ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 665 ด้านล่างผาสุดขอบฟ้า (3) ตอนที่ 666 ดินแดนแห่งความตาย (1)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 665 ด้านล่างผาสุดขอบฟ้า (3) ตอนที่ 666 ดินแดนแห่งความตาย (1)
ตอนที่ 665 ด้านล่างผาสุดขอบฟ้า (3) / ตอนที่ 666 ดินแดนแห่งความตาย (1)
ตอนที่ 665 ด้านล่างผาสุดขอบฟ้า (3)
หลังจากทุกคนกลืนโอสถลงไปแล้ว จวินอู๋เสียก็ไม่ได้ลงมือทำอะไรในทันที
“เสี่ยวเฮย”
จวินอู๋เสียเรียกแมวดำตัวน้อยออกมา ในตอนที่เจ้าแมวดำตัวน้อยปรากฏตัวขึ้น มันก็กลายร่างเป็นสัตว์ร้ายสีดำขนาดตัวมหึมาทันที เจ้าแมวดำเอนร่างแนบชิดกับจวินอู๋เสียแล้วม้วนหางของมันรอบตัวนาง ใช้ร่างอันอบอุ่นของมันโอบรอบจวินอู๋เสียที่หนาวสั่นเล็กน้อย
“พวกเจ้าก็มาด้วยสิ” ทันทีที่นางสัมผัสกับเจ้าสัตว์ร้ายสีดำ จวินอู๋เสียก็หายหนาวในที่สุด ภายใต้ความอบอุ่นของสัตว์ร้ายสีดำ แขนขาของนางค่อยๆ กลับมาใช้งานได้อย่างเต็มที่อีกครั้ง
เฉียวฉู่กับคนอื่นๆ เข้าใจสิ่งที่จวินอู๋เสียต้องการในทันที พวกเขารีบเข้ามาเบียดกับสัตว์ร้ายสีดำเพื่อขอความอบอุ่น เฉียวฉู่เรียกกุ๋นกุ่นออกมาด้วย เจ้ากุ๋นกุ่นขนฟูหนาก็ยื่นแขนออกมาทั้งสองข้างแล้วโอบกอดทุกคนเข้าด้วยกันรวมทั้งสัตว์ร้ายสีดำด้วย
การติดอยู่ในสภาพอากาศที่หนาวเย็น ทำให้พวกเขาไม่สามารถฟื้นกำลังขึ้นมาได้ เนื่องจากพวกเขาต้องใช้พลังวิญญาณในการขจัดความหนาวเย็นอย่างต่อเนื่อง ชุดที่พวกเขาใส่ถูกปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็ง และไม่สามารถรักษาความร้อนในร่างกายเอาไว้ได้อีกต่อไป
เมื่อมีเจ้าสัตว์ร้ายสีดำกับกุ๋นกุ่นอยู่ด้วย ในที่สุดพวกเขาก็สามารถปลดพลังวิญญาณที่ปกคลุมร่างพวกเขาออกได้ และมีความสุขกับช่วงเวลาพักผ่อนในอ้อมกอดอันแสนนุ่มฟูอบอุ่น พร้อมกับฟื้นฟูพละกำลังและพลังวิญญาณที่เสียไปของพวกเขาด้วย
แบ๊ะ ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะที่เยี่ยซาอุ้มเอาไว้กระโดดลงมาบนพื้น มันสะบัดตัวไล่หยดน้ำออกจากร่าง และทันใดนั้นก็แปลงร่างเป็นสัตว์เก้าหางขนาดยักษ์ ตัวของมันเกือบครึ่งหนึ่งหายไปในหมอก ถูกซ่อนจากสายตาของพวกเขา มันหมอบลงบนพื้นอย่างเชื่อฟัง หางฟูนุ่มขนาดยักษ์ทั้งเก้าหางของมันม้วนพันรอบเจ้าสัตว์ร้ายสีดำ กุ๋นกุ่น และทุกๆ คนให้เข้ามาชิดกับพุงมันซึ่งเป็นจุดที่อบอุ่นที่สุด ช่วยขับไล่ความหนาวเย็นในร่างกายของพวกเขาทุกคน
จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้นมองเข้าไปในดวงตาเอาจริงเอาจังอย่างไม่น่าเชื่อของใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะ แววตาของจวินอู๋เสียอ่อนโยนลงเล็กน้อย นางยกมือขึ้นตบเบาๆ ที่หางของใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะก่อนจะหลับตาลง มีความสุขกับช่วงเวลาดีๆ และความอบอุ่นรอบตัวนาง จากนั้นก็ตั้งสมาธิไปที่การฟื้นฟูตัวเอง
หมายความว่า ‘ใต้เท้าเจ้านาย’ ยกโทษให้ข้าแล้วใช่หรือไม่
ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะกะพริบตาอย่างมีความสุข ตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งที่แล้ว มันก็จมอยู่แต่กับความรู้สึกผิดอย่างไม่สิ้นสุด ตอนนี้โอกาสที่จะทำให้ ‘ใต้เท้าเจ้านาย’ ของมันยกโทษให้กับมันมาอยู่ตรงหน้าแล้ว ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะจึงมุ่งมั่นมาก มันเพิ่มอุณหภูมิร่างกายให้มากขึ้นอีกเล็กน้อย ทำให้ความอบอุ่นภายใน ‘วงล้อม’ ขนปุยเพิ่มขึ้นมาก!
อำนาจของสัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติฉายแสงโชติช่วงขึ้นมาในตอนนั้นเอง ความอบอุ่นของใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะเป็นสิ่งที่สวรรค์ส่งมาให้โดยแท้ เกือบจะทำให้ทุกคนลืมไปว่าเมื่อสักครู่นี้เพิ่งจะหนาวจนเสียดกระดูกมากขนาดไหน
ถึงแม้มันจะยั่วใจจนไม่อาจปฏิเสธได้ จวินอู๋เสียกับสหายของนางก็ไม่กล้าปล่อยตัวปล่อยใจให้เสียเวลาไปมากนัก พวกเขาเพิ่งมาถึงก้นเหว การสำรวจพื้นที่เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น เสบียงอาหารและน้ำของพวกเขามีจำกัด พวกเขาไม่สามารถอยู่ที่นี่นานเกินไปได้
พวกเขาใช้เวลาฟื้นฟูกำลังและพลังวิญญาณอยู่ครึ่งวัน ชุดของพวกเขาแห้งจากความร้อนในอ้อมกอดอันอบอุ่นของใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะ
“เจ้าสามารถหาตำแหน่งของพวกเราในแผนที่ได้หรือเปล่า” จวินอู๋เสียหันไปถามเฟยเยียน เฟยเยียนมีปฏิภาณไหวพริบและสายตาแหลมคมต่อสภาพภูมิประเทศมากกว่าใครในที่นี้
เฟยเยียนส่ายหน้าและพูดว่า “ทัศนวิสัยที่นี่ต่ำเกินไป ข้าไม่สามารถเทียบพื้นที่เข้ากับแผนที่ได้เลย แต่มันก็แปลกมาก ถ้าทัศนวิสัยที่นี่เป็นแบบนี้อยู่เสมอ ต่อให้มีแผนที่ฉบับสมบูรณ์ มันก็ยังยากที่จะหาทิศทางได้อยู่ดี เว้นแต่ว่าจะมีแผนที่ส่วนหนึ่งแสดงจุดที่คนไต่ลงมาจากผาสุดขอบฟ้าซึ่งจะทำให้เราชี้ตำแหน่งจุดสังเกตทั้งหมดบนแผนที่ได้อย่างแม่นยำ”
เมื่อไม่มีจุดที่ใช้อ้างอิงได้อย่างถูกต้อง พวกเขาก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าพวกเขาอยู่ตรงไหนในแผนที่ ทำให้แผนที่กลายเป็นสิ่งไร้ประโยชน์สำหรับพวกเขา
“เราจะดูรอบๆ เพื่อทำความเข้าใจสถานที่กันก่อน อะไรก็ตามที่เราพบเจอที่นี่จะช่วยเราได้อย่างแน่นอนในอนาคต”
เฟยเยียนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
พวกเขาทั้งหมดตัดสินใจออกเดินทางเพื่อสำรวจพื้นที่ต่อไป
ตอนที่ 666 ดินแดนแห่งความตาย (1)
เมื่อไม่ต้องหวาดกลัวหมอกพิษ พวกเขาก็ลดเรื่องที่ต้องกังวลเกี่ยวกับเส้นทางข้างหน้าไปได้หนึ่งอย่าง
ดินแดนกระดูกใต้เท้าพวกเขาขยายกว้างออกไปด้านหน้า ขณะที่พวกเขาเคลื่อนที่ไป ชั้นกระดูกก็บางลงและพวกเขาก็เห็นแสงจากผลึกไฟสะท้อนจากดาบของทหารที่ถูกผนึกอยู่ใต้น้ำแข็ง น้ำแข็งส่องประกายระยิบระยับภายใต้แสงไฟ ราวกับเป็นเส้นทางแห่งดวงดาวที่ส่องแสงพร่างพรายไปตลอดเส้นทางข้างหน้า
มู่เชียนฟานบอกพวกเขาว่า ที่ด้านล่างผาสุดขอบฟ้านั้นมีสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวซ่อนอยู่ภายในหมอกหนาทึบจนมองอะไรไม่เห็น
ไม่นานทางเดินกระดูกน้ำแข็งก็ค่อยๆ บางลงก่อนภูมิประเทศจะเปลี่ยนไปอีกครั้ง พื้นดินปกคลุมด้วยตะไคร่ ผลึกไฟส่องให้เห็นพื้นที่หลายเมตรรอบตัว มู่เชียนฟานไม่ได้ใช้ผลึกไฟในครั้งที่แล้ว และแม้ว่าพวกเขาสามารถมองเห็นหนทางข้างหน้าได้ แสงสว่างที่พวกเขาใช้ก็ไม่ได้ทำให้เห็นทางได้ชัดเจนนัก
ความได้เปรียบของผลึกไฟได้แสดงออกมาในสถานการณ์นี้ เนื่องจากจวินอู๋เสียสามารถมองเห็นทุกสิ่งที่แสงไฟส่องไปถึงได้อย่างชัดเจน
ตะไคร่สีเขียวขึ้นเต็มไปหมด พวกมันปกคลุมทั่วพื้นดินอย่างหนาแน่น ทำให้ทางเดินลื่นและเหนอะหนะ ทุกย่างก้าวต้องใช้ความระมัดระวังเพื่อไม่ให้หกล้มโดยไม่จำเป็น
จวินอู๋เสียหยิบกระบองสามท่อนออกมา มันทำขึ้นจากไม้และเบามาก ข้อต่อเชื่อมด้วยโซ่โลหะสั้น กระบองสามท่อนนั้นสามารถเอามาต่อกันได้ด้วยการหมุนตามเข็มนาฬิกา เมื่อต่อเข้าด้วยกันแล้ว มันก็จะกลายเป็นกระบองไม้เรียบๆ อันหนึ่ง
มันเป็นกระบองที่ผู้คนใช้ฝึกฝนในทุกๆ วัน แต่จวินอู๋เสียใช้มันตรวจสอบพื้นดิน!
ตะไคร่สีเขียวครอบคลุมพื้นดินเป็นบริเวณกว้าง ทุกหนทุกแห่งจึงดูเหมือนกันไปหมด แต่ภายใต้ตะไคร่สีเขียวกว้างใหญ่พวกนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่พวกมันจะเป็นบ่อน้ำลึกที่อันตรายถึงตายได้
จวินอู๋เสียเดินนำหน้า ใช้กระบองในมือทิ่มลงไปที่พื้นดินเพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัยก่อนที่จะเหยียบลงไป ด้านหลังนางคือเฉียวฉู่กับคนอื่นๆ ที่เดินเรียงแถวตอนเดียว พวกเขาเหยียบลงไปบนตำแหน่งเดียวกับที่จวินอู๋เสียเหยียบเท่านั้น
ภายในหมอกที่โอบล้อมเอาไว้ ทุกสิ่งทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
เมื่อกระบองในมือของจวินอู๋เสียแทงลงไปในพื้นดินสามก้าวข้างหน้านาง ทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่าพื้นดินไม่มีแรงต้านเลย!
จวินอู๋เสียล้มไปข้างหน้า และทันทีที่นางเอียงลงไป นางก็รีบทรงตัวให้ตรงอย่างรวดเร็ว แต่นางสามารถรู้สึกได้ว่ากระบองในมือนางถูกดึงด้วยกำลังอันรุนแรงจากอีกฝั่ง
บ่อน้ำ!
นัยน์ตาของจวินอู๋เสียเข้มขึ้น
นางปล่อยมือและล้มเลิกความคิดที่จะดึงกระบองไม้ออกมาทันที ในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่กี่วินาที กระบองไม้ยาวเกินหนึ่งเมตรก็ถูกกลืนไปจนหมด ก่อนที่กระบองไม้จะจมหายไปจนมิด ตะไคร่ก็แยกออกปล่อยฟองอากาศผุดขึ้นมาอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่มันจะปิดลงและกลับสู่สภาพเดิม
“สภาพแวดล้อมที่นี่…น่ากลัวชะมัด” เฉียวฉู่ที่อยู่ข้างหลังจวินอู๋เสียได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด
ตอนที่จวินอู๋เสียพยายามดึงกระบองคืนนั้น นางได้ใช้พลังวิญญาณด้วย แต่มันไม่ได้ช่วยอะไรเลยแม้แต่น้อย พลังวิญญาณของนางสู้กับพลังดูดของบ่อน้ำไม่ได้
มีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่ถูกบ่อน้ำดูดกลืนลงไป…
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือบ่อน้ำมันจะเปิดเผยตัวเองแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น และกลับสู่สภาพเดิมที่ไม่สามารถมองเห็นได้ในทันที ทำให้เป็นไปไม่ได้ที่จะพบร่องรอยของพวกมัน
“เราใช้ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะตรวจสอบเส้นทางข้างหน้าได้หรือไม่ ในเมื่อมันตัวใหญ่ขนาดนั้น บ่อน้ำธรรมดาพวกนี้ไม่น่าจะมีผลอะไรกับมัน” เฉียวฉู่เสนอแนะพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย
จวินอู๋เสียส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธ
“เราไม่แน่ใจว่าบ่อน้ำพวกนี้มีขนาดเท่าไร ถ้าไปเจอบ่อน้ำขนาดใหญ่และถ้าใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะก้าวลงไป เราจะไม่มีทางช่วยเขาได้เลย แต่ถ้าเราคนใดคนหนึ่งตกลงไป เรายังใช้พลังของใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะดิ้นรนให้หลุดมาได้ แต่ถ้าใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะตกบ่อละก็ หนทางข้างหน้าของเราลำบากมากขึ้นแน่” จวินอู๋เสียยังจำทุกคำพูดของมู่เชียนฟานได้เป็นอย่างดี