ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 585 ตบหน้าฝูงชน (3) ตอนที่ 586 ตบหน้าฝูงชน (4)
ตอนที่ 585 ตบหน้าฝูงชน (3) / ตอนที่ 586 ตบหน้าฝูงชน (4)
ตอนที่ 585 ตบหน้าฝูงชน (3)
หนิงซินหัวเราะต่อไป “การถูกกู้หลีเซิงไล่ออกจากสำนักศึกษาเฟิงหัวนั้น เลวร้ายยิ่งกว่าถูกอาจารย์ใหญ่ไล่ออกเองเสียอีก สาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณของกู้หลีเซิง มีผู้มีอำนาจอยู่ข้างเขามากมาย เมื่อผู้คนรู้ว่าจวินเสียทำให้กู้หลีเซิงโกรธ พวกเขาย่อมไม่เสี่ยงกับกู้หลีเซิงที่กำลังโกรธและไม่ทำให้ชีวิตของตัวเองต้องยุ่งยากเพื่อจวินเสียแน่ การที่ถูกกู้หลีเซิงเกลียดนั้น จะทำให้ชีวิตหลังออกจากสำนักศึกษาเฟิงหัวของจวินเสียต้องถูกจำกัดโอกาสไปอย่างมากมายแน่นอน ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนก็ตาม ถ้าข้าไม่ผลักเขามาจนถึงขนาดนี้ เขาจะหยุดทำท่าเย็นชาหยิ่งยโสได้อย่างไร”
นางไม่ได้ชั่วร้าย เป็นจวินอู๋เสียเองต่างหากที่ไม่รู้ว่าสิ่งใดดีสำหรับตน ปฏิเสธมิตรภาพที่นางหยิบยื่นให้ ดังนั้นนางก็ต้องทุกข์ทรมานกับผลที่ตามมา!
อิ่นเหยียนนิ่งเงียบ เมื่อเขาเห็นว่าจวินอู๋เสียมาถึงลานชุมนุมแล้ว เขาก็ถอยกลับไปซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มคน
ไม่ว่าหนิงซินจะมั่นใจเพียงใดก็ตาม อิ่นเหยียนก็เพิ่มความกลัวที่มีต่อจวินอู๋เสียไปแล้ว
เขาไม่เคยลืมเหตุการณ์ที่ได้เห็นในป่าประลองวิญญาณ
การปรากฏตัวของจวินอู๋เสียทำให้เสียงพูดคุยดังเซ็งแซ่ขณะที่ทุกสายตาจับจ้องมองมาที่ร่างเล็กๆ นี้ สายตาเสียดแทงพวกนั้นกระทั่งฟ่านจิ่นที่เดินอยู่ข้างๆ จวินอู๋เสียก็ยังรู้สึกได้ เหมือนกับมีคมมีดแทงมาที่หลังของเขา ทำให้ทุกๆ ย่างก้าวเป็นงานที่ต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก
แต่ตรงกันข้ามกับจวินอู๋เสียที่ดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้านใดๆ เลย ใบหน้าของนางสงบนิ่ง ฝีเท้าไม่เร่งรีบ นางเดินไปข้างหน้าท่ามกลางสายตาทิ่มแทงนับไม่ถ้วน ดูเหมือนนางจะตัดขาดจากโลกและมีเพียงฟ่านจิ่นเท่านั้นที่เดินไปพร้อมกับนางตามลำพัง
ความสงบนิ่งของจวินอู๋เสีย ทำให้ทุกคนที่กำลังรอดูเขาตื่นกลัวและเป็นทุกข์พากันผิดหวัง
คำสาปแช่งด่าทอถูกโยนเข้าใส่จวินอู๋เสียไม่หยุด แต่จวินอู๋เสียไม่ตอบสนองหรือมีปฏิกิริยาต่อสิ่งยั่วยุพวกนี้เลยแม้แต่น้อย สายตาของนางยังคงมองตรงไปข้างหน้า
ขณะที่เสียงโห่ร้องของฝูงชนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจารย์ใหญ่ของสำนักศึกษาเฟิงหัวฟ่านฉี ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหน้าของลานชุมนุม ร่างสูงและโดดเด่นนั้นยืนอยู่ข้างหน้าศิษย์ทุกคนของสำนักศึกษา รอยยิ้มใจดีประดับอยู่บนใบหน้าที่มีเสน่ห์ของเขา
“การที่เรียกให้พวกเจ้าทุกคนมารวมกันที่นี่ในวันนี้ ไม่ใช่ความคิดของข้า แต่เป็นกู้หลีเซิงแห่งสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณที่เป็นคนขอมา วันนี้เขามีคำพูดบางอย่างที่อยากจะพูดกับทุกคนที่นี่” ฟ่านฉีอธิบายด้วยรอยยิ้มและก้าวถอยหลังเว้นพื้นที่ว่างด้านหน้าฝูงชนไว้
สวรรค์เท่านั้นที่รู้ เหตุการณ์มากมายที่เกิดขึ้นในสำนักศึกษาเฟิงหัวทำให้เขาสับสนว่าจะรับมืออย่างไรดี และตอนนี้กู้หลีเซิงก็อาสาก้าวขึ้นมาจัดการให้ ฟ่านฉีจึงยินดียิ่งนักที่จะส่งเรื่องนี้ต่อให้เขาและเอาตัวเองออกมาจากปัญหา
กู้หลีเซิงเดินช้าๆ ท่ามกลางสายตาคาดหวังของทุกคน เขามายืนอยู่ตรงหน้าเหล่าศิษย์ที่ยืนรวมกันอยู่ ด้วยชุดอาภรณ์สีฟ้าเข้มพร้อมกับห้อยหยกไว้ที่สะโพก ดูสง่างาม อ่อนโยน และเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว แต่บรรยากาศรอบตัวเขา กลับทำให้ผู้คนลังเลที่จะเข้าใกล้ และพากันเว้นระยะห่างจากเขาเอาไว้
การปรากฏตัวของกู้หลีเซิง ทำให้ฝูงชนโห่ร้องเสียงดังอีกครั้งหลังจากเงียบลงเพราะการประกาศของฟ่านฉี
ถึงแม้ว่าหลายคนจะเดาไว้ก่อนแล้วว่ากู้หลีเซิงต้องการแก้แค้นให้กับการตายของหลี่จื่อมู่ นั่นเป็นเหตุผลที่เขาเรียกรวมตัวทุกคนทั้งสำนักศึกษา แต่ก่อนที่จะได้เห็นตัวกู้หลีเซิง คนหลายคนก็ยังแอบสงสัยอยู่ในใจ
แต่บัดนี้ กู้หลีเซิงกำลังยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาทุกคน นั่นเป็นการยืนยันสิ่งที่พวกเขาคาดเดาเอาไว้ทั้งหมด!
ศิษย์หลายคนหันไปมองจวินอู๋เสียโดยไม่ได้ตั้งใจ และคิดว่าสิ่งที่พวกเขาคิดเอาไว้นั้นชัดเจนโดยไม่จำเป็นต้องพูดออกมาดังๆ อีก
แต่จวินอู๋เสียก็ทำให้ศิษย์สำนักศึกษาเฟิงหัวต้องผิดหวังกับปฏิกิริยาของนางอีกครั้ง สายตาของนางยังคงเย็นชา และไม่แม้แต่จะชำเลืองมองใครเลยสักครั้ง ใบหน้าเล็กๆ ที่ไม่สามารถพูดได้ว่าหล่อเหลามากมายอะไร ยังคงมีสีหน้าเย็นชาไร้อารมณ์
กู้หลีเซิงยืนอยู่ตรงหน้าศิษย์ทุกคนที่รวมตัวกันอยู่ เขากวาดสายตามองทุกคนก่อนจะเอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เงียบ!”
ทันใดนั้น เสียงกระซิบพึมพำทั้งหลายก็หยุดลงจนเงียบสนิท
ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งผู้สร้างทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณและทำให้เขาเกิดความไม่พอใจ นั่นจะทำให้ชะตากรรมของพวกเขา เลวร้ายยิ่งกว่าการถูกไล่ออกจากสำนักศึกษาเฟิงหัวเสียอีก
ตอนที่ 586 ตบหน้าฝูงชน (4)
เมื่อพอใจที่ศิษย์ทุกคนเงียบลงแล้ว ดวงตาของกู้หลีเซิงก็ทอประกายลึกล้ำ เขาหยุดเงียบครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นด้วยเสียงดังชัดเจนว่า “ตลอดเวลาที่ผ่านมา สาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณมีจำนวนศิษย์น้อยที่สุด ข้าเชื่อว่านี่เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้ดีอยู่แล้ว พวกเจ้าทุกคนคิดว่าการได้เข้ามาเป็นศิษย์ของสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณ คือเกียรติอย่างสูงที่พวกเจ้าจะได้ร่ำเรียนทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณ และจะได้มีชีวิตที่หรูหราสุขสบายโดยไม่ต้องคำนึงถึงสิ่งใดอีกในอนาคต ถูกต้องหรือไม่”
คำถามของกู้หลีเซิงทำให้ศิษย์ทุกคนเริ่มพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
กู้หลีเซิงถามอีกครั้ง “พวกเจ้าทุกคนรู้สึกว่าการที่ได้เป็นศิษย์ของกู้หลีเซิง จะทำให้พวกเจ้ามีเกียรติอย่างที่ไม่มีสิ่งใดมาเทียบได้ใช่หรือไม่”
ศิษย์ของสำนักศึกษาเฟิงหัวไม่กล้าส่งเสียง พวกเขาได้แต่พยักหน้าอีกครั้ง
“พวกเจ้าทุกคนคิดว่าข้า กู้หลีเซิง ในฐานะผู้สร้างทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณ จะรู้จักทักษะนี้ดีกว่าทุกคนในโลกนี้หรือเปล่า” กู้หลีเซิงถามฝูงชน
นั่นเป็นสิ่งที่ไม่ต้องสงสัยเลย! และทุกคนก็พากันพยักหน้าอีกครั้ง
กู้หลีเซิงส่งสายตาพอใจมองบรรดาศิษย์สำนักศึกษาเฟิงหัวตรงหน้าเขาที่พากันพยักหน้าราวกับเป็นลูกไก่จิกข้าวสาร เขายิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ดีมาก”
ผู้ฟังสับสนงุนงงว่าคำถามของกู้หลีเซิงจะไปในแนวทางไหน พวกเขาทำได้แค่รอฟังอย่างอดทน
“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ ข้าขอบอกพวกเจ้าทุกคนว่าในโลกนี้ ยังมีอีกบุคคลหนึ่งที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณเหนือกว่าข้า คนที่ข้ากู้หลีเซิง ไม่สามารถสอนหรือให้คำแนะนำเขาได้ พวกเจ้าจะเชื่อข้าหรือไม่”
ทันใดนั้น การพยักหน้าก็เปลี่ยนเป็นส่ายหน้าทันที
รอยยิ้มของกู้หลีเซิงกว้างขึ้น
“ทุกคนรู้หรือไม่ว่าทำไมพวกเจ้าถึงไม่ได้เป็นศิษย์ของสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณ”
เหล่าศิษย์ฉับพลันพากันส่ายหน้าโดยพร้อมเพรียงกัน
“เพราะว่าพวกเจ้าทุกคนไม่เข้าใจว่าทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณคืออะไร และไม่มีแม้แต่ความสามารถที่จะเข้าใจมัน! พูดกันตามสัตย์จริง แม้แต่ศิษย์ในสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณในตอนนี้ ก็ไม่มีใครสักคนที่มีคุณสมบัติ ถ้าใช้มาตรฐานของข้าวัดละก็ สาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณไม่ได้รับศิษย์ที่เข้าเกณฑ์ของข้าเลยสักคนเดียว!” คำพูดของกู้หลีเซิงพลิกกลับอย่างกะทันหัน น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนเป็นเข้มงวด
“สาเหตุที่ข้ายอมรับพวกเขา ไม่ใช่เพราะพวกเขาเหนือกว่าพวกเจ้า แต่เป็นเพราะในฐานะอาจารย์ของสำนักศึกษาเฟิงหัว ข้าจำเป็นต้องรับศิษย์ ไม่เช่นนั้นข้าก็ไม่สามารถตอบคำถามของอาจารย์ใหญ่ได้” กู้หลีเซิงพูดโดยไม่อ้อมค้อมสักนิด
ในขณะที่กู้หลีเซิงพูด ฟ่านฉีที่ถอยไปยืนอยู่ด้านหลังก็หน้าซีดขาว แต่ไม่ใช่เพราะโกรธเคือง หากแต่เป็นเพราะอับอายต่างหาก
คำพูดของกู้หลีเซิงสร้างได้ความตกใจให้บรรดาศิษย์ที่รวมตัวกันตรงหน้าเขาเป็นอย่างมาก และศิษย์ของสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณก็พากันตัวสั่นด้วยความตกใจสุดขีดเมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดพวกนั้น
ที่ผ่านมา พวกเขาคิดว่าพวกเขาเหนือกว่าศิษย์คนอื่นทุกคน ดังนั้นพวกเขาจึงถูกยอมรับให้เข้าสู่สาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณ และได้รับโอกาสให้เรียนทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณภายใต้การสั่งสอนของกู้หลีเซิง แต่คำพูดของกู้หลีเซิงในวันนี้ เหมือนกับการตบหน้าพวกเขาฉาดใหญ่ต่อหน้าคนอื่นๆ ในสำนักศึกษา ความภาคภูมิใจของพวกเขาถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้นๆ!
แต่กู้หลีเซิงไม่เก็บเอาไว้อีกแล้ว เขาพูดต่อไปว่า “ข้ายอมรับสภาพแล้วว่าข้าคงไม่มีวันพบคนที่เหมาะสมที่จะร่ำเรียนทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณจากข้า จนกระทั่งวันหนึ่ง! ข้าก็ได้พบกับผู้เยาว์คนหนึ่ง การปรากฏตัวของเขาทำให้ข้าได้รู้ว่าคำว่าอัจฉริยะที่แท้จริงนั้นหมายความว่าอย่างไร…ไม่สิ พูดให้ถูก เขาไม่ใช่แค่อัจฉริยะ แต่เป็นยิ่งกว่าอัจฉริยะ! ความเข้าใจในทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณของเขานั้น เหนือกว่าข้าเสียอีก!”
เมื่อฝูงชนได้ยินคำพูดของกู้หลีเซิง ก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้นที่ลานชุมนุมทันที
สามารถเข้าใจทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณเหนือกว่ากู้หลีเซิง นั่นเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออย่างถึงที่สุด กู้หลีเซิงมีนิสัยที่สุภาพอ่อนโยนอยู่เสมอ แต่เมื่อเป็นเรื่องของทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณ เขาก็เข้มงวดมาก จากที่เขาพูดถึงเรื่องมาตรฐานในการคัดเลือกศิษย์ของเขา ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าเขาจะไม่ประนีประนอมในเรื่องที่เขาเชี่ยวชาญนี้เลย