ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 657 ถึงผาสุดขอบฟ้า (1) ตอนที่ 658 ถึงผาสุดขอบฟ้า (2)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 657 ถึงผาสุดขอบฟ้า (1) ตอนที่ 658 ถึงผาสุดขอบฟ้า (2)
ตอนที่ 657 ถึงผาสุดขอบฟ้า (1) / ตอนที่ 658 ถึงผาสุดขอบฟ้า (2)
ตอนที่ 657 ถึงผาสุดขอบฟ้า (1)
“ถ้ามันอยู่ในมือของเขาจริงๆ เราก็ไม่ต้องรอจนถึงเดือนสิบ แต่เราสามารถลงมือได้ทันทีที่กลับไปเลย” ฟ่านจัวพูดยิ้มๆ เฉียวฉู่กับสหายทุกคนสมัครเข้าสำนักศึกษาเฟิงหัวเพื่อสืบหาว่าใครคือผู้ถือครองแผนที่ ถ้าพวกเขาแน่ใจในเป้าหมายได้ มันก็จะช่วยประหยัดเวลาไปได้มาก
จวินอู๋เสียพยักหน้า การหาที่ตั้งของสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้นั้นสำคัญกับนางมาก นอกจากจะทำให้นางมีพลังอำนาจมากพอที่จะต่อกรกับสิบสองตำหนักได้แล้ว ยังเป็นการทำเพื่อจวินกู้บิดาของนางด้วย
หยกสงบวิญญาณได้รักษาร่างของจวินกู้เอาไว้ในสภาพสมบูรณ์มากและได้เก็บจิตวิญญาณของเขาเอาไว้ไม่ให้เสียหาย
กองสมบัติในสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิเต็มไปด้วยสมบัติวิเศษที่แข็งแกร่งและหายากที่สุด ในจำนวนนั้นจวินอู๋เสียแน่ใจว่านางจะพบบางอย่างที่สามารถทำให้จวินกู้กลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง!
ถ้าจวินกู้สามารถฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ นางเชื่อว่ามันจะทำให้ท่านอาเล็กกับท่านปู่ของนางมีความสุขมาก
เจ้าแมวดำตัวน้อยคงจะกลืนกินภูติวิญญาณมากเกินไป มันจึงหลับสนิทไปแล้ว จวินอู๋เสียปรึกษาแผนการเดินทางไปยังผาสุดขอบฟ้ากับเฉียวฉู่และคนอื่นๆ อีกเล็กน้อยก่อนจะแยกย้ายกันเข้านอน
มู่เชียนฟานได้สติในอีกสามวันต่อมา อาการบาดเจ็บของเขาค่อนข้างสาหัส หน้าที่ขับรถม้าจึงถูกส่งต่อให้กับเฟยเยียน ‘สาวน้อย’ น่ารักนั่งอยู่ด้านหน้ารถม้าขนาดใหญ่พร้อมด้วยแส้บังคับม้าในมือและฮัมเพลงด้วยน้ำเสียงน่ารัก ขณะที่รถม้าเคลื่อนที่ไป นักเดินทางที่ผ่านมาเป็นครั้งคราวก็อดไม่ได้ที่จะทำตาโตจ้องมองใบหน้าน่ารักของเฟยเยียน และพยายามต่อต้านความต้องการที่จะหยุดรถม้าที่กำลังวิ่งไปอย่างรวดเร็วนั้น
เฟยเยียนยังทำท่ากะพริบตาอย่างเขินอายให้แก่พวกเขาเป็นครั้งคราว เรียกเสียงโห่ร้องจากคนพวกนั้นได้หลายครั้งทีเดียว
ในกลุ่มนี้ คนที่ดูเป็นสตรีมากที่สุดไม่ใช่จวินอู๋เสียหรือหรงรั่วที่เป็นสตรีจริงๆ ในกลุ่ม แต่กลับเป็นเฟยเยียนที่แต่งหญิงแทน
และเฟยเยียนเองก็ไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย เขาเพียงแค่สนุกสนานกับการกระเซ้าเย้าแหย่พวกซื่อบื้อนั่นเท่านั้น
สองวันต่อมา ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงผาสุดขอบฟ้า
พื้นดินไม่มีอะไรเลย หน้าผาชันมากราวกับถูกสวรรค์ตัดแบ่ง และเมื่อมองลงไปจากหน้าผา ก็จะมีแต่ทะเลหมอกสีขาวสุดลูกหูลูกตา หมอกสีขาวยาวไปจนจรดเส้นขอบฟ้าดูไร้ที่สิ้นสุด
ผาสุดขอบฟ้า…จุดสิ้นสุดของแผ่นดินและจุดเริ่มต้นของสรวงสวรรค์!
เฉียวฉู่เดินไปยังขอบหน้าผาและยื่นศีรษะออกไปมอง เขาเห็นเพียงแต่ทะเลสีขาวบริสุทธิ์บดบังด้านล่างเอาไว้
“นี่มัน…ดูน่ากลัวอยู่หน่อยๆ นะ” เฉียวฉู่กลืนน้ำลาย ในสถานที่ที่ถูกหมอกหนาปกคลุมเช่นนี้ ทัศนวิสัยจะคลุมเครือมาก การต้องลงไปในสถานที่แปลกๆ แบบตาบอดย่อมทำให้ผู้คนประสาทเสียได้มาก ยิ่งกว่านั้นพวกเขาก็รู้แล้วว่าภายใต้หมอกหนาจนมองอะไรไม่เห็นนั้น สถานที่นั้นเต็มไปด้วยอันตรายนับไม่ถ้วน
มู่เชียนฟานยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ เขาต้องการลงไปข้างล่างกับพวกเขาด้วย แต่ถูกจวินอู๋เสียปฏิเสธอย่างเฉียบขาด ไม่ว่าเขาจะอ้อนวอนมากขนาดไหนนางก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้
เฉียวฉู่กับคนอื่นๆ รวบรวมเก็บข้าวของทุกอย่างให้เรียบร้อย แล้วสะพายของทั้งหมดไว้บนหลัง มือคว้าเชือกม้วนใหญ่ขณะเตรียมตัวให้พร้อมอยู่ใกล้กับริมหน้าผา
ผู้คุ้มกันสองคนที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด เยี่ยเม่ยกับเยี่ยซาปรากฏตัวขึ้นทันที พวกเขายืนอยู่ระหว่างจวินอู๋เสียกับริมหน้าผา
“คุณหนูใหญ่ขอรับ จะลงไปข้างล่างทำไมหรือขอรับ” เยี่ยซาถามพร้อมกับมองดูจวินอู๋เสีย ทั้งเขาและเยี่ยเม่ยสัมผัสได้ว่าที่นั่นมีบางอย่างที่น่าสะพรึงกลัวซ่อนอยู่ภายใต้หมอกหนา
“สุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ” จวินอู๋เสียตอบ
เยี่ยซาและเยี่ยเม่ยตกตะลึงจนพูดไม่ออกในทันที พวกเขาทั้งคู่สบตากันและเห็นแววตาเหลือเชื่ออย่างถึงที่สุดในดวงตาที่เบิกกว้างของอีกฝ่าย
“คุ…คุณ…คุณหนูใหญ่ พูดว่าอะไรนะขอรับ” เยี่ยเม่ยเชื่อว่าเขาคงฟังอะไรผิดไปแน่
สุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิอย่างนั้นหรือ
สุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ!
นายท่านของเขาไปมีสุสานตั้งแต่เมื่อไรกัน…
นายท่านผู้สูงส่งของเขายังมีชีวิตอยู่ดีนะเฮ้ย!
จวินอู๋เสียพูดซ้ำคำเดิมอีกครั้ง
เยี่ยซากับเยี่ยเม่ยยิ่งมีสีหน้าน่ากลัวมากขึ้นไปอีก!
เจ้าพวกสมควรตาย!
ใครมันบังอาจทำเรื่องบัดซบสารเลวเช่นนี้! นายท่านของเขายังมีชีวิตอยู่และแข็งแรงดีด้วย! ใครหน้าไหนมันมาสร้างสุสานบัดซบนี้ขึ้น!
ตอนที่ 658 ถึงผาสุดขอบฟ้า (2)
เยี่ยซาและเยี่ยเม่ยโมโหจนเกือบจะคลั่ง! สุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดินี้มันโผล่ขึ้นมาจากนรกขุมไหนกัน!
“คุณหนูใหญ่…คุณหนูใหญ่รู้เรื่องสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิมาจากไหนหรือขอรับ” เยี่ยซาถามอย่างระมัดระวัง
“มันเป็นเรื่องที่รู้กันดีในสามโลกชั้นกลางน่ะ นานมาแล้วเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิได้เสียชีวิตลง ผู้คนจากดินแดนเทพมารจึงสร้างสุสานขึ้นมา ที่ตั้งของสุสานนั้นเป็นปริศนามาตลอด พูดกันว่าสมบัติวิเศษทั้งหมดที่เทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิได้รับมาตลอดรัชสมัยของพระองค์ถูกฝังไว้พร้อมกับร่างของพระองค์ในสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ ทำให้สิบสองตำหนักส่งคนลงมาที่สามโลกเบื้องล่างนับไม่ถ้วนเพื่อค้นหามัน” เฉียวฉู่รู้ว่าจวินอู๋เสียอธิบายอะไรยาวๆ ไม่เก่ง เขาจึงช่วยอธิบายแทน
เยี่ยซากับเยี่ยเม่ยเบิกตากว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาได้ยินคำว่า ‘เทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิได้เสียชีวิตลง’ ไฟโทสะก็ลุกพรึ่บอยู่ในดวงตาของพวกเขา
แต่สิ่งที่เติมเชื้อเพลิงให้พวกเขาโกรธมากขึ้น ก็คือตอนที่พวกเขาได้ยินว่าสิบสองตำหนักเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย!
“เทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ…แค่กๆ ใครเป็นคนเผยแพร่ข่าวนี้ออกไปหรือขอรับ” เยี่ยซาไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยคำว่า ‘เสียชีวิต’ กับนายท่าน ถึงมันจะเป็นแค่การเปรียบเปรย มันก็ยังเป็นการหมิ่นเกียรติของนายท่านของเขาอยู่ดี
“เอ่อ…เรื่องนั้น ข้าก็ไม่รู้ แต่ตอนนั้นเกิดความอลหม่านวุ่นวายครั้งใหญ่ขึ้นในดินแดนเทพมาร เทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิตายได้อย่างไรและทำไมไม่มีใครรู้ แต่สุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิก็เป็นสิ่งที่ทุกคนในสามโลกชั้นกลางใฝ่ฝันจะได้พบ” เฉียวฉู่ตอบพร้อมกับเกาหัว เขาได้เห็นความสามารถของเยี่ยซามาก่อน เขาแข็งแกร่งมากพอที่จะต่อกรกับคนจากสิบสองตำหนักได้ เฉียวฉู่จึงคิดว่าเยี่ยเม่ยกับเยี่ยซามาจากสามโลกชั้นกลาง แต่…
พวกเขาดูเหมือนจะไม่รู้เรื่องการเสียชีวิตของเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิที่รู้กันไปทั่วเลยแม้แต่น้อย
“เทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิเสียชีวิตไปหลายร้อยปีก่อน สุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิถูกสร้างในปีถัดมา มีอะไรอย่างนั้นหรือ” เฉียวฉู่ถามอย่างซื่อๆ
ทั้งเยี่ยซาและเยี่ยเม่ยรู้สึกเหมือนมุมปากของพวกเขาเริ่มกระตุก
“โปรดรอสักครู่นะขอรับ”
หลังจากพูดเช่นนั้น ทั้งสองก็เดินออกไปกระซิบคุยกันที่ด้านข้างทันที
“ไม่มีใครรู้เรื่องที่นายท่านถูกผนึกอยู่ที่สามโลกเบื้องล่างนี่ อย่าบอกข้านะว่าเจ้าโง่ที่ดินแดนเทพมารพวกนั้นคิดจริงๆ ว่านายท่าน…เอ่อ…ไม่อยู่แล้ว” เยี่ยซากระซิบด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
เยี่ยเม่ยพยักหน้า
“นั่นน่าจะไม่ไกลจากความเป็นจริงนัก ข้าเพิ่งนึกได้ว่ามีเพียงพวกเราไม่กี่คนเท่านั้นที่อยู่กับนายท่าน และมีแค่พวกเราเท่านั้นที่รู้ความจริงว่านายท่านถูกผนึกอยู่ที่นี่ ตอนนั้นเรารู้เพียงว่านายท่านอยู่ที่ไหนสักแห่งในสามโลกเบื้องล่าง แต่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนแน่ พวกเราทุกคนค้นหากันอย่างมืดแปดด้านมาตลอด แต่ไม่มีสักคนที่กลับไปแจ้งแก่ดินแดนเทพมาร…ข้าเกรงว่าเจ้าพวกนั้นคงคิดจริงๆ ว่านายท่านของเรา…นั่นเป็นสาเหตุที่สุสานนี้โผล่มาได้อย่างไร” เยี่ยเม่ยรู้สึกปวดหัวอย่างหนัก
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนั้น ไม่มีผู้ใดในสามโลกชั้นกลางรู้เลยสักคน มีเพียงพวกเขาที่อยู่กับจวินอู๋เย่าแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ พอจวินอู๋เย่าถูกผนึก พวกเขาทุกคนก็กระวนกระวายแทบบ้า และพากันเสียสติคิดอะไรไม่ออกนอกจากตามหาจวินอู๋เย่าเท่านั้น ไม่มีสักคนที่คิดจะกลับไปส่งข่าวที่ดินแดนเทพมาร
“นี่มัน…เรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!” เยี่ยซาพูดพร้อมกับถอนใจหนักๆ
“แต่เรายังแน่ใจไม่ได้นะ นี่เป็นแค่การคาดเดาเท่านั้น เราไม่รู้แน่ชัดว่าสถานที่นี้ถูกสร้างโดยดินแดนเทพมารจริงๆ หรือเปล่า” เยี่ยเม่ยเตือนเยี่ยซา
“แต่คุณหนูใหญ่ดูจะสนใจที่นี่มากเลยนะ!” เยี่ยซาสูญเสียความทรงจำในอดีตของเขา และเขามักจะสงสัยอยู่เสมอที่จวินอู๋เสียเลือกเดินทางไปกับเฉียวฉู่และคนอื่นๆ ตอนนี้สิ่งต่างๆ เริ่มกระจ่างขึ้นมาแล้ว
คุณหนูใหญ่ตั้งใจจะเข้าร่วมกับเด็กพวกนั้นขุดสุสาน ‘ปลอม’ ของนายท่านขึ้นมา!
เยี่ยซาไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
“เราควรเปิดเผยความจริงให้คุณหนูใหญ่รู้หรือไม่” เยี่ยซารู้สึกขัดแย้งในตัวเองอย่างรุนแรง ถ้าด้านล่างผาสุดขอบฟ้าถูกออกแบบและสร้างโดยดินแดนเทพมารจริงๆ เช่นนั้นสถานที่นั้นก็จะเป็นสถานที่ลึกลับและอันตรายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย