ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 663 ด้านล่างผาสุดขอบฟ้า (1) ตอนที่ 664 ด้านล่างผาสุดขอบฟ้า (2)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 663 ด้านล่างผาสุดขอบฟ้า (1) ตอนที่ 664 ด้านล่างผาสุดขอบฟ้า (2)
ตอนที่ 663 ด้านล่างผาสุดขอบฟ้า (1) / ตอนที่ 664 ด้านล่างผาสุดขอบฟ้า (2)
ตอนที่ 663 ด้านล่างผาสุดขอบฟ้า (1)
สายลมพัดมาด้วยความเร็วสูงและแรงมาก จวินอู๋เสียที่ห้อยอยู่กับเชือกเริ่มแกว่งไปมา สิ่งที่นางทำได้มีเพียงขดตัวเอาไว้และทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดลงไปที่เท้าที่เหยียบอยู่บนหน้าผา
ลมประหลาดเย็นเฉียบที่พัดมาอย่างกะทันหันพัดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหยุดลง แต่หลังจากนั้นไม่นานมันก็เริ่มโหมกรรโชกใหม่อีกครั้ง!
ลมที่ไม่มีจังหวะและรูปแบบที่แน่นอนนั้น ดูเหมือนจะตั้งใจทำให้ทุกคนหลุดออกจากเชือกและหล่นลงไปในหุบเหวลึก สำหรับพวกเขาที่ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากอยู่แล้วนั้น ลมได้กลายมาเป็นอีกอุปสรรคหนึ่งต่อจวินอู๋เสียและสหายของนาง
พวกเขาต้องเร่งให้เร็วขึ้น!
จวินอู๋เสียสูดหายใจเข้าลึก การเผชิญกับอุณหภูมิที่ต่ำจนหนาวเยือกไปพร้อมกับการไต่ลงหน้าผาที่ทั้งเปียกและลื่น การต้องคอยรักษาเชือกเอาไว้ไม่ให้น้ำค้างแข็งเกาะพร้อมกับมีบางอย่างในหมอกที่ดูดเอาพลังวิญญาณของพวกเขาออกไปอย่างต่อเนื่อง และตอนนี้ก็ยังมีลมแรงที่เอาแน่เอานอนไม่ได้พยายามจะทำให้พวกเขาหลุดออกจากตำแหน่งอันหมิ่นเหม่บนเชือก ทำให้คณะเดินทางทุกคนเริ่มตื่นตัวและตึงเครียด
การต้องทนทรมานกับสิ่งเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง ทำให้จิตใจของจวินอู๋เสียเครียดจนถึงขีดจำกัด
ไม่ใช่แค่นางเท่านั้น แม้แต่เยี่ยซากับเยี่ยเม่ยที่มีความสามารถสูงกว่าพวกเขามากก็ยังเกือบตกลงสู่หุบเหวลึกที่ดูเหมือนจะไร้ก้น ผลที่ออกมาย่อมเป็นความตายอย่างแน่นอน!
การติดอยู่ในสถานการณ์น่ากลัวเช่นนั้น ความแข็งแกร่งและพลังอำนาจของมนุษย์ ดูเหมือนจะเล็กจ้อยไปเลย
พลังของธรรมชาติไม่ใช่สิ่งที่สิ่งมีชีวิตทั้งหลายจะสามารถต้านทานได้!
สายลมแรงที่พัดกระหน่ำทำให้ทุกคนต้องตั้งสติเอาไว้ให้มั่นแล้วรีบไต่ลงไปด้านล่างอย่างรวดเร็ว
เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่ทราบ ในที่สุดเยี่ยซากับเยี่ยเม่ยก็รู้สึกถึงบางสิ่งนอกเหนือไปจากความว่างเปล่าที่ใต้เท้าของพวกเขา พวกเขารู้สึกถึงพื้นดินขณะที่เหยียบลงไป!
ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงจวินอู๋เสียกับสหายของนาง แม้แต่พวกเขาสองคนก็แทบเป็นบ้าจากความทรมานที่ทำลายประสาทของพวกเขาตลอดระยะทางที่ไต่ลงมา!
“คุณหนูใหญ่! พวกเราถึงก้นเหวแล้วขอรับ!”
เสียงของเยี่ยซาดังขึ้นในความมืด
เสียงทุ้มห้าวเย็นชาของเยี่ยซาฟังเหมือนเสียงดนตรีแห่งสวรรค์ขึ้นมาทันทีสำหรับคณะเดินทางทุกคน!
จวินอู๋เสียกับคนอื่นๆ ปีนลงด้านล่างผาอย่างเร็วที่สุดเท่าที่พวกเขาจะทำได้ ด้วยการทุ่มกำลังครั้งสุดท้าย ช่วงเวลาที่เท้าของพวกเขาแตะพื้นแข็งๆ ความกลัวและความรู้สึกไม่ปลอดภัยที่พวกเขามีในตอนที่ห้อยอยู่บนเชือกก็หายไปในทันที!
เฉียวฉู่เกือบร้องไห้ออกมาด้วยความยินดี!
“ในที่สุดพวกเราก็ลงมาถึงที่นี่จนได้ นี่มันเทพชัดๆ! ข้าเกือบคิดว่าผาสุดขอบฟ้าไม่มีก้นเหวเสียแล้ว!” เฉียวฉู่ร้องตะโกนพร้อมกับตบที่หน้าอกตรงหัวใจของเขา ถึงแม้เขาจะเหนื่อยมาก แต่ไม่มีอะไรที่ทำให้เขามั่นใจได้มากไปกว่าพื้นดินแน่นๆ ที่สองเท้าของเขาเหยียบลงไปในตอนนี้อีกแล้ว
ด้านล่างของผาอันมืดสนิทมีอุณหภูมิต่ำมากจนทำให้ฟันของพวกเขากระทบกัน การไต่เชือกด้วยระยะทางไกลอย่างยากลำบาก แทบจะทำเอาให้กลุ่มผู้เยาว์หมดเรี่ยวแรง หลังจากความดีใจในตอนแรกจางหายไป ความเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าก็เข้าจู่โจมพวกเขาอย่างรวดเร็ว!
ทันใดนั้นพวกเขาก็พบว่ามันยากที่จะทรงตัวยืนเอาไว้ได้ เฉียวฉู่กับคนอื่นๆ เกาะผนังหน้าผาที่เปียกและเย็นเฉียบเอาไว้ พยายามทรงตัวให้ตรงอย่างเต็มที่
จวินอู๋เสียก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันนัก แต่ในใจของนางสงบนิ่งมาก นางหยิบผลึกไฟที่พวกเขาเตรียมไว้ก่อนหน้านี้ออกมา ในสถานที่ที่หนาวเย็นและเปียกชื้นอย่างด้านล่างผานี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะจุดไฟติด ความชื้นที่สูงทำให้ไฟเผาไหม้ต่อไปไม่ได้
แต่ผลึกไฟที่นางถืออยู่ในมือนั้นแตกต่างกัน
ผลึกไฟไม่ได้บรรจุเปลวไฟจริงๆ เอาไว้ แต่มันต้องใช้การเผาผลาญหินวิญญาณเพื่อให้มีแสงสว่าง
ราคาของผลึกไฟนั้นสูงมาก และการทำให้มันส่องแสงขึ้นมาก็ต้องใช้หินวิญญาณเป็นเชื้อเพลิง นั่นหมายความว่าทุกนาทีที่ใช้ผลึกไฟก็เท่ากับการผลาญเงินไปเป็นจำนวนมาก
จวินอู๋เสียไม่เคยรู้ว่ามีของแบบนี้มาก่อน นางเพิ่งรู้เรื่องของมันจากมู่เชียนฟาน
มู่เชียนฟานรู้จักผลึกไฟมานานแล้ว แต่ราคาที่สูงเกินไปจะเป็นการผลาญเงินครั้งใหญ่ เขาจึงไม่เคยซื้อมันมาก่อน แต่จวินอู๋เสียนั้นไม่มีปัญหาเรื่องเงิน
ตอนที่ 664 ด้านล่างผาสุดขอบฟ้า (2)
นางสั่งให้มู่เชียนฟานกวาดผลึกไฟจากตำบลชานหลินมาจนเกลี้ยง
เนื่องจากราคาที่สูงมาก ทำให้มีอยู่ไม่กี่แห่งเท่านั้นที่มีผลึกไฟขาย ถึงแม้ตำบลชานหลินจะเป็นตำบลที่พลุกพล่านวุ่นวาย แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ของพวกเขาก็เป็นเพียงศิษย์จากสำนักศึกษาเฟิงหัวเท่านั้น ดังนั้นจึงยากที่จะหาร้านที่ขายของพวกนี้ได้เนื่องจากความต้องการซื้อต่ำ
มู่เชียนฟานหาซื้อมาได้แค่สามดวงเท่านั้น และทั้งหมดก็มาจากโรงประมูลชานหลิน ราคาที่เขาจ่ายไปจึงยิ่งสูง
จวินอู๋เสียยังมีหินวิญญาณระดับต่ำที่พวกเขาเก็บรวบรวมมาจากป่าประลองวิญญาณอยู่อีกกองหนึ่ง เนื่องจากโรงประมูลชานหลินรับแค่หินวิญญาณระดับกลางขึ้นไปเท่านั้น หินวิญญาณระดับต่ำจำนวนมากจึงถูกทิ้งไว้ในถุงเอกภพของจวินอู๋เสีย และตอนนี้มันก็มีประโยชน์ขึ้นมาแล้ว
ผลึกไฟถูกผลักออกไปในความมืดที่ด้านล่างผาสุดขอบฟ้า สร้างความสว่างขึ้นในพื้นที่เล็กๆ
ฮวาเหยากับหรงรั่วมีผลึกไฟอีกสองดวง พวกเขาไม่ลังเลที่จะจุดไฟขึ้นหลังจากจวินอู๋เสียนำผลึกไฟอันแรกออกมาใช้
ไฟจากผลึกไฟทั้งสามดวงสร้างความสว่างให้แก่บริเวณโดยรอบ
และเมื่อมองออกไป ทุกคนก็พากันตะลึงงัน!
มันไม่ใช่พื้นดินแข็งๆ ที่อยู่ใต้เท้าของพวกเขา!
กระดูกสีขาวกองทับถมเต็มพื้นรอบตัวพวกเขา เศษกระดูกแตกเล็กๆ อุดเต็มช่องว่างระหว่างกระดูกชิ้นใหญ่ๆ และไอน้ำในอากาศก็แช่แข็งกระดูกเหล่านั้นเข้าด้วยกัน สร้าง ‘ดินแดนกระดูก’ อันกว้างใหญ่ขึ้นมา
“นี่…จากผู้คนที่เอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่ผาสุดขอบฟ้าอย่างนั้นหรือ” เฉียวฉู่อ้าปากค้างอย่างสะพรึง เขาเพิ่งมองเห็นและทันใดนั้นก็พบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่บนกองกระดูกที่ทับถมกันเต็มพื้นที่ เขาแทบจะหัวใจวายด้วยความตกใจ
“ก็คงอย่างนั้น” จวินอู๋เสียตอบพลางกวาดสายตาไปทั่วพื้นกระดูกที่นางยืนอยู่ กระดูกส่วนใหญ่แตกละเอียด นางไม่เห็นกระดูกที่ยังสมบูรณ์ดีเลยสักชิ้น พวกเขายังยืนอยู่ใกล้กับผนังหน้าผาและดูจากตำแหน่งที่พวกเขายืนอยู่ นางสันนิษฐานว่ากระดูกทั้งหมดเป็นของคนที่พยายามจะปีนหน้าผาลงมา แต่ตกลงมาตายที่ด้านล่างนี่ และกระดูกก็กองรวมกันอยู่ที่นี่
“คนพวกนี้ตายมานานแล้ว” จวินอู๋เสียวัดจากชั้นน้ำแข็งบนกระดูก เป็นไปไม่ได้ที่คนพวกนี้เพิ่งตายที่นี่เมื่อไม่นานมานี้
กระดูกพวกนั้นมองเห็นได้อย่างชัดเจน พวกมันถูกฝังอยู่ในชั้นน้ำแข็งหนา จากที่นางประเมินและสังเกตระดับความชื้นที่ด้านล่างผา สำหรับชั้นน้ำแข็งที่หนาขนาดนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นได้ในเวลาแค่ไม่กี่ปี
เมื่อศพเกิดการเน่าเปื่อยขึ้นในสภาพเปียกชื้นเช่นนี้ กระบวนการจะถูกเร่งให้เร็วขึ้น และจะเหลือแค่กระดูกสีขาวเท่านั้น น้ำแข็งจะก่อตัวบนกระดูกพวกนั้นอย่างช้าๆ และค่อยๆ สะสมจนกลายเป็นชั้นน้ำแข็งหนา
“ข่าวลือของผาสุดขอบฟ้าแพร่กระจายไปนานแล้ว ตอนแรกก็มีคนจำนวนมากออกมาท้าทาย แต่เมื่อคนแล้วคนเล่าได้ตายลงจากความพยายามนั้น ผู้คนก็เลิกมาที่นี่ จนถึงตอนนี้มีคนจำนวนน้อยนิดที่รู้ที่ตั้งของผาสุดขอบฟ้า” เฟยเยียนยืนยันการคาดเดาของจวินอู๋เสียด้วยข้อมูลที่เขารวบรวมมาได้
จวินอู๋เสียพยักหน้าเล็กน้อย และหยิบเอาขวดกระเบื้องเคลือบสีขาวออกมาจากถุงเอกภพ นางเปิดจุกออกแล้วเทโอสถลงบนฝ่ามือหลายเม็ด
“มีพิษอยู่ในหมอก กินโอสถนี่ก่อน”
“น้องเสียรอบคอบที่สุดเลย” เฉียวฉู่เดินเข้าไปหานางด้วยรอยยิ้มและหยิบโอสถหนึ่งเม็ดเข้าปาก ไม่แม้แต่จะถามว่ามันคือโอสถอะไร
ฮวาเหยา หรงรั่ว และเฟยเยียนก็หยิบกันไปคนละเม็ด เยี่ยซากับเยี่ยเม่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่พวกเขาก็รีบหยิบใส่ปากกันคนละเม็ดทันทีเมื่อจวินอู๋เสียจ้องมองพวกเขาอย่างหงุดหงิด
ในเรื่องพิษต่างๆ ที่ดินแดนเทพมารใช้ พวกเขาสองคนคุ้นเคยกับพวกมันดีและต้านทานพิษพวกนี้ได้มานานแล้ว แต่ก่อนที่พวกเขาจะแน่ใจได้ว่าที่นี่เป็นฝีมือของคนดินแดนเทพมาร การระวังให้มากขึ้นไว้ก่อนก็ไม่เสียหายอะไร