ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 53 สะกดรอย (2)ตอนที่ 54 วิธีบ่มเพาะพลังที่แปลกประหลาด (1)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 53 สะกดรอย (2)ตอนที่ 54 วิธีบ่มเพาะพลังที่แปลกประหลาด (1)
ตอนที่ 55 วิธีบ่มเพาะพลังที่แปลกประหลาด (2)
จวินอู๋เสียเปิดอ่านวิธีการบ่มเพาะพลังจากตำราในมืออย่างละเอียด นอกจากการปลูกดอกบัวแล้ว ยังมีอีกหลายอย่างที่สามารถปลูกได้และสิ่งเหล่านั้นก็สามารถผลิตพลังวิญญาณออกมาได้เช่นกัน แต่ว่าพืชแปลกๆ เหล่านี้ ไม่มีชนิดไหนเลยที่นางเคยพบเห็น
“นอกจากเมล็ดบัวของเจ้าแล้ว สิ่งอื่นข้าจะหามาจากที่ใด” จวินอู๋เสียเอ่ยถาม
ดอกบัวขาวน้อยขมวดคิ้วมุ่น เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “สิ่งมากมายในนี้ข้าเองก็ไม่รู้ว่าต้องหามาจากที่ใด แต่ว่ามีสิ่งหนึ่งที่ข้ารู้จัก และข้าก็รู้ด้วยว่าต้องไปหามันจากที่ไหน เพียงแต่…ตอนนี้เจ้านายท่านยังไปเอามันมาไม่ได้”
“หมายความว่าอย่างไร” จวินอู๋เสียเลิกคิ้ว
ดอกบัวขาวน้อยก้มศีรษะลง จับชุดเอี๊ยมตัวเล็กของตัวเองด้วยมืออวบอ้วนทั้งสองข้างแล้วกล่าวว่า “สิ่งเหล่านั้นอยู่บนตัวของเจ้าพวกนั้น แต่ตอนนี้พวกเขายังมาไม่ได้ ฉะนั้นเลยยังเอามาไม่ได้”
จวินอู๋เสียได้ยินประโยคที่เข้าใจยากออกมาจากปากของดอกบัวขาวน้อยอีกครั้ง
ตอนที่เจ้าดอกบัวขาวปรากฏตัวออกมาครั้งแรก เขาเคยพูดทำนองว่าเม็ดบัวของเขาถูกคนกลุ่มหนึ่งกินไปแล้ว และเมื่อเขาพูดถึงคนเหล่านั้นอีกครั้ง จวินอู๋เสียจึงอยากรู้จริงๆ
“พวกเขาเป็นใคร”
“ภูติวิญญาณ” ดอกบัวขาวน้อยพึมพำ
“ต้องรอให้พวกเขาพบเจ้านายก่อนหรือถึงจะเอาคืนมาได้” จวินอู๋เสียเอ่ยถาม
ดอกบัวขาวน้อยพยักหน้าหงึกหงัก แต่แล้วก็ส่ายหน้า เขาขมวดคิ้วอย่างลังเล คิดหนักว่าจะอธิบายเรื่องนี้กับจวินอู๋เสียอย่างไรดี
“พวกเขาพบเจ้านายของพวกเขาแล้ว แต่ตอนนี้ยังออกมาไม่ได้”
จวินอู๋เสียยิ่งงงหนักขึ้นไปอีก
“คือว่า อันที่จริง…เพียงแค่เจ้านายท่านฝึกพลังดีๆ ย่อมสามารถหาสิ่งอื่นมาทดแทนได้อย่างแน่นอน ตอนนี้ท่าน…ปลูกเมล็ดบัวของข้าก่อนดีหรือไม่” ดอกบัวขาวน้อยลอบมองจวินอู๋เสียด้วยสีหน้าเป็นกังวล เขาวิ่งขึ้นไปหยุดตรงหน้าจวินอู๋เสีย ยืนห่างจากนางไม่เกินสองก้าว แล้วเงยหน้าขึ้นมองนางด้วยสีหน้าเหมือนกับจะร้องไห้ออกมา
“เจ้านาย ท่านอย่ารีบหาต้นไม้อื่นเลยนะ ข้าจะช่วยท่านอย่างแน่นอน ท่านปลูกข้าก่อนได้หรือไม่”
“…” จวินอู๋เสียมีลางสังหรณ์ว่าหากนางส่ายหัว ดอกบัวขาวน้อยตรงหน้าจะต้องแผดเสียงร้องไห้ออกมาอย่างแน่นอน
“ได้!”
ดอกบัวขาวน้อยหัวเราะอย่างมีความสุขยิ่ง กลิ่นหอมของดอกบัวลอยตลบอบอวลไปทั่วห้อง
จวินอู๋เสียหยิบหนึ่งในตำราโบราณที่กล่าวถึงวิธีการปลูกพืชในน้ำโดยเฉพาะออกมา
ก่อนหน้านี้นางยังคิดอยู่ว่าตำราเหล่านี้เป็นเพียงตำราเพาะปลูกพืชธรรมดา แต่หลังจากได้ฟังดอกบัวขาวน้อยเอ่ยแล้ว ประกอบกับลองศึกษาอย่างละเอียดอีกครั้ง นางถึงได้ตระหนักว่าในตำราที่บันทึกเกี่ยวกับวิธีการปลูกพืชในน้ำ ‘น้ำ’ ที่ถูกกล่าวถึงด้านในไม่ใช่น้ำธรรมดาน้ำที่มีมาตรฐานต่ำสุดอย่างเช่นน้ำในทะเลสาบหรือน้ำในคลองทั่วไป แต่มันต้องใช้ ’วารีไร้ราก’ ซึ่งเป็นน้ำที่ร่วงหล่นจากสรวงสวรรค์แต่ไม่ตกต้องถึงพื้นพสุธา!
ในตำราเล่มนี้ยังอธิบายถึงวิธีการเพาะปลูกพืชน้ำไว้หลากหลายชนิด หนึ่งในนั้นคือวิธีการเพาะเลี้ยงบัวหิมะซังอวี้
หลังจากเห็นกระบวนการทั้งหมดและสิ่งที่ต้องใช้แล้ว สีหน้าของจวินอู๋เสียก็ดำทะมึน
‘น้ำ’ ที่ต้องใช้สำหรับเพาะปลูกดอกบัวขาวไม่สามารถเรียกว่า ‘น้ำ’ ได้อีกต่อไป มันมีการระบุไว้อย่างชัดเจนว่าน้ำที่ควรใช้คือ ‘น้ำพุสวรรค์เทียนเฉวียน’
น้ำพุสวรรค์เทียนเฉวียนคืออะไร จวินอู๋เสียยังไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยในชีวิตนี้!
เดิมทีนางยังคิดอย่างได้ใจว่าวิธีการบ่มพลังวิญญาณของนางนั้นช่างง่ายดายเสียเหลือเกิน สะดวกกว่าวิธีของคนอื่นๆ มากนัก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าแม้กระบวนการฝึกฝนจะง่าย ทว่าเงื่อนไขในการเตรียมการแต่ละอย่างกว่าจะได้มา เรียกได้ว่ายิ่งกว่าทำให้กระอักเลือดเสียอีก!
ผู้ใดสามารถบอกนางได้ว่าน้ำพุสวรรค์เทียนเฉวียนมันคือสิ่งใดกัน!
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าน้ำพุสวรรค์เทียนเฉวียนคืออะไร” จวินอู๋เสียขมวดคิ้ว มองไปที่ดอกบัวขาวน้อยอย่างหาคำตอบ
ดอกบัวขาวน้อยส่ายหัวไปมา เขาเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน
…………….
ตอนที่ 56 งานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพ (1)
มุมปากของจวินอู๋เสียกระตุกเล็กน้อย จากที่ตำราได้บอกไว้ว่าดอกบัวขาวไม่สามารถปลูกด้วยน้ำธรรมดาได้ หากปลูกด้วยน้ำธรรมดา เมล็ดบัวจะเหี่ยวเฉาและตายลงทันทีที่มันสัมผัสกับผิวน้ำ
จริงอย่างที่คาดไว้ มิใช่ว่าน้ำอะไรก็สามารถเพาะเลี้ยงดอกบัวขาวได้!
นอกจากน้ำจากน้ำพุสวรรค์เทียนเฉวียนแล้ว จวินอู๋เสียยังสังเกตเห็นว่ามี ‘ของเหลว’ อีกชนิดหนึ่งที่สามารถหล่อเลี้ยงดอกบัวขาวได้เหมือนกัน และสิ่งนี้มีชื่อเรียกว่า ‘ยอดสุราธาราหยก’
สำหรับในโลกนี้ สี่คำนี้มีความหมายถึงสุราล้ำค่าชนิดหนึ่ง สุราชนิดนี้แม้แต่จวินเสี่ยนก็ยังมีโอกาสได้ลิ้มรสเพียงถ้วยเล็กๆ ในงานฉลองที่จัดขึ้นโดยองค์ปฐมฮ่องเต้หลังจากสถาปนารัฐชีขึ้นมาเท่านั้น นับแต่นั้นมาเขาก็ไม่เคยเห็นมันปรากฏขึ้นมาอีกเลย มีเพียงคำร่ำลือเกี่ยวกับสุราชนิดนี้ในหมู่คนทั่วไป
“ถึงขนาดต้องใช้สุราล้ำค่าเช่นนี้ในการปลูกพืชเชียวหรือ” จวินอู๋เสียนวดที่หว่างคิ้วของนาง แม้สุรานี้จะล้ำค่าและหาได้ยาก แต่อย่างน้อยนางก็รู้ว่ามันคืออะไร ไม่เหมือนกับน้ำพุสวรรค์เทียนเฉวียนที่แม้แต่ได้ยินก็ยังไม่เคยได้ยิน
ยอดสุราธาราหยก เป็นสุราที่ใช้ในงานเลี้ยงฉลองยามก่อตั้งรัฐ นั่นหมายความว่าวังหลวงในปัจจุบันอาจยังมีมันเหลืออยู่!
จวินอู๋เสียพลันจดจำคำพูดที่จวินเสี่ยนเคยพูดขึ้นมาได้ ว่าอีกไม่นานจะถึงวันคล้ายวันพระราชสมภพขององค์รัชทายาทแล้ว และก็นางได้รับเชิญให้เข้าวังเพื่ออวยพรให้องค์รัชทายาทพอดี นี่ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการตรวจสอบดูว่ายอดสุราธาราหยกยังมีเก็บอยู่ในวังหลวงหรือไม่
แม้ว่านางจะได้วิธีการบ่มเพาะพลังที่น่าอัศจรรย์ใจนี้มาแล้ว แต่เงื่อนไขที่ลำบากก็ทำให้จวินอู๋เสียต้องพับเก็บแผนการ เลื่อนเวลาการฝึกฝนออกไปก่อน
ในขณะที่จวินอู๋เสียกำลังทุกข์ใจกับ ‘น้ำ’ ที่ต้องใช้ในการเพาะเลี้ยงดอกบัวขาว มั่วเซวี่ยนเฝ่ยและไป๋อวิ๋นเซียนที่พ่ายแพ้กลับมาจากเมืองผีก็อยู่ในอารมณ์หดหู่อย่างถึงที่สุด
ด้วยความลึกลับของเมืองผีนั่น ทำให้มั่วเซวี่ยนเฝ่ยไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามลงไป ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่สามารถจัดการกับไอ้เด็กเหลือขอที่กล้าหักหน้าและยั่วยุเขาต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก ณ ที่ตรงนั้นเลยได้ แต่เขาได้จดจำใบหน้าของมันไว้แล้ว หลังจากกลับถึงตำหนักและปลอบใจไป๋อวิ๋นเซียนเสร็จ มั่วเซวี่ยนเฝ่ยก็รีบระดมตัวจิตรกรในราชสำนักมาวาดภาพเหมือนของไอ้หนูหน้าละอ่อนนั่นทันที
จริงอยู่ที่ว่าในเมืองผีเขาทำอะไรมันไม่ได้ แต่เมื่อมันออกมาจากที่นั่นแล้วอย่าหวังว่าเขาจะปล่อยมันไป!
ดูสิว่าข้าจะทรมานเจ้าอย่างไร!
ในคืนนั้นมั่วเซวี่ยนเฝ่ยมีคำสั่งให้ลูกน้องของตัวเองออกค้นหาเจ้าเด็กที่พบในเมืองผีไปทั่วทั้งเมืองหลวง
ที่น่าแปลกคือหลังจากคืนนั้น เมืองหลวงก็ไม่มีเงาของบุคคลในภาพปรากฏตัวอีกเลย
แม้ว่าลูกน้องของมั่วเซวี่ยนเฝ่ยจะนั่งเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าเมืองผี แต่พวกเขาก็ไม่ได้รับเบาะแสใดๆ เลย เด็กหนุ่มในคืนนั้นหายไปจากเมืองหลวงอย่างไร้ร่องรอย
……
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และวันคล้ายวันพระราชสมภพขององค์รัชทายาทรัฐชีก็ใกล้เข้ามาแล้ว
ในคืนก่อนวันคล้ายวันพระราชสมภพขององค์รัชทายาท จวินเสี่ยนเรียกตัวจวินอู๋เสียและจวินชิงให้มาพบที่ห้องหนังสือ
งานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพขององค์รัชทายาทในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่จวินเสี่ยนและจวินอู๋เสียเท่านั้นที่ได้รับคำเชิญ แต่จวินชิงที่อาการร่อแร่ใกล้ตายก็ยังได้รับคำเชิญด้วย!
“คืนพรุ่งนี้เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพขององค์รัชทายาท พวกเจ้าทั้งสองคนต้องไปกับข้าด้วย เนื่องจากหลงฉีไม่ได้รับอนุญาตให้เข้างาน ดังนั้นอู๋เสียปู่คงต้องรบกวนเจ้าให้ดูแลท่านอาเล็กของเจ้าด้วย” จวินเสี่ยนมองไปที่จวินอู๋เสีย การเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นของหลานสาวทำให้เขาสบายใจเป็นอย่างมาก มีสาวน้อยคนนี้อยู่ เขาก็ไม่กลัวปัญหาใดๆ อีกต่อไป
“เจ้าค่ะท่านปู่” จวินอู๋เสียผงกศีรษะ
“ยังมีอีกเรื่อง คือตอนนี้ผู้คนนอกจวนยังไม่รู้ว่าอาการของท่านอาเล็กเจ้าเป็นเยี่ยงไร ก่อนที่ท่านอาเล็กของเจ้าจะหายดี ข้าไม่อยากเสี่ยงเปิดเผยเรื่องนี้ให้ใครรู้ ดังนั้น…อู๋เสีย ปู่ฝากเจ้าไปถามท่านอาจารย์ของเจ้าได้หรือไม่ว่ามีวิธีใดบ้างที่จะทำให้ท่านอาเล็กของเจ้าดูป่วยหนักจนไม่สามารถรักษาได้อีก” จวินเสี่ยนกังวลเล็กน้อยในตอนแรก เนื่องจากจวินชิงไม่ได้อยู่ในรายชื่อแขกรับเชิญ จนกระทั่งเมื่อห้าวันก่อนชื่อของจวินชิงก็ถูกเพิ่มเข้ามาอย่างกะทันหัน
…………….