ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 589 ตบหน้าฝูงชน (7) ตอนที่ 590 ตบหน้าฝูงชน (8)
ตอนที่ 589 ตบหน้าฝูงชน (7) / ตอนที่ 590 ตบหน้าฝูงชน (8)
ตอนที่ 589 ตบหน้าฝูงชน (7)
ทั้งกู้หลีเซิงและฟ่านฉีที่เป็นที่เคารพนับถือได้มายืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา ชี้แจงถึงข้อเท็จจริงเบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด และใช้ชื่อเสียงของพวกเขารับรองความบริสุทธิ์ของจวินอู๋เสีย เปรียบเทียบกับเหตุผลที่ไม่น่าเชื่อถือของข่าวลือชั่วร้ายพวกนั้นแล้ว หลักฐานที่พวกเขาเห็นนั้นน่าเชื่อถือกว่ามากนัก!
คนหนึ่งเป็นผู้ก่อตั้งสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณ ส่วนอีกคนก็เป็นอาจารย์ใหญ่ของสำนักศึกษาเฟิงหัว ด้วยตำแหน่งของพวกเขาทำให้พวกเขามีอำนาจสูงสุดเหนือกว่าผู้ใดในสำนักศึกษาเฟิงหัว พวกเขาไม่จำเป็นต้องปกป้องศิษย์ใหม่ธรรมดาๆ เงียบๆ คนหนึ่งโดยไม่มีเหตุผลที่สมควร!
ตอนนั้นเอง ชื่อเสียทั้งหมดที่จวินอู๋เสียถูกตราหน้ามาตลอดก็ถูกชำระจนสะอาดหมดจด ไม่มีใครกล้าเชื่อมโยงจวินอู๋เสียกับข่าวลือที่ไร้ที่มาที่ไปพวกนั้นอีก!
สิ่งที่ศิษย์ทุกคนรู้สึกกับจวินเสียในตอนนี้ ไม่ใช่ความเกลียดชังหรือรังเกียจเดียดฉันท์อีกต่อไป แต่เป็นความตกใจและอัศจรรย์ใจที่พวกเขามีต่อเด็กหนุ่มผู้นี้
พวกเขาไม่เคยนึกฝันเลยว่าความจริงจะออกมาเป็นเช่นนี้ได้!
คนที่พวกเขาด่าทอสาปแช่งมาโดยตลอด ความจริงแล้วเป็นเหยื่อที่เคราะห์ร้ายที่สุดในเหตุการณ์ทั้งหมดนี้!
ความจริงแล้ว คนที่ยึดเอาตำแหน่งของผู้อื่นในสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณไม่ใช่จวินอู๋เสีย แต่เป็นหลี่จื่อมู่!
“ข้าขอรับรองนิสัยใจคอของเขาด้วยคน! จวินเสียไม่ใช่คนแบบที่พูดกันในข่าวลือ! ถ้าไม่ใช่เพราะจวินเสีย ข้าก็คงไม่สามารถเอาชีวิตรอดออกมาจากป่าประลองวิญญาณได้!” ศิษย์รูปร่างผอมคนหนึ่งก้าวออกมาจากกลุ่มคน และเอ่ยเสียงดังหลังจากเรียกความกล้าออกมาได้
“ข้าก็ขอรับรองด้วย!”
“ข้าด้วย!”
ศิษย์สิบกว่าคนก้าวออกมาจากกลุ่มศิษย์ที่รวมตัวกันอยู่อย่างต่อเนื่อง พวกเขาทั้งหมดเป็นคนในกลุ่มที่อยู่กับหลี่จื่อมู่ในตอนที่เข้าไปในป่าประลองวิญญาณ
“ข้าคือศิษย์พี่ผู้ชี้แนะของหลี่จื่อมู่มาตั้งแต่ต้น ในตอนแรกข้าก็เหมือนพวกเจ้าทุกคนที่เชื่อในสิ่งที่หลี่จื่อมู่พูดทุกอย่าง และเข้าใจจวินเสียผิดไปอย่างร้ายแรง จนกระทั่งในงานล่าวิญญาณนี้เองที่ข้าได้ตระหนักว่าข้าไม่อาจจะผิดพลาดมากไปกว่านี้ได้แล้ว! คนที่เลวทรามต่ำช้าไม่ใช่จวินเสีย แต่เป็นหลี่จื่อมู่ต่างหาก!” ศิษย์เก่าที่เคยเป็นผู้ชี้แนะของหลี่จื่อมู่ยืนอยู่ข้างหน้าอย่างไม่สะทกสะท้าน เขาเล่าให้ทุกคนฟังถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดในป่าประลองวิญญาณอย่างละเอียดยิบ
สิ่งที่เขากำลังเล่าอยู่ตอนนี้ คือสิ่งที่เขาเคยเล่ามาแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ในตอนที่จวินอู๋เสียถูกสาปแช่งด่าทออย่างโหดร้าย เขาได้พยายามปกป้องจวินอู๋เสียอย่างกล้าหาญ
แต่เขาเป็นเพียงศิษย์ธรรมดาๆ เท่านั้น ไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่เขาพูดเลยสักคำ!
แต่วันนี้มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิง!
คำพูดเดียวกันนั้น เมื่อพูดออกมาดังๆ ต่อหน้าฝูงชนในวันนี้ ก็สร้างเสียงฮือฮาขึ้นไปทั่ว!
พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าหลี่จื่อมู่จะน่ารังเกียจและไร้ยางอายมากถึงเพียงนี้ นอกจากจะยึดเอาตำแหน่งของจวินอู๋เสียไปแล้ว เขายังแพร่กระจายข่าวลือผิดๆ เกี่ยวกับเจตนาอันน่ารังเกียจและไม่ซื่อตรงของจวินอู๋เสีย แถมหลี่จื่อมู่ยังทอดทิ้งสหายร่วมกลุ่มของเขาที่ได้รับบาดเจ็บจากการช่วยชีวิตเขาในระหว่างงานล่าวิญญาณ เขายังเป็นคนที่ขอเกาะติดกับฟ่านจิ่นอย่างไม่ละอายเพื่อที่จะได้รับการปกป้องจากเขา และเป็นจวินอู๋เสียที่มีน้ำใจเอื้อเฟื้อไม่คิดต่อต้านหลี่จื่อมู่และยังรับเขาเข้ากลุ่มทันทีอีกด้วย!
ความจริงทั้งหมดได้ทำให้ชื่อของหลี่จื่อมู่ตกต่ำลงสู่โคลนตม และพลิกภาพลักษณ์ของจวินอู๋เสียในใจของทุกคนไปตรงกันข้ามเลยทีเดียว
เหล่าศิษย์ที่คอยโจมตีจวินอู๋เสียก่อนหน้านี้ไม่หยุดหย่อน พวกที่เคยด่าว่าจวินอู๋เสียอย่างรุนแรงในอดีต และพวกที่ปรารถนาอย่างแรงกล้าให้จวินอู๋เสียถูกไล่ออกจากสำนักศึกษาเฟิงหัว บัดนี้ทุกคนต่างก้มหัวด้วยความสำนึกผิด พวกเขาเต็มไปด้วยความเสียใจและละอายใจ ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองจวินอู๋เสีย
ในตอนนั้นพวกเขาต่างหวังว่าจะให้ธรณีสูบพวกเขาลงไปทั้งหมด พวกเขาจะได้ซ่อนตัวจากความสำนึกผิดและความละอายใจนี้ แก้มของพวกเขาร้อนฉ่าขึ้นจนเป็นสีแดง
พวกเขาไม่กล้าสู้หน้าผู้คนเมื่อตระหนักได้ว่าตัวเองโง่เง่าเบาปัญญาเพียงใด
พวกเขาถูกข่าวลือผิดๆ พวกนั้นจูงจมูก และหูเบาหลงเชื่อสิ่งที่ได้ยิน ทั้งๆ ที่ความจริงยังไม่กระจ่างชัด พวกเขาก็เชื่อตามกันไปอย่างคนตาบอดครั้งแล้วครั้งเล่า และพากันประณามใส่ร้ายจวินอู๋เสียแบบผิดๆ
เป็นอย่างที่กู้หลีเซิงพูด การกระทำของพวกเขานำความเสื่อมเสียมาสู่สำนักศึกษาเฟิงหัว!
กู้หลีเซิงสังเกตปฏิกิริยาของศิษย์ทุกคนตรงหน้าเขาอย่างพอใจ “วันนี้ ต่อหน้าทุกคนในที่นี้ ข้าอยากจะขอเชิญจวินเสียให้กลับเข้าสู่สาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณอีกครั้ง ข้าหวังว่าเจ้าจะยอมตกลง” กู้หลีเซิงถามอย่างนอบน้อมขณะที่มองจวินอู๋เสียพร้อมกับก้มหัวลงเล็กน้อยเพื่อแสดงออกถึงความรู้สึกผิดต่อเด็กน้อยคนนี้
ตอนที่ 590 ตบหน้าฝูงชน (8)
จวินอู๋เสียพยักหน้า
กู้หลีเซิงมองฝูงชนแล้วพูดว่า “ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป จวินเสียจะเป็นคนของสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณ แต่พวกเจ้าทุกคนจงฟัง! เขาไม่ใช่ศิษย์ของข้า ข้าไม่มีคุณสมบัติที่จะสอนหรือแนะนำเขา ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นอาจารย์ของเขาด้วยซ้ำ! นับจากนี้ไปเขาจะมีอำนาจในสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณครึ่งหนึ่ง! แม้ว่าเขาจะเข้าสู่สาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณในฐานะศิษย์ แต่ห้ามใครก็ตามปฏิบัติกับจวินเสียเหมือนเขาเป็นศิษย์!”
เมื่อกู้หลีเซิงประกาศถ้อยคำเหล่านี้ออกมา สายตาของเขาก็มองไปที่เฉียนหยวนเหอที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มคน จากนั้นก็กวาดสายตามองฝูงชนทั้งหมดอย่างรวดเร็ว
เฉียนหยวนเหอยืนอยู่ท่ามกลางบรรดาอาจารย์ของสำนักศึกษาเฟิงหัว เขาเป็นคนที่พูดอยู่เสมอว่าเขารู้สึกอับอายกับจวินอู๋เสีย และบอกว่าจวินอู๋เสียไม่มีคุณสมบัติที่จะได้รับการสั่งสอนจากเขา
คำพูดของกู้หลีเซิงในวันนี้ได้ตบหน้าเขาเข้าอย่างจัง
เฉียนหยวนเหอเป็นใครในสำนักศึกษาเฟิงหัว
เขาก็แค่อาจารย์ที่ปรึกษาธรรมดาทั่วไปในสาขาผู้ใช้สัตว์วิญญาณ มีอาจารย์และครูผู้สอนที่เก่งกาจกว่าเขาอยู่อีกเป็นโหล!
แล้วยิ่งเป็นกู้หลีเซิงที่มีอำนาจเต็มในสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณด้วยแล้ว…
เมื่อเปรียบเทียบกับกู้หลีเซิง เฉียนหยวนเหอก็ยังไม่ดีพอที่จะถือรองเท้าให้เขาด้วยซ้ำ!
กู้หลีเซิงบอกว่าตัวเขาเองไม่มีคุณสมบัติที่จะชี้แนะสั่งสอนจวินอู๋เสีย นั่นย่อมหมายความว่าเฉียนหยวนเหอก็ไม่มีคุณสมบัติยิ่งกว่า เฉียนหยวนเหอเคยกล่าวหาว่าจวินอู๋เสียไม่เต็มใจที่จะเรียนและมีลักษณะนิสัยที่น่ารังเกียจ ตอนนี้คำพูดทั้งหมดถูกโยนกลับเข้าใส่หน้าเขาด้วยคำพูดของกู้หลีเซิงในวันนี้!
เจ้ากระจอกเฉียนหยวนเหอดูถูกเหยียดหยามจวินเสียอย่างนั้นหรือ ดูเหมือนตอนนี้เขาจะกลายเป็นตัวตลกไปแล้ว!
แค่กู้หลีเซิงชำเลืองมองเพียงแวบเดียว เฉียนหยวนเหอก็หน้าซีดเป็นไก่ต้ม ไหล่ของเขาสั่นสะท้าน เขาถอยกลับเข้าไปในฝูงชนโดยไม่ได้ตั้งใจ หวังจะให้ธรณีสูบเขาให้หายไปเสียเดี๋ยวนั้น และไม่ต้องโผล่มาต่อหน้าผู้คนอีกเลย
จากเจ้าสวะต่ำช้าสารเลวที่ทุกคนสาปแช่งด่าทอ กลายเป็นอัจฉริยะที่ทนทุกข์ทรมานอย่างเงียบๆ ด้วยภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ จวินอู๋เสียสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของนางในสำนักศึกษาเฟิงหัวได้เป็นผลสำเร็จในเวลาสั้นๆ แค่ชั่วโมงเดียว และจัดการตบหน้าศิษย์ทุกคนอย่างแรง
กู้หลีเซิงพาจวินอู๋เสียเดินจากไปภายใต้สายตาเฝ้ามองของทุกคนในสำนักศึกษา ตั้งแต่ต้นจนจบจวินอู๋เสียไม่พูดอะไรสักคำ นอกจากมองดูทุกคนถูกตบหน้าจากด้านข้างอย่างเงียบๆ
หลังจากกู้หลีเซิงกับจวินอู๋เสียเดินจากไป เสียงพูดคุยเอะอะดังลั่นก็ดังขึ้นทั่วลานชุมนุม ทุกคนคุยกันถึงการเปิดเผยเรื่องที่น่าตกใจในวันนี้ คนที่เคยด่าว่าจวินอู๋เสียมากที่สุด รีบหนีหางจุกตูดด้วยความกลัวว่าพวกเขาจะถูกถลกหนังทั้งเป็นจากฝูงชน
ถ้าจวินอู๋เสียเป็นสวะไร้ประโยชน์ แล้วพวกเขาเล่าเป็นอะไร
แย่ยิ่งกว่าสวะเสียอีก…
วันนี้ทุกคนในสำนักศึกษาเฟิงหัวตั้งแต่บนจนถึงล่าง ถูกตบหน้ากันถ้วนทั่ว ศิษย์ทุกคนแม้กระทั่งพวกอาจารย์ต่างมองหน้ากันด้วยความรู้สึกผิด ใบหน้าของพวกเขาร้อนฉ่าจนขึ้นสีแดงก่ำทำให้พวกเขารู้สึกราวกับว่าถูกตบหน้าเข้าจริงๆ
ภายใต้ความอึกทึกในลานชุมนุม บรรดาศิษย์และคนในสาขาที่ละอายใจเป็นอย่างมากไม่ต้องการอยู่ที่นั่นต่ออีกแม้สักวินาทีเดียว ทุกๆ วินาทีที่พวกเขาอยู่ที่นั่น ยิ่งทำให้ใบหน้าของพวกเขาร้อนขึ้น พวกเขาจึงตัดสินใจล่าถอยไปอย่างรวดเร็ว แต่เหตุการณ์ในวันนี้จะฝังแน่นอยู่ในหัวใจของพวกเขาไปอีกนาน
ผู้คนในลานชุมนุมกระจายกันออกไปอย่างรวดเร็ว แต่หนิงซินยังคงยืนแข็งทื่ออยู่ที่เดิม
“จะเป็นไปได้อย่างไร…เป็นไปไม่ได้…จวินเสียคือศิษย์ที่กู้หลีเซิงเลือกไปได้อย่างไร…” ดวงตาของหนิงซินเบิกกว้าง นางยังคงไม่ได้สติจากความตกใจ ไม่มีใครสามารถเข้าใจได้ว่านางตกใจหนักมากแค่ไหนเมื่อได้ยินคำพูดพวกนั้น!
ในใจของนางเต็มไปด้วยเสียงกระซิบพึมพำไม่หยุด แผนการที่นางมั่นใจนักหนาแหลกสลายกลายเป็นผุยผง
กู้หลีเซิงต้องการแก้แค้นให้หลี่จื่อมู่อย่างนั้นหรือ
ตอนนี้มันฟังดูน่าขันเป็นบ้า นางกลายเป็นตัวตลกที่น่าหัวร่อมากที่สุดไปแล้ว
ตั้งแต่ต้นจนจบ กู้หลีเซิงไม่แม้แต่จะเอ่ยชื่อของหล่จื่อมู่สักคำและเรียกเขาว่าศิษย์ใหม่เท่านั้น เห็นได้ชัดว่ากู้หลีเซิงรู้ถึงการกระทำอันน่ารังเกียจของหลี่จื่อมู่ทุกอย่าง ความรู้สึกรังเกียจเหยียดหยามที่เขามีต่อหลี่จื่อมู่ มากมายเกินกว่าที่ทุกคนจะจินตนาการถึงอีก!