ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 595 ตบหน้าครั้งที่เจ็ด (2) ตอนที่ 596 ตบหน้าครั้งที่เจ็ด (3)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 595 ตบหน้าครั้งที่เจ็ด (2) ตอนที่ 596 ตบหน้าครั้งที่เจ็ด (3)
ตอนที่ 595 ตบหน้าครั้งที่เจ็ด (2) / ตอนที่ 596 ตบหน้าครั้งที่เจ็ด (3)
ตอนที่ 595 ตบหน้าครั้งที่เจ็ด (2)
“ฝากบอกฟ่านจิ่นด้วยว่าให้เขาพาเจ้าโง่เฉียวกับคนอื่นๆ มาหาข้าที่นี่พรุ่งนี้ ถ้ามีอะไรที่เจ้าอยากรู้ เจ้าก็สามารถถามเอาจากพวกเขาได้” จวินอู๋เสียพูดพลางรินน้ำชาให้ตัวเอง
“เจ้าหมายถึง…เรื่องกองทัพรุ่ยหลินใช่หรือไม่” ฟ่านจัวถามด้วยสีหน้าอยากรู้ เขาเคยถามจวินอู๋เสียเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างนางกับกองทัพรุ่ยหลินไปแล้ว แต่เจ้าตัวร้ายนี่ดันขี้เกียจอธิบายให้เขาฟัง
จวินอู๋เสียพยักหน้า
ฟ่านจัวมองดูจวินอู๋เสียที่ดูเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่อย่างตั้งใจก่อนจะถามว่า “กองทัพรุ่ยหลินจะมาถึงพรุ่งนี้ใช่หรือไม่”
“อืม” จวินอู๋เสียพยักหน้าอีกครั้ง
ฟ่านจัวยิ้มมุมปากเล็กน้อย กองทัพรุ่ยหลินจะมาถึงที่นี่พรุ่งนี้ และจวินอู๋เสียบอกว่านางจำเป็นต้องออกไปสักพัก เหตุการณ์ทั้งสองที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกัน แต่กลับเกิดขึ้นในเวลาเดียวกันทำให้ฟ่านจัวคิดว่าทั้งสองจะต้องเกี่ยวข้องกันอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม จวินอู๋เสียยังคงไม่คิดจะอธิบายให้ฟ่านจัวฟังแม้แต่นิดเดียว หลังจากกล่าวอำลาฟ่านจัวอย่างไม่ใส่ใจอีกเล็กน้อย นางก็จากไปอย่างรวดเร็ว
ระยะทางจากรัฐชีถึงสำนักศึกษาเฟิงหัวไม่ไกลกันมากนัก และพวกเขาก็คงจะเคลื่อนขบวนมาตามเส้นทางหลัก
หลงฉีคือผู้ที่นำทหารกองทัพรุ่ยหลินมา ขบวนทหารใหญ่โตสง่างามเคลื่อนพลผ่านถนนกว้าง ทหารในชุดเกราะสีเงินส่องประกายนั่งอยู่บนหลังม้าศึกตัวใหญ่ บรรยากาศอันยิ่งใหญ่ที่ปลดปล่อยออกมานั้น ทำให้ผู้คนที่สัญจรไปมาบนถนนต้องรีบหลีกทางให้
“หัวหน้า คุณหนูใหญ่อยู่ที่สำนักศึกษาเฟิงหัวจริงๆ หรือ” ทหารคนหนึ่งที่อยู่ข้างหลงฉีถามขึ้น ดวงตาของเขาแสดงความปรารถนาอย่างลึกซึ้ง
หลงฉีชำเลืองมองทหารคนนั้นด้วยสายตาเคร่งขรึม
“พวกเราไม่มีหน้าที่เข้าไปยุ่มย่ามกับเรื่องของคุณหนูใหญ่”
ทหารคนนั้นถอยกลับไปและรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว แต่ยังคงมีประกายแห่งความคาดหวังอยู่ในดวงตาของเขา
ขณะที่กองทัพทหารเคลื่อนพลผ่านถนนใหญ่ พวกเขาก็ต้องตัดเข้าสู่เส้นทางรองที่ถนนมีขนาดเล็กกว่า แม้ว่าทางเดินจะแคบลง แต่เส้นทางที่ยืดยาวออกไปก็เงียบสงบและมีกระแสลมเล็กน้อย เส้นทางเล็กๆ นั้นผ่านได้เฉพาะแค่ม้าสามตัวเรียงกันเท่านั้น และมีแนวต้นไม้หนาทึบอยู่สองข้างทาง ขณะนั้นเป็นเวลาโพล้เพล้ จึงไม่มีผู้คนผ่านไปมาให้เห็นมากนัก
ทันใดนั้น ร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นกลางถนน แสงอาทิตย์ส่องผ่านลงมาจากด้านหลังทำให้ใบหน้าของร่างนั้นตกอยู่ในเงามืด ลำแสงสีทองสว่างของพระอาทิตย์ที่กำลังจะลาลับขอบฟ้า ทำให้เกิดรัศมีสีทองจางๆ รอบตัวร่างเล็ก
หลงฉีขมวดคิ้วแน่น เขาส่งสัญญาณมืออย่างรวดเร็ว และคนของเขาทั้งหมดก็ตื่นตัว เปลี่ยนเป็นระมัดระวังตัวขึ้นมาในทันที
อย่างไรก็ตาม เมื่อหลงฉีนำคนของเขาเดินหน้าขึ้นมา พอเข้าใกล้ร่างเล็กนั้น เขาก็รีบห้อม้าขึ้นไปทันทีและรีบกระโดดลงจากหลังม้า ลงมาคุกเข่าข้างหนึ่ง!
“คุณหนูใหญ่!”
……
ในสำนักศึกษาเฟิงหัว หนึ่งวันผ่านพ้นไป ความปั่นป่วนวุ่นวายในสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณก็เริ่มบรรเทาลง แต่ความสั่นสะเทือนที่เหลืออยู่ก็ยังคงไม่หยุดนิ่งดีนัก เมื่อมีข่าวสะเทือนฟ้าสะเทือนดินขึ้นมาอีกข่าว ก่อให้เกิดพายุอีกลูกพัดกระหน่ำไปทั่วสำนักศึกษา
ที่หน้าประตูสำนักศึกษาเฟิงหัว ทหารในชุดเกราะหลายร้อยนายบนหลังม้าศึกที่สง่างามยืนปิดกั้นทางเข้าออกทั้งหมด ใบหน้าของพวกเขาแข็งกระด้าง รังสีกดดันที่ปลดปล่อยออกมานั้นดุร้ายน่ากลัวมาก ร่างอันบึกบึนกำยำและเหยียดตรงของพวกเขา ทำให้ศิษย์ทุกคนที่รวมตัวกันอยู่หลังประตูสำนักศึกษาหวาดกลัวจนไม่กล้าก้าวเท้าออกมาข้างหน้า
แต่ท่ามกลางกลุ่มทหารที่น่าหวาดกลัว มีร่างสะโอดสะองร่างหนึ่งที่โดดเด่นแตกต่างออกไป
ร่างนั้นอยู่ในชุดอาภรณ์สีขาวบริสุทธิ์ ความสง่างามเงียบขรึมของนางเห็นได้ชัดยิ่งบนหลังม้า ใบหน้าของนางงดงามอย่างสมบูรณ์แบบ ทำเอาศิษย์สำนักศึกษาเฟิงหัวทุกคนที่อยู่ตรงนั้นหลงเสน่ห์ของนางโดยไม่เว้นแม้แต่เดียว
สำนักศึกษาเฟิงหัวไม่เคยขาดแคลนเหล่าศิษย์ที่งดงาม แต่ไม่มีใครเลยที่จะเทียบได้กับสตรีที่นั่งอยู่บนหลังม้าตรงหน้าพวกเขา!
แม้สตรีในชุดอาภรณ์สีขาวจะยังดูเยาว์วัยมากนัก แต่รัศมีอันน่าหลงใหลรอบตัวนางก็ทำให้ผู้คนต่างตะลึงงันกับความงดงามที่ราวกับนางเซียนสวรรค์นั้น และยังทำให้เกรงกลัวว่าสายตาของพวกเขาจะทำให้ความงดงามอันแสนบริสุทธิ์นั้นต้องแปดเปื้อน ใบหน้าอันเย็นชาของนางราวน้ำแข็งและไร้อารมณ์ความรู้สึกใดๆ ดวงตาใสกระจ่างราวกับอัญมณีโปร่งแสงทอประกายเย็นยะเยือก ขณะที่นางเคลื่อนผ่านบรรดาลูกศิษย์สำนักศึกษาเฟิงหัว สายตาคู่นั้นไม่ได้จับจ้องไปที่ใครเลยสักคน
เฉยเมย เย็นชา และน่าครั่นคร้ามยำเกรง
“คนพวกนี้เป็นใครกัน” ศิษย์คนหนึ่งที่อยู่หลังประตูกระซิบถามเสียงเบา
“กองทัพรุ่ยหลิน! กองทัพที่โจมตีได้ดุดันมากที่สุด!” ศิษย์ที่ตาไวคนหนึ่งชี้ไปที่ธงที่โบกสะบัดไปตามสายลมและร้องอุทานขึ้นมาเสียงเบา
ตอนที่ 596 ตบหน้าครั้งที่เจ็ด (3)
รัฐชีอาจจะเป็นรัฐเล็กๆ แต่ชื่อเสียงของกองทัพรุ่ยหลินนั้นเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางไปทั่วทั้งดินแดน!
กองทัพที่ขึ้นชื่อว่าเป็นกองทัพที่โจมตีได้ดุดันมากที่สุด ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูของสำนักศึกษาเฟิงหัว พวกเขามาที่นี่ทำไม
“ตอนที่ศิษย์พี่ลู่จากไป เขาพูดว่า…ศิษย์พี่หนิง…พยายามที่จะ…สังหาร…แม่ทัพเอกจากกองทัพรุ่ยหลิน…ใช่หรือไม่” ศิษย์คนหนึ่งที่หัวไวคล้ายกับจะฉุกคิดถึงสิ่งที่ลู่เว่ยเจี๋ยได้พูดเอาไว้ก่อนที่เขาจะจากไปได้
ในวันที่ลู่เว่ยเจี๋ยถูกไล่ออกจากสำนักศึกษาเฟิงหัว สิ่งที่เขาพูดก่อนจากไปได้สร้างพายุลูกใหญ่ขึ้น และมันทำให้ชื่อเสียงของหนิงซินต้องแปดเปื้อน แต่ข่าวเรื่องจวินอู๋เสียสังหารหลี่จื่อมู่ก็กลบข้อกล่าวหาของหนิงซินไป และพวกเขาก็ลืมมันไปอย่างช้าๆ การปรากฏตัวอย่างยิ่งใหญ่ที่หน้าประตูสำนักศึกษาเฟิงหัวของกองทัพรุ่ยหลิน จึงทำให้เรื่องที่กำลังจะจางหายไปจากความทรงจำของพวกเขาหวนกลับมาอีกครั้ง และกงล้อข่าวลือก็เริ่มหมุนวนอย่างดุเดือดรุนแรงยิ่งกว่าเดิม
นี่หมายความว่าสิ่งที่ลู่เว่ยเจี๋ยพูดเป็นความจริงทั้งหมดน่ะสิ!
หลังจากนั้นไม่นานฟ่านฉีก็รีบมาที่ประตูใหญ่ เมื่อเขาเห็นขบวนทัพอันยิ่งใหญ่ของกองทัพรุ่ยหลิน ความตกใจก็แล่นผ่านไปทั่วร่างและหัวใจของเขาก็เต้นรัว
ท่ามกลางนักรบร่างกายกำยำบึกบึนและสูงตระหง่าน ฟ่านฉีอดไม่ได้ที่จะสังเกตเห็นร่างที่ดูแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง เด็กสาวคนหนึ่งนั่งอยู่หลังอาชาศึกที่ด้านหน้าข้างๆ หลงฉี ตัวตนของนางต้องเป็นคนที่พิเศษมากอย่างแน่นอน!
“ข้าไม่รู้ว่าท่านแม่ทัพเอกหลงฉีจะมาที่นี่ด้วยตัวเอง หวังว่าท่านจะให้อภัยที่ข้าออกมาต้อนรับช้า เชิญพวกท่านเข้ามาคุยกันข้างในก่อนเถิด” ฟ่านฉีพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะวางท่าสงบนิ่ง ตั้งแต่งานล่าวิญญาณครั้งที่แล้วจบลง เขาก็รู้ว่าวันที่น่ากลัวนี้จะต้องมาถึง เหตุผลที่เขาตกลงไล่ลู่เว่ยเจี๋ยกับคนอื่นๆ ออกไปอย่างรีบร้อนเช่นนั้น ก็เพื่อพยายามระงับโทสะของกองทัพรุ่ยหลินกับมู่เฉิน
หลงฉีพยักหน้าและยกมือขึ้น ทหารมากกว่าร้อยนายเบื้องหลังเขาก็ดึงบังเหียนทันที ม้าศึกทั้งหมดยืนนิ่งอย่างเคร่งครัด
การเคลื่อนไหวที่พร้อมเพรียงกันของพวกทหาร ทำให้สายตาทุกคู่ของศิษย์ที่รวมตัวกันอยู่ทอประกายเกรงขาม หัวใจของพวกเขาร้อนเร่า และเลือดในกายของพวกเขาก็เดือดพล่าน พวกลูกศิษย์ยังอยู่ในวัยเยาว์ มีกลุ่มคนหนุ่มสาวคนใดบ้างที่ไม่หลงใหลขบวนทหารในชุดเกราะเต็มยศอันน่าประทับใจ
หลงฉีเหวี่ยงตัวเองลงจากหลังม้าและยื่นมือออกมาช่วยเด็กสาวตัวเล็กข้างๆ เขาให้ลงมาจากหลังอาชาสูง “ท่านนี้คือ…” ฟ่านฉีมองเด็กสาวผู้งดงามแต่เย็นชา และพูดอย่างระมัดระวัง
“คุณหนูใหญ่แห่งจวนหลินอ๋อง จวินอู๋เสีย” หลงฉียืดอกตอบ
คุณหนูใหญ่แห่งจวนหลินอ๋อง!
ท่าทางสงบนิ่งของฟ่านฉีแปรเปลี่ยนเป็นตกตะลึงเล็กน้อย กองทัพรุ่ยหลินยอมรับใช้แค่จวินเสี่ยน หลินอ๋องแห่งรัฐชีเพียงคนเดียวเท่านั้น ฮ่องเต้ไม่อาจมีอำนาจเหนือกองทัพรุ่ยหลิน และพวกเขาก็ยอมรับคำสั่งเฉพาะจากผู้ที่มีสายเลือดสกุลจวินเท่านั้น จวินอู๋เสียอาจจะยังเด็กมาก แถมนางยังเป็นเพียงแค่อิสตรี แต่ในเมื่อมีคำว่า ‘จวิน’ อยู่นำหน้าชื่อของนาง ในชื่อก็บอกให้ฟ่านฉีรู้แล้วว่านางมีอำนาจสั่งการกองทัพรุ่ยหลิน!
ฟ่านฉีตั้งใจจะแสร้งทำเหมือนเรื่องทั้งหมดไม่มีอะไรมาก แต่ตอนนี้เขาเริ่มกังวลขึ้นมาแล้ว เมื่อสมาชิกสกุลจวินมาถึงที่นี่ด้วยตัวเอง มันก็ได้เตือนเขาแล้วว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ไม่อาจจัดการอย่างขอไปทีได้อีกต่อไป!
ศิษย์ทุกคนที่เฝ้ามองอย่างตั้งใจจากด้านหลัง เมื่อได้ยินคำพูดของหลงฉีก็พากันทำตาโตจ้องมองเด็กสาวผู้งดงามจนน่าหลงใหลที่ดูเหมือนจะอายุน้อยกว่าพวกเขาทุกคนเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ
นางยังเด็กมากอย่างเห็นได้ชัด แต่กลิ่นอายและบรรยากาศที่แผ่ออกมาจากเด็กสาวคนนี้กลับทำให้ผู้คนลืมเลือนอายุของนาง กระทั่งยามที่นางยืนอยู่ท่ามกลางกองทัพรุ่ยหลินที่สูงใหญ่และน่าเกรงกลัว นางก็ไม่มีทีท่าอ่อนแอเลยแม้แต่น้อย สีหน้าเย็นยะเยือกของนางทำให้ใครก็ไม่อาจเมินเฉยต่อนางได้
ดูราวกับว่านางเกิดมาเพื่อเป็นผู้นำกองทัพที่โจมตีได้ดุดันที่สุดนี้มาตั้งแต่ต้น!
ศิษย์ทุกคนพากันหลงใหลเด็กสาวผู้งดงามคนนั้น พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะทำให้ความงดงามที่สมบูรณ์แบบนั้นต้องแปดเปื้อน พวกเขาก้มหน้าลงและไม่กล้าจ้องมองจวินอู๋เสียตรงๆ
“ที่แท้ก็เป็นคุณหนูจวินนี่เอง ขออภัยที่ข้ามาต้อนรับแขกพิเศษอย่างท่านล่าช้า” ฟ่านฉีพูดพร้อมกับรอยยิ้มเจื่อนๆ เขายังรู้สึกตกใจอยู่
จวินอู๋เสียชำเลืองมองฟ่านฉีแล้วตอบว่า “ไม่จำเป็น ข้ามาที่นี่วันนี้ก็เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กองทัพรุ่ยหลินของเรา สำนักศึกษาเฟิงหัวสัญญาว่าจะให้คำตอบที่น่าพอใจแก่กองทัพรุ่ยหลินของข้า ข้าอยากจะรู้ว่าท่านอาจารย์ใหญ่ได้เร่งพิจารณาเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วหรือไม่”