ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 565 ตอนที่ 566 การประมูลของเหล่าผู้มั่งคั่งทั้งหลาย (5)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 565 ตอนที่ 566 การประมูลของเหล่าผู้มั่งคั่งทั้งหลาย (5)
ตอนที่ 565 การประมูลของเหล่าผู้มั่งคั่งทั้งหลาย (4) / ตอนที่ 566 การประมูลของเหล่าผู้มั่งคั่งทั้งหลาย (5)
ตอนที่ 565 การประมูลของเหล่าผู้มั่งคั่งทั้งหลาย (4)
เหอฉางเล่อหันไปตบบ่าบุรุษผู้นั้นเบาๆ ให้กำลังใจเขาแล้วพูดว่า “การประมูลครั้งนี้จะนำชื่อเสียงมาให้โรงประมูลชานหลินอย่างแน่นอน ถ้าเราสามารถพาให้โรงประมูลชานหลินปีนสูงขึ้นไปได้อีกขั้นด้วยโอสถวิเศษพวกนี้ มันจะเป็นการดีที่สุดสำหรับพวกเรา เจ้าต้องจำไว้ให้ดีว่าจะต้องทำให้การประมูลวันนี้โดดเด่นให้ได้มากที่สุด การชุมนุมใหญ่ในครั้งนี้ล้วนเป็นเพราะโอสถวิเศษพวกนั้น ถ้าเราสามารถทำให้พวกเขาพอใจกับผลลัพธ์ในวันนี้ได้ เมื่อแขกผู้มีเกียรติท่านนั้นกลับมาหาเราอีกครั้ง ข้าจะลองปรึกษารายละเอียดกับเขาดูว่าเขาพอจะสามารถจัดหาโอสถวิเศษให้เราเป็นการถาวรได้หรือไม่ ถ้าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี โรงประมูลชานหลินของเราก็จะไม่จำกัดอยู่แต่ในตำบลชานหลินเล็กๆ นี้อีก!”
“ขอรับ! คืนนี้ข้าจะทำให้ดีที่สุดอย่างแน่นอน!” บุรุษผู้นั้นพูดอย่างมั่นใจ เขาจัดอาภรณ์ของตัวเองอีกครั้งเป็นการตรวจสอบครั้งสุดท้าย
“ไปเถอะ! อนาคตของโรงประมูลเราจะถูกตัดสินในคืนนี้!” เหอฉางเล่อมองไปที่ฝูงชนที่แออัดยัดเยียดกันอยู่ที่ชั้นล่างอย่างคาดหวัง แม้ว่าโรงประมูลชานหลินจะมีชื่อเสียงในรัฐนี้เป็นอย่างมาก แต่พวกเขาก็ถูกจำกัดให้อยู่แต่ที่นี่อย่างช่วยไม่ได้ ถ้าครั้งนี้ชื่อเสียงของพวกเขาแพร่ออกไปละก็…
ยิ่งคิด เหอฉางเล่อก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้น
เมื่อผู้รับผิดชอบการประมูลก้าวขึ้นเวที เสียงโห่ร้องก็ดังขึ้นจากฝูงชน เสียงนั้นดังมากจนโรงประมูลแทบแตก!
ผู้รับผิดชอบการประมูลที่ยืนอยู่บนเวทีกลืนน้ำลายดังอึก เขาเป็นผู้รับผิดชอบการประมูลของโรงประมูลชานหลินและเขารู้สึกภาคภูมิใจกับความสามารถในการปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์อย่างรวดเร็วของตัวเองเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นฝูงชนที่ส่งเสียงอึกทึกอยู่ตรงหน้าในเวลานี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแขนขาอ่อนแรงเล็กน้อย
จวินอู๋เสียนั่งอยู่ในห้องส่วนตัวที่ชั้นสอง มองดูภาพเหตุการณ์ด้านล่างด้วยสายตานิ่งสงบ
“ก่อนอื่น ขอต้อนรับทุกท่านสู่โรงประมูลชานหลินวันนี้ ข้าเชื่อว่าแขกผู้มีเกียรติของเราคงได้ยินข่าวแล้วว่าโรงประมูลชานหลินของเราในวันนี้นั้น มีโอสถวิเศษล้ำค่าที่หาได้ยากยิ่งอยู่ในมือ! โอสถวิเศษพวกนั้นถูกมอบให้เรานำออกประมูลเป็นจำนวนมาก และฤทธิ์ของมันก็ยิ่งกว่าเป็นที่น่าพอใจ! เอาล่ะขอรับ พวกเราอย่าได้มัวแต่เสวนากันเลย ทุกท่านคงจะสนใจกันแย่แล้วว่าโอสถพวกนี้มีฤทธิ์และสรรพคุณอย่างไรบ้าง! เช่นนั้นข้าจะไม่ขอเสียเวลาอีก โรงประมูลชานหลินของเราขอเสนอโอสถวิเศษเม็ดแรกที่จะนำออกประมูล เอาขึ้นมาเลย!” ผู้รับผิดชอบการประมูลประกาศเสียงทุ้ม เหล่าผู้คนที่เอะอะกันอยู่เบื้องล่างพลันก็เงียบเสียงลง
ทุกคนมองขึ้นไปบนเวทีด้านหน้า และจับจ้องไปที่สิ่งของที่ถูกนำขึ้นมาตาไม่กะพริบ
หญิงสาวรูปร่างสะโอดสะองใบหน้าพริ้มเพราทรงเสน่ห์นางหนึ่ง เดินส่ายสะโพกถือถาดสีน้ำตาลขึ้นมาบนเวที
ในขณะเดียวกัน ผู้คนด้านล่างไม่ได้สนใจแม้แต่น้อยว่าสาวงามนางนั้นจะยั่วยวนมากแค่ไหน สายตาของพวกเขาจดจ่ออยู่แต่กับกล่องหรือไม่ก็ของชิ้นเล็กๆ ที่วางอยู่บนถาด!
“นี่คือโอสถกระตุ้นพลังวิญญาณ! เมื่อกินมันเข้าไป มันจะทำให้พลังวิญญาณของผู้ที่กินมันเพิ่มขึ้นชั่วคราว ทำให้สามารถทะลวงระดับพลังวิญญาณขึ้นสู่ขั้นต่อไปได้! โอสถวิเศษหนึ่งเม็ดนี้ จะออกฤทธิ์นานหนึ่งวัน และภายในหนึ่งวันนั้น ผู้ที่กินมันจะมีพลังเพิ่มขึ้นมหาศาลชนิดที่ไม่เคยมีมาก่อน มันจะนำพาให้ท่านสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่ไม่เคยเอาชนะมาก่อนได้! ถึงแม้ฤทธิ์ของมันจะอยู่นานแค่หนึ่งวัน แต่มันก็ประเมินค่าไม่ได้หากถูกใช้ในเวลาที่คับขันที่สุดเพื่อรักษาชีวิตของท่านเอาไว้!” ผู้รับผิดชอบการประมูลอธิบายอย่างกระตือรือร้นว่าควรใช้โอสถวิเศษนี้อย่างไรถึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
เมื่อการนำเสนอสินค้าจบลง มันก็ทำให้ฝูงชนด้านล่างแทบบ้าคลั่ง!
ยิ่งระดับพลังวิญญาณของพวกเขาสูงมากเท่าไร ความเร็วในการเลื่อนระดับพลังวิญญาณของพวกเขาก็จะยิ่งช้าลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้คนมากมายติดอยู่ในขั้นเดิมมานานหลายปี และบางคนก็ติดอยู่ในขั้นนั้นนานเกินสิบปี การพัฒนาที่เชื่องช้าเหมือนกับหอยทาก ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยพากันถอดใจและสิ้นหวัง ดังนั้นโอกาสที่จะทำให้พวกเขาก้าวขึ้นไปสู่ขอบเขตพลังวิญญาณระดับใหม่ จึงเป็นสิ่งที่เย้ายวนใจอย่างมาก
ทว่าเหนือสิ่งอื่นใด สิ่งที่ดึงดูดใจได้มากที่สุดก็คือสิ่งที่ผู้รับผิดชอบการประมูลบอกแก่พวกเขา…โอสถวิเศษเม็ดนี้สามารถช่วยชีวิตพวกเขาได้!
ไม่ว่าจะเป็นในระหว่างการต่อสู้หรือการเดินทาง โอสถวิเศษที่สามารถทำให้ผู้ที่กินมันมีพลังวิญญาณเพิ่มขึ้นในพริบตา คือสมบัติล้ำค่าที่ไม่มีอะไรมาแทนที่ได้อย่างแท้จริง!
ตอนที่ 566 การประมูลของเหล่าผู้มั่งคั่งทั้งหลาย (5)
โอสถวิเศษชนิดนี้อาจไม่ได้ล่อตาล่อใจคนธรรมดาทั่วไปมากนัก
แต่เมื่อนำมันมาวางตรงหน้าศิษย์ของสำนักศึกษาเฟิงหัว…
มันกลับกลายเป็นอาวุธวิเศษที่ทำให้พวกเขาสามารถใช้โอ้อวดพลังของตัวเองได้!
ในหนึ่งวัน พวกเขาจะได้รับพลังที่ไม่เคยมีมาก่อน และโอสถวิเศษเม็ดนี้จะสามารถช่วยให้พวกเขาออกจากสถานการณ์ตึงเครียดในงานล่าวิญญาณในอนาคตได้ สวรรค์ย่อมรู้ดีว่ามันมีความหมายมากเพียงใดต่อเหล่าศิษย์ที่เพิ่งผ่านงานล่าวิญญาณที่โหดร้ายที่พวกเขาเพิ่งถูกสัตว์วิญญาณที่แข็งแกร่งเล่นงานเอา กี่ครั้งที่พวกเขาพบว่าตัวเองอ่อนแอและมีพลังไม่เพียงพอ จำต้องวิ่งหนีจากสัตว์วิญญาณพวกนั้นด้วยความหวาดกลัวและขี้ขลาด นอกเหนือจากนั้น มีศิษย์สำนักเดียวกันมากมายเท่าไรที่สังเวยชีวิตลงในป่าประลองวิญญาณเพราะพลังของตัวเองไม่เพียงพอ ข้อนี้พวกเขารู้ดีเป็นที่สุด
โอสถกระตุ้นพลังวิญญาณจะกลายมาเป็นเครื่องรางช่วยชีวิตพวกเขาในอนาคตได้อย่างไม่ต้องสงสัยเลย!
พลังวิญญาณที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน จะช่วยยกระดับความเร็ว ความคล่องแคล่ว และพละกำลังของพวกเขาให้เพิ่มขึ้นจนถึงขีดสุด เมื่อเผชิญหน้ากับอันตราย พวกเขาจะมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะต่อสู้กลับไปหรือไม่ก็หลบหนีเพื่อเอาชีวิตรอดได้
แทบจะเป็นเวลาเดียวกับที่ผู้รับผิดชอบการประมูลแนะนำสินค้าจบ บรรดาศิษย์ของสำนักศึกษาเฟิงหัวที่อยู่ด้านล่างก็ไม่สามารถยับยั้งตัวเองได้อีกต่อไปและเริ่มกระวนกระวายจนนั่งไม่ติด
พวกเขาพากันชะเง้อคอดูและเงี่ยหูรอฟังราคาเริ่มต้น กระตือรือร้นจะเสนอราคาเพื่อประมูลโอสถวิเศษที่มหัศจรรย์นี้
ถ้ามีโอสถกระตุ้นพลังวิญญาณอยู่ในมือ พวกเขาก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกสัตว์วิญญาณฆ่าตายในงานล่าวิญญาณในอนาคตอีก และจะสามารถได้รับพลังเพิ่มมากขึ้นเป็นพิเศษเหนือศิษย์ร่วมสำนักของพวกเขาในช่วงเวลาที่วิกฤตที่สุด! ถึงแม้มันจะอยู่ได้แค่วันเดียวก็ตาม พวกเขาก็จะสามารถล้มสัตว์วิญญาณที่แข็งแกร่งกว่าได้ โดยที่ปกติพวกเขาจะไม่แม้แต่จะกล้าเผชิญหน้ากับมันด้วยซ้ำ!
และพวกเขาจะยังได้รับหินวิญญาณที่คุณภาพดีขึ้น ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาได้คะแนนในงานล่าวิญญาณมากขึ้น ส่งผลให้พวกเขาได้รับส่วนแบ่งทรัพยากรของสำนักศึกษาเฟิงหัวได้มากยิ่งขึ้น ทำให้พวกเขาอยู่ในสำนักศึกษาได้ง่ายขึ้นอีกมาก!
“จำนวนของโอสถกระตุ้นพลังวิญญาณที่เรามีสำหรับการประมูลในครั้งนี้มีทั้งสิ้นห้าเม็ด ทุกเม็ดจะมีราคาตั้งต้นที่ห้าหมื่นตำลึง เอาล่ะทุกท่าน เรามาเริ่มประมูลโอสถวิเศษเม็ดแรกกันเลยดีกว่า” เมื่อเห็นความกระตือรือร้นของฝูงชนด้านล่าง ผู้รับผิดชอบการประมูลที่ยืนอยู่บนเวทีก็แอบโล่งใจ เขานึกถึงคำเตือนก่อนเริ่มการประมูลของเหอฉางเล่อแล้วก็รู้สึกมีแรงกระตุ้นขึ้นมา
“โว้ว เม็ดละห้าหมื่นตำลึง ถ้าเราขายได้ทั้งหมดก็หมายความว่าเราจะได้อย่างน้อยสองแสนห้าหมื่นตำลึงใช่หรือไม่” เฉียวฉู่พูดพร้อมกับเลียริมฝีปากที่แห้งผากของเขา
เฟยเยียนส่งสายตาดูถูกให้เฉียวฉู่แล้วพูดว่า “สองแสนห้าหมื่นตำลึงอย่างนั้นรึ เจ้านี่มันซื่อบื้อสุดๆ จริงๆ”
เฉียวฉู่กะพริบตาปริบๆ ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไร ลานด้านล่างก็พลันเอะอะขึ้นมา
“หกหมื่น!”
“เจ็ดหมื่น!”
“หนึ่งแสน!”
เหล่าศิษย์ลุกขึ้นจากที่นั่งคนแล้วคนเล่า ทุกคนล้วนสวมใส่ชุดเครื่องแบบของสำนักศึกษาเฟิงหัวทั้งสิ้น
ในฐานะที่เป็นสถานที่ที่ขึ้นชื่อว่ามีแต่พวกคนรวยเป็นลูกศิษย์ กลุ่มคนที่สามารถสวมใส่ชุดเครื่องแบบของสำนักศึกษาเฟิงหัวได้นั้น ก็เท่ากับว่ากำลังสวมตราสัญลักษณ์ที่อวดอ้างตัวว่าพวกเขามีตระกูลที่ร่ำรวยมหาศาลหรือไม่ก็มีขุมอำนาจใหญ่หนุนหลังพวกเขาอยู่
เงินแค่หมื่นหรือแสนตำลึงไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าสิ่งที่พวกเขาซื้อจะช่วยชีวิตพวกเขาได้ เงินก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรคำนึงถึงแม้แต่น้อย
ในชั่วพริบตา ราคาของโอสถกระตุ้นพลังวิญญาณเม็ดแรกก็พุ่งขึ้นไปสูงถึงหนึ่งแสนสองหมื่นตำลึง!
เฉียวฉู่เบิกตากว้าง ลูกตาของเขาแทบถลนออกมานอกเบ้า!
ศิษย์ที่อยู่ด้านล่างพวกนั้นจะบ้าคลั่งกันเกินไปหน่อยหรือไม่
สวรรค์เถิด ราคาประมูลกระโดดขึ้นไปหลายหมื่นตำลึงแล้ว นี่พวกเขากำลังพูดถึงเม็ดทรายกันอยู่หรือไง!
ไม่นานนัก โอสถกระตุ้นพลังวิญญาณเม็ดแรกก็ถูกประมูลไปโดยศิษย์คนหนึ่งของสำนักศึกษาเฟิงหัวด้วยราคาหนึ่งแสนสามหมื่นตำลึง หลังจากการทุ่มเงินจำนวนมหาศาล ศิษย์คนนั้นยังยืนยิ้มอย่างยินดีและโบกมืออย่างภาคภูมิใจให้กับเหล่าศิษย์จากสำนักศึกษาเฟิงหัวคนอื่นๆ ที่อยู่ในโรงประมูล
การกระทำของเขายั่วยุทุกคนที่นั่น เติมเชื้อเพลิงลงไปในหัวใจของเหล่าศิษย์คนอื่นๆ ทุกคน!
พวกเขาต่างมาจากสำนักศึกษาเดียวกัน จึงรู้ว่าจะแพ้อีกต่อไปไม่ได้แล้ว!
ระดับความสามารถของพวกเขาขึ้นอยู่กับว่าพวกเขามีพรสวรรค์มากแค่ไหน และพวกเขาไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงนั้นได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องของการเปรียบเทียบความร่ำรวย…พวกเขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เช่นกัน…
หลังจากศิษย์คนแรกประมูลชนะโอสถกระตุ้นพลังวิญญาณเม็ดแรกไป แถมด้วยการยั่วยุเสียดสีที่เหลือทนของเขา การประมูลที่ดำเนินต่อหลังจากนั้นก็กลายเป็นสงครามเสนอราคาอันดุเดือดระหว่างบรรดาศิษย์ที่ร่ำรวยจำนวนนับไม่ถ้วน
นับจากโอสถวิเศษเม็ดที่สองเป็นต้นไป ราคาของโอสถกระตุ้นพลังวิญญาณแต่ละเม็ดก็เกินหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึงทุกเม็ด ทำเอาผู้คนนอกจากตระกูลหรือสำนักมีอำนาจอื่นๆ ตัดสินใจอย่างรวดเร็วว่าโอสถวิเศษตัวนี้เกินกำลังของพวกเขามากเกินไป