูกของเจ้ามาสร้างอาวุธกระดูก เจ้าน่ะหัวแข็ง อาวุธกระดูกที่สร้างขึ้นจะต้องใช้ได้ดีแน่นอน” เฟยเยียนมองเฉียวฉู่อย่างมุ่งร้าย
เฉียวฉู่ส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอ และหย่อนก้นลงไปกระแซะฮวาเหยา
“กระดูกของข้ายังไม่โตนัก รออีกร้อยปีข้าถึงจะมอบกระดูกให้พี่ฮวา”