ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 603 ตบหน้าครั้งที่เจ็ด (10) ตอนที่ 604 ตบหน้าครั้งที่เจ็ด (11)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 603 ตบหน้าครั้งที่เจ็ด (10) ตอนที่ 604 ตบหน้าครั้งที่เจ็ด (11)
ตอนที่ 603 ตบหน้าครั้งที่เจ็ด (10) / ตอนที่ 604 ตบหน้าครั้งที่เจ็ด (11)
ตอนที่ 603 ตบหน้าครั้งที่เจ็ด (10)
ฟ่านจิ่นขบกรามแน่นขณะมองไปที่ฟ่านฉีและก้มหัวลงช้าๆ โดยไม่พูดอะไร
ความเงียบของเขาก็คือการยืนยันต่อคำถามของฟ่านฉี!
ราวสายฟ้าผ่าลงมาที่หัวใจของฟ่านฉี ร่างของเขาโอนเอนไปมา ฟ่านจิ่นรีบเข้ามาพยุงบิดาของเขา
“เสี่ยวซินของข้า…ทำไมเจ้าทำเช่นนั้น…ทำไม…” ฟ่านฉีรู้สึกเหมือนหัวใจกำลังแหลกสลาย เขามองหนิงซินด้วยดวงตาแดงก่ำ
หนิงซินเบิกตากว้างด้วยความหวาดกลัว นางไม่คิดว่าเรื่องจะออกมาเป็นแบบนี้ นางไม่เคยคิดว่าอิ่นเหยียนที่เชื่อฟังคำสั่งของนางมาตลอดจะหันมาแว้งกัดนางในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ และยังเปิดเผยแผนการอื่นๆ ของนางออกมาทั้งหมดอีกด้วย
เรื่องมาถึงขั้นที่ว่าต่อให้จวินอู๋เสียละเว้นนาง ฟ่านฉีก็คงไม่ให้นางอยู่ที่นี่อีกต่อไป ยิ่งกว่านั้นศิษย์สำนักศึกษาเฟิงหัวทุกคนก็มองดูนางด้วยสายตารังเกียจอย่างถึงที่สุด…
มันจบแล้ว…
ทั้งหมดจบสิ้นแล้ว…
ทุกอย่างที่นางทำมาตลอด จบสิ้นลงตรงนี้แล้ว
โลกทั้งใบของนางแตกสลายกลายเป็นผุยผง นางหันไปมองหนิงรุ่ยอย่างระมัดระวัง
และสิ่งที่นางเห็นในดวงตาของหนิงรุ่ยก็ทำให้นางสิ้นหวังมากขึ้น
ท่านพ่อ…
ตัดสินใจทอดทิ้งนางแล้ว!
ใช่สิ นางไม่มีทางออกอีกแล้ว ในตอนที่อิ่นเหยียนเปิดเผยทุกอย่างออกมา มันก็ทำลายโอกาสทั้งหมดของนางที่จะรอดชีวิตกลับไปได้
ก้าวแรกผิด ก้าวต่อๆ มาจึงผิดพลาดทั้งหมด…
ถ้านางไม่ได้ใช้จวินเสียเป็นเครื่องมือเพื่อทำลายชื่อเสียงของฟ่านจิ่น พวกเขาก็จะไม่ถูกรังเกียจมากขนาดนี้ กลุ่มของฟ่านจิ่นในงานล่าวิญญาณก็จะไม่ล้มเหลวในการชักชวนศิษย์คนอื่นๆ ให้เข้ามารวมกลุ่มกับพวกเขา และพวกเขาก็จะพลาดโอกาสร่วมกลุ่มกับยอดฝีมือขั้นสีม่วงที่ซ่อนตัวอยู่ในตึกรอง
สุดท้ายพวกเขาก็จะไม่เข้าไปเจอตอนที่นางพยายามฆ่าทหารกองทัพรุ่ยหลิน
ถ้าพวกเขาไม่ปรากฏตัวขึ้นมา ทหารกองทัพรุ่ยหลินก็จะถูกสัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติฆ่าตายอย่างแน่นอน และจะไม่มีใครรู้เรื่องเหตุการณ์ในวันนั้นตลอดไป นางก็จะยังคงเป็นศิษย์พี่หนิงที่ศิษย์คนอื่นๆ เคารพนับถือต่อไป…
หนิงซินเลิกดิ้นรน นางยิ้มอย่างขมขื่นและพ่ายแพ้โดยสิ้นเชิง
“เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ ท่านอาจารย์ใหญ่และรองอาจารย์ใหญ่มีอะไรจะพูดอีกหรือไม่” จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้นถามหนิงรุ่ยกับฟ่านฉี
ฟ่านฉีหลับตาลงและไม่พูดอะไร เขายังคงเจ็บปวดกับการทรยศของหนิงซิน
ใบหน้าของหนิงรุ่ยมืดมน เขาก้าวออกมาพร้อมยกมือขึ้นและตบหน้าหนิงซินอย่างแรง!
“นังลูกไม่รักดี! ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะทำเรื่องชั่วร้ายไร้มนุษยธรรมและยังทรยศอกตัญญูขนาดนี้! ข้า หนิงรุ่ย ไม่มีลูกสาวที่น่ารังเกียจไร้ความละอายเช่นเจ้าอีกต่อไป!”
หนิงรุ่ยใส่แรงไปมากในการตบนั้น มุมปากของหนิงซินจึงมีคราบเลือดสีแดงสดไหลลงมาจนถึงคาง รอยมือสีแดงเห็นได้อย่างชัดเจนบนใบหน้าของนาง และตบนั้นก็ได้ทำลายความหวังสุดท้ายของนางไปด้วย
“คุณหนูจวิน ข้า หนิงรุ่ย เลี้ยงลูกได้ไม่ดี ทำให้นางก่อเรื่องร้ายแรงเช่นนั้นกับคนของท่าน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หนิงซินไม่ใช่ลูกสาวของข้าอีกต่อไปแล้ว คุณหนูจวินจัดการกับนางตามที่ท่านเห็นสมควรเถิด!” หนิงรุ่ยเดินมายืนข้างหน้าจวินอู๋เสียและประกาศอย่างเคร่งขรึม
จวินอู๋เสียหรี่ตาลงเล็กน้อยขณะที่สังเกตการณ์กระทำของหนิงรุ่ย แววตาของนางทอประกายเย็นยะเยือกและรังเกียจอย่างถึงที่สุด
นั่นเป็นความพยายามที่จะถอยเพื่อรุก!
หากนางเป็นคนอื่น และได้เห็นท่าทีของหนิงรุ่ยรวมกับเห็นว่าหนิงซินต้องเจ็บปวดอย่างมาก คนผู้นั้นก็คงใจอ่อนและตัดสินใจทำเพียงแค่ว่ากล่าวตักเตือนหนิงซินอย่างเข้มงวด และปล่อยนางไปพร้อมตบที่สะโพกสักที
แต่…
จวินอู๋เสียไม่เคยลงมือทำอะไรแบบคนปกติทั่วไป
“เมื่อรองอาจารย์ใหญ่พูดเช่นนั้น ข้าก็จะทำตามที่ท่านพูด” มุมปากของจวินอู๋เสียโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มชั่วร้าย
“หลงฉี!”
“ขอรับ!”
“จับกุมหนิงซิน ลงโทษนางตามกฎของกองทัพ!” จวินอู๋เสียสั่งการ และด้วยการสะบัดมือเพียงครั้งเดียว นางก็โยนร่างหนิงซินที่หวาดกลัวจนแทบบ้าไปให้หลงฉี
หลงฉีรีบคว้าไหล่ของหนิงซินเอาไว้และตอบอย่างหนักแน่นว่า “ขอรับคุณหนูใหญ่!”
หัวใจของหนิงรุ่ยดิ่งลงเหวเมื่อได้ยินคำพูดของจวินอู๋เสีย เขาตั้งใจจะพยายามอีกครั้งเพื่อช่วยหนิงซิน แต่เขาไม่คาดคิดว่าจวินอู๋เสียจะตอบสนองแบบผิดแผกจากชาวบ้านแบบนี้
ตอนที่ 604 ตบหน้าครั้งที่เจ็ด (11)
เขาเล่นบทบิดาที่เหน็ดเหนื่อยทั้งกายและใจไปแล้วเป็นอย่างดี แต่จวินอู๋เสียก็ยังไม่ซาบซึ้งเลยแม้แต่น้อย
หลงฉีสั่งการออกไป ทหารกองทัพรุ่ยหลินสองนายก็ลงจากหลังม้าทันทีและรีบเดินผ่านประตูของสำนักศึกษาเฟิงหัวเข้ามา ทหารทั้งสองถือไม้ยาวหกฉื่อหนาสองนิ้วคนละอันขณะที่เดินเข้ามา
เมื่อเห็นทหารกองทัพรุ่ยหลินทั้งสองคน หนิงรุ่ยก็รู้สึกราวกับว่าโลกดูมืดมิดไปหมดพร้อมกับสังหรณ์ร้ายในใจ
“ตามกฎกองทัพของเรา ให้ลงโทษด้วยการเฆี่ยนด้วยแส้สามสิบครั้งและโบยด้วยไม้หนึ่งร้อยครั้ง” หลงฉีพูดอย่างเฉยชา
เฆี่ยนสามสิบครั้ง…โบยหนึ่งร้อยครั้ง!
เมื่อศิษย์สำนักศึกษาเฟิงหัวทุกคนได้ฟังจำนวนโทษพวกนั้น พวกเขาก็หันไปมองทหารร่างใหญ่ล่ำบึ้กทั้งสองของกองทัพรุ่ยหลินและรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมา
ด้วยร่างกายอันบอบบางของอิสตรี หนิงซินไม่น่าจะทนความเจ็บปวดทรมานได้ แค่การลงโทษอย่างใดอย่างหนึ่งก็สามารถเอาชีวิตนางได้แล้ว
“ไม่…ไม่…” หนิงซินตัวสั่นราวกับใบไม้ต้องลม นางมองทหารสองนายที่ใกล้เข้ามา ไม้พายอันใหญ่และหนักทำให้เย็นวาบไปทั้งแผ่นหลัง นางคิดว่าต่อให้นางต้องตายเพราะความผิดที่นางก่อ มันก็จะเป็นการฆ่าอย่างหมดจดด้วยดาบ นางไม่เคยคิดเลยว่าจวินอู๋เสียไม่มีความคิดที่จะปล่อยให้นางตายไปอย่างง่ายดายนัก
มือของหลงฉีราวกับคีมเหล็กที่จับไหล่หนิงซินเอาไว้แน่นเพื่อไม่ให้ดิ้นรน ไม่ว่าจะรีดเค้นพลังที่มีออกมาทุกหยาดหยดแล้วก็ตาม หนิงซินก็ไม่สามารถเคลื่อนที่ห่างออกไปได้แม้แต่นิ้วเดียว
พละกำลังที่กดไหล่นางเอาไว้ทำให้หนิงซินไม่สามารถขัดขืนได้ นางถูกกดลงกับพื้น ดวงตาเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว ในที่นี้เต็มไปด้วยศิษย์ของสำนักศึกษาเฟิงหัว ทุกคนต่างมองดูสภาพอันน่าอัปยศอดสูของนาง
ศิษย์ทุกคนที่นางเคยรู้สึกว่าไม่มีค่าพอจะปรายตามอง…
“เริ่ม” หลงฉีตะโกน ทหารร่างกายกำยำแข็งแกร่งสองนายที่ยืนอยู่คนละด้านของหนิงซิน ก็ยกไม้พายของพวกเขาขึ้นมาและฟาดมันลงที่ร่างบางอย่างไร้ความปรานี!
เพี๊ยะ!
ไม้พายกระทบลงบนเนื้อเกิดเป็นเสียงดังชัดเจนแหวกผ่านอากาศ
เสียงนั้นทำให้เหล่าศิษย์ทุกคนพากันหวาดกลัวและอดที่จะตัวสั่นไม่ได้
อ๊าาา!!!
แค่การตีครั้งแรกก็ทำให้หนิงซินเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวแล้ว ใบหน้าของนางมีโลหิตไหลลงมา และมีน้ำตาไหลอาบแก้ม
ทหารจากกองทัพรุ่ยหลินไม่แสดงความปรานีและไม่ยั้งมือแม้แต่น้อย ไม้พายเหวี่ยงขึ้นลงสลับกันกระแทกลงบนร่างของหนิงซิน ฟาดไปแค่ไม่กี่ทีเท่านั้น สะโพกของหนิงซินก็มีเลือดออก โลหิตสีแดงสดซึมออกมาเปื้อนอาภรณ์ ร่างของนางกระตุกด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรง นางกัดฟัน สองมือไขว่คว้าอากาศพยายามดิ้นรนเพื่อหลบหนี
หลงฉีก้มลงกดไหล่หนิงซินเอาไว้อย่างแน่นหนา ไม่เปิดโอกาสให้นางดิ้นรนได้อย่างอิสระ
ไม้พายหนาหนักที่ยกขึ้นลงนั้นเปื้อนโลหิตสีแดงสด หยดโลหิตสาดกระเซ็นไปรอบๆ ทหารทั้งสอง พื้นหินอ่อนสีขาวของสำนักศึกษาเฟิงหัวปรากฏจุดสีแดงขึ้น และไม่นานดอกไม้สีแดงนั้นก็เบ่งบานอยู่บนพื้นหินอ่อนดูน่าสะพรึงกลัว
หนิงซินไม่เหลือเรี่ยวแรงพอแม้แต่จะร้องครวญคราง นางขบกรามแน่น โลหิตไหลซึมออกมาที่มุมปาก และหยดลงบนพื้นเบื้องล่าง ดวงตาของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด และภายใต้ความบ้าคลั่งทั้งหมด นางยังสามารถเห็นใบหน้ามากมายรอบตัวนาง
อย่ามองข้า…อย่ามองข้า…
ทำไมต้องทรมานข้าเช่นนี้ด้วย
ทำไมต้องทำให้ข้าตกอยู่ในสภาพน่าสังเวชเพียงนี้
กระทั่งจะตาย ทำไมข้าถึงไม่สามารถตายไปได้ในทันที
ความเจ็บปวดอย่างถึงที่สุดที่นางรู้สึกตรงร่างกายช่วงล่างนั้นทำให้นางเหงื่อออกจนชุ่ม นางสามารถนึกภาพออกเลยว่าตอนนี้นางดูน่าเวทนาและน่ารังเกียจมากแค่ไหน
ตลอดเวลาที่ผ่านมา นางใส่ใจเรื่องภาพลักษณ์ของตัวเองเป็นที่สุด และวันนี้ ต่อหน้าต่อตาศิษย์ทุกคน ทุกสิ่งทุกอย่างได้ถูกทำลายจนสิ้น
ความเจ็บปวดรุนแรงและความอัปยศอดสูอย่างถึงที่สุดทำให้หนิงซินปรารถนาจะตายในทันทีนั้น