ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 535 รวมกลุ่มรนหาที่ (3) ตอนที่ 536 รวมกลุ่มรนหาที่ (4)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 535 รวมกลุ่มรนหาที่ (3) ตอนที่ 536 รวมกลุ่มรนหาที่ (4)
ตอนที่ 535 รวมกลุ่มรนหาที่ (3) / ตอนที่ 536 รวมกลุ่มรนหาที่ (4)
ตอนที่ 535 รวมกลุ่มรนหาที่ (3)
“น้องเสีย เจ้าจำอิ่นเหยียนไม่ได้หรือ เจ้ากับเขาพักอยู่ห้องเดียวกันอย่างไรเล่า” หนิงซินกล่าวด้วยรอยยิ้ม แล้วสังเกตปฏิกิริยาของจวินอู๋เสียอย่างระมัดระวัง
“จำไม่ได้” จวินอู๋เสียกล่าวโดยไม่เงยหน้าขึ้นมอง
อิ่นเหยียนรู้สึกแสบร้อนไปทั้งหน้า เมื่อครู่หนิงซินเพิ่งบอกฟ่านจัวว่าเขาสนิทกับจวินอู๋เสีย แต่ยังไม่ทันไร จวินอู๋เสียกลับพูดว่านางไม่รู้จักเขา ความอายในครั้งนี้ได้ทำลายความกล้าที่อิ่นเหยียนพยายามสร้างขึ้นมาในทันที
ณ เวลานี้ อิ่นเหยียนและหนิงซินแทบอยากมุดดินหนีเข้าไปจริงๆ พวกเขาคิดว่าจวินอู๋เสียไม่ชอบเพราะอิ่นเหยียน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น
ตลอดทางที่มาอิ่นเหยียนพยายามโน้มน้าวตัวเองว่าต้องยอมก้มศีรษะให้จวินอู๋เสียแค่ชั่วคราวเท่านั้น
แต่สุดท้าย เขาคิดไม่ถึงเลยว่าแท้จริงแล้วเขาไม่เคยอยู่ในสายตาของจวินอู๋เสียมาก่อนเลย
ลานป่าไผ่เงียบลงในทันที อิ่นเหยียนมีสีหน้าซีดเผือดและไม่พูดจา รอยยิ้มบนใบหน้าของหนิงซินก็หยุดชะงักไปเช่นกัน
ฟ่านจัวที่อยู่ข้างๆ ก็ทำเหมือนมองไม่เห็นสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของทั้งสองยังคงกล่าวถามด้วยความสงสัยว่า “จำไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ ซินเอ๋อร์บอกว่าเจ้าสนิทกับอิ่นเหยียน ครั้งนี้ที่เขามาก็เพราะว่าคิดถึงเจ้าเลยอยากมาหาเจ้า น้องเสียเจ้าลองคิดดูดีๆ ว่าลืมอะไรไปหรือไม่”
ฟ่านจัวกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
แต่หนิงซินและอิ่นเหยียนกลับต้องการให้เขาหยุดพูดมากกว่า!
หากฟ่านจัวไม่พูด จวินอู๋เสียก็จะไม่รู้ แต่ถ้าฟ่านจัวพูดออกมา จวินอู๋เสียก็ต้องรู้ พวกเขาทั้งสองคนพยายามตีสนิทกับนาง แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จแล้วยังต้องมาเจอเรื่องน่าอับอายแบบนี้อีก
ทันใดนั้นเอง รอยยิ้มบนใบหน้าของหนิงซินก็ค่อยๆ หายไป นางพบว่าจวินอู๋เสียกำลังมองนางด้วยสายตาที่ทำให้นางรู้สึกกังวล ภายใต้สายตาคู่นั้น นางรู้สึกว่าจวินเสียสามารถมองเห็นตัวตนที่แท้จริงของนาง จนทำให้นางรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก
นางรู้สึกเหมือนนั่งอยู่บนพรมเข็ม คำพูดมากมายที่หนิงซินเตรียมไว้ได้ถูกโยนทิ้งไปในทันที คำว่า “จำไม่ได้” สั้นๆ ของจวินอู๋เสียทำให้แผนการทั้งหมดของนางยุ่งเหยิงไปหมด
ไม่รู้ว่าจะต้องพูดอย่างไรต่อ
แต่ฟ่านจัวก็ยังพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีกซึ่งทำให้หนิงซินรู้สึกอับอายมากยิ่งขึ้น
ครั้งนี้ หนิงซินไม่สามารถทนนั่งต่อได้อีก นางลุกขึ้นกล่าวคำลาด้วยใบหน้าซีดขาวแล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ครั้งนี้ไม่มีแม้แต่คำว่าพบกันใหม่
อิ่นเหยียนรีบวิ่งตามออกไปอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าซีดขาวราวกับว่าด้านหลังมีสัตว์ร้ายไล่ตามอยู่
หลังจากที่ทั้งสองคนจากไป ฟ่านจัวก็หัวเราะออกมาทันที
“ดูเหมือนว่าครั้งนี้หนิงซินจะรีบร้อนจริงๆ นางเหมือนควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ เดิมทีข้าคิดว่านางจะดันทุรังอีกสักพัก แต่ดูจากวันนี้แล้วไม่น่าเป็นไปได้” ฟ่านจัวเขย่าแก้วชาในมือด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก เขารู้จักนิสัยที่แท้จริงของหนิงซินเป็นอย่างดี แม้ว่าภายนอกนางจะดูอ่อนโยน แต่นางเป็นสตรีที่มีความทะนงตนสูงมาก หลงตัวเองมาก การที่จวินอู๋เสียทำให้นางอับอายซ้ำแล้วซ้ำเล่ามันทำให้หนิงซินแทบคลั่งจริงๆ
จวินอู๋เสียเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย นางไม่รู้สึกว่านางพูดอะไรที่รุนแรงออกไป
“ในเมื่อพวกเขารนหาที่เอง ข้าก็ต้องทำให้พวกเขาสมปรารถนามิใช่หรือ”
นางยังไม่ทันลงมือ หนิงซินก็รอไม่ไหวต้องรนหาที่เองแล้วจะให้นางปฏิเสธได้อย่างไร
ฟ่านจัวหัวเราะเบาๆ เท้าคางแล้วเอียงศีรษะมองไปที่จวินอู๋เสีย
“ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นในป่าประลองวิญญาณจนทำให้คนที่หยิ่งยโสอย่างสองพ่อลูกนั้นมาตีสนิทเจ้า ข้าคิดว่าในใจของนางน่าจะเกลียดเจ้าเข้าไส้แล้วแต่กลับระงับความโกรธไว้แล้วยิ้มให้เจ้า หากไม่มีจุดอ่อนอะไรอยู่ในมือเจ้าก็ต้องมีอะไรบางอย่างที่ต้องการจากเจ้าอย่างแน่นอน”
ตอนที่ 536 รวมกลุ่มรนหาที่ (4)
จวินอู๋เสียมองไปที่ฟ่านจัวและต้องยอมรับว่าสมองของฟ่านจัวใช้งานได้ดีกว่าเจ้าทึ่มอย่างฟ่านจิ่นมาก ไม่จำเป็นต้องบอกอะไรเขาเขาก็สามารถเข้าใจได้เอง
“แต่นางก็ไม่ใช่คนโง่ เจ้าไม่ไว้หน้านางแบบนี้ติดต่อกันสองครั้ง นางก็น่าจะเข้าใจแล้วว่านางไม่สามารถได้ในสิ่งที่นางต้องการจากเจ้าอย่างแน่นอน” ฟ่านจัวพูดต่อไปเรื่อยๆ เพราะเขาเคยชินกับความเงียบของจวินอู๋เสียแล้ว และเขาก็ไม่รู้สึกว่ามันน่าเบื่อเลย
“แม้ว่านางจะฉลาดเพียงเล็กน้อย แต่อย่าลืมว่านางยังมีบิดาที่เจ้าเล่ห์อยู่อีกคน หากไม่ได้สิ่งที่ต้องการ พวกเขาก็จะหาวิธีกำจัดอย่างแน่นอน เจ้าต้องระวังตัวเองให้ดี
“ข้ารู้” จวินอู๋เสียพยักหน้าเล็กน้อย นางไม่กลัวหนิงรุ่ยลงมือ แต่กลัวว่าเขาจะระมัดระวังมากเกินไป ถ้าเป็นอย่างนั้นมันก็จะไม่สนุก
“ช่วงนี้ร่างกายของข้าก็ดีขึ้นมากแล้ว น้องเสียอยู่สำนักศึกษาก็ไม่มีอะไรทำ ออกไปเป็นเพื่อนข้าดีหรือไม่” ฟ่านจัววางเรื่องนี้ก่อน
“ที่ไหน”
“โรงประมูล”
จวินอู๋เสียเลิกคิ้วเล็กน้อย นางตั้งใจจะไปโรงประมูลอยู่แล้ว ตอนที่อยู่ป่าประลองวิญญาณ ในมือของนาง เฉียวฉู่และคนอื่นๆ มีหินวิญญาณอยู่มากมาย พวกเขาตั้งใจหาเวลานำไปขายที่โรงประมูลนานแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ไป คำชวนของฟ่านจัวจึงทำให้นางคิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้
“ข้ามีของที่อยากจะซื้อ น้องเสียไปเป็นเพื่อนข้าได้หรือไม่ เจ้าก็รู้ว่าท่านพ่อกับพี่ใหญ่ไม่วางใจให้ข้าออกไปคนเดียวอย่างแน่นอน หากให้พวกเขาส่งคนมาดูแลก็กลัวว่าพวกเขาจะส่งคนมามากมาย ข้าไม่อยากถูกคนมากมายจับตามอง แต่ถ้าไปกับเจ้า ท่านพ่อกับพี่ใหญ่ก็จะวางใจมากขึ้น” ฟ่านจัวยิ้มอย่างอ่อนโยน ช่วงนี้ฟ่านฉีเห็นว่าร่างกายของเขาดีขึ้นก็เริ่มวางใจ ไม่อย่างนั้นเขาจะต้องส่งคนมาดูแลหลังจากที่อาจิ้งถูกไล่ออกไปอย่างแน่นอน
เพราะร่างกายของเขาดีขึ้น ฟ่านฉีจึงเชื่อใจวิชาแพทย์ของจวินอู๋เสียมากขึ้น แม้ว่าทั้งสองจะไม่เคยพบกัน แต่ฟ่านฉีก็ชื่นชมจวินอู๋เสียมาก
“เจ้าออกไป ข้าเกรงว่าแค่ข้าคนเดียวคงจะไม่เหมาะ” จวินอู๋เสียไม่ได้ตอบตกลงในทันที แม้ว่าสองพ่อลูกสกุลฟ่านจะเชื่อว่านางสามารถรักษาฟ่านจัวได้ แต่พวกเขาก็คงไม่ปล่อยให้นางพาฟ่านจัวออกไปคนเดียวอย่างแน่นอน
ฟ่านจิ่นยังดีเพราะเขาได้เห็นความแข็งแกร่งของจวินอู๋เสียในป่าประลองวิญญาณแล้ว เขาจึงสามารถเชื่อใจนางได้ แต่ฟ่านฉีอาจไม่ยอมง่ายๆ
ในขณะที่ฟ่านจัวคิดว่าจวินอู๋เสียจะปฏิเสธ จวินอู๋เสียก็กล่าวขึ้นมาว่า “ข้ามีสหายอีกสองสามคน ถ้าชวนพวกเขาไปด้วยน่าจะดีกว่า”
รอยยิ้มบนใบหน้าของฟ่านจัวยิ่งกว้างขึ้นไปอีก
“น้องเสียมีสหายจริงหรือ หากพวกเขาตกลงก็ย่อมดีที่สุด”
ฟ่านจัวสงสัยเล็กน้อยว่าสหายที่จวินอู๋เสียเอ่ยถึงนั้นเป็นคนอย่างไร เพราะจากการที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน เขามองออกว่าจวินอู๋เสียมีนิสัยที่เย็นชามาก และไม่ค่อยสนิทกับผู้ใด ในสำนักศึกษาเฟิงหัวก็มีเพียงพวกเขาสองพี่น้องเท่านั้นที่นางพูดคุยด้วย ถ้าเป็นคนอื่นก็คงไม่ต่างจากหนิงซินและอิ่นเหยียน
“ตกลงแน่นอน” จวินอู๋เสียกล่าว
ถ้านางจำไม่ผิด เฉียวฉู่รบเร้าอยากไปหาเงินที่โรงประมูลนานแล้ว และนี่ก็เป็นโอกาสที่ดีมาก
ในขณะที่ฟ่านจัวและจวินอู๋เสียกำลังพูดคุยกันเรื่องไปโรงประมูล อีกด้านหนึ่ง หนิงซินที่เดินออกมาจากลานป่าไผ่ก็มีสีหน้าที่เย็นชามาก อิ่นเหยียนที่เดินตามนางรู้สึกหวาดกลัวจนไม่กล้าพูดอะไรเมื่อเห็นสีหน้าของนาง
เมื่อเดินไปถึงที่ที่ไม่มีคน หนิงซินก็ไม่สามารถระงับความโกรธในใจนางได้อีกต่อไป
“ไอ้สารเลวนั่น! หากมิใช่เพราะเขามีผู้มีพลังวิญญาณระดับสีม่วงเหล่านั้นอยู่เบื้องหลัง เขาคิดว่าเขาเก่งมากจากไหนหรือ”