ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 669 ดินแดนแห่งความตาย (4) ตอนที่ 670 วิกฤต (1)
ตอนที่ 669 ดินแดนแห่งความตาย (4) / ตอนที่ 670 วิกฤต (1)
ตอนที่ 669 ดินแดนแห่งความตาย (4)
จวินอู๋เสียเดินตรงไปที่ศิลาดำก้อนหนึ่งอย่างช้าๆ พริบตานั้นเองเยี่ยซาก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านข้างของจวินอู๋เสีย และดึงนางออกจากข้างก้อนศิลา!
ก่อนที่จวินอู๋เสียจะทันได้สติ ก้อนศิลาดำที่นางเพิ่งยืนอยู่ข้างๆ เมื่อสักครู่ก็พลันถูกทุบเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยโดยเงาสีดำขนาดมหึมา!
ก้อนศิลาดำที่แข็งมากนั้นแตกสลายกลายเป็นผุยผงในทันที!
“คุณหนูใหญ่! เราต้องไปจากที่นี่ทันทีขอรับ!” เยี่ยซาพูดอย่างรีบเร่ง เขายืนอยู่ข้างหน้าจวินอู๋เสียเพื่อปกป้องนาง ขณะที่จ้องมองไปที่เงาสีดำที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างช้าๆ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวล
เงาสีดำถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีขาว มันมีขนาดใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อ แม้มีแสงไฟจากผลึกไฟ พวกเขาก็ยังไม่สามารถมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน
แต่กลิ่นอายกดดันที่แข็งแกร่งอย่างไม่อาจจินตนาการได้นั้น อยู่ในระดับที่เหนือกว่าที่พวกเขาเคยเจอมาก่อน
“เจ้า…เจ้านั่นมันคืออะไร…” เฉียวฉู่จ้องเขม็งไปยังเงาสีดำขนาดมหึมาที่อยู่ในหมอก แม้ว่าเขาจะไม่สามารถมองเห็น ‘เจ้านั่น’ ได้ว่ามีรูปร่างเป็นอย่างไร แต่ดูจากขนาดของมันแล้ว มันไม่ได้เล็กไปกว่าร่างที่แท้จริงของใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะเลย!
“อย่าบอกนะว่ามันคือสัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติอีกตัวน่ะ” ฮวาเหยาตกตะลึง
ตอนที่มู่เชียนฟานเจอกับสัตว์ประหลาดที่ก้นเหว เขาไม่เห็นด้วยซ้ำว่าสัตว์ประหลาดตัวนั้นเป็นอย่างไร
ตอนนี้คณะเดินทางทุกคนตระหนักว่าเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้จะต้องเป็นตัวที่มู่เชียนฟานเคยเจอเมื่อครั้งนั้นอย่างแน่นอน!
สัตว์ประหลาดตัวนี้ใหญ่มากจนนึกไม่ถึง ขณะที่มันยืน แสงจากผลึกไฟไม่สามารถส่องไปถึงหัวของมันได้ ทั้งหมดที่พวกเขามองเห็นก็คืออุ้งเท้าหนาข้างหนึ่งที่มีกรงเล็บแหลมคมบนพื้น เหนือกรงเล็บแหลมขึ้นไปปกคลุมด้วยเกล็ดสีเขียว กรงเล็บนั้นส่องประกายคุกคามเมื่อแสงไฟตกกระทบมัน!
“แบ๊ะ!”
ราวกับว่ามันรู้สึกถึงตัวตนที่อันตรายได้ ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะจึงส่งเสียงร้องเตือนออกมา!
สิ่งที่สามารถทำให้สัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติระวังตัวได้จะต้องไม่อ่อนแอไปกว่าใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะอย่างแน่นอน!
สัตว์ประหลาดยักษ์ตัวนั้นขยับมาข้างหน้าอย่างช้าๆ แต่ละก้าวของมันทำให้พื้นดินใต้เท้ามันสั่นสะเทือน!
หมอกสีขาวล้อมรอบสัตว์ประหลาดตัวนั้นไว้หนาแน่นมาก ขณะที่มันเคลื่อนไหว หมอกรอบตัวมันก็ไม่ได้กระจายตัวออกไปแต่กลับยิ่งหนาแน่นมากขึ้นแทน
หมอกหนานั้นดูเหมือนจะมีลมพัดดึงดูดเข้ามา และทำให้คณะเดินทางทุกคนรู้สึกถึงความร้อนได้
ขนาดที่ใหญ่โตจนเกินจินตนาการทำให้รู้สึกหวาดกลัวได้อย่างง่ายดาย
“หนีเร็ว!” เยี่ยซาหันไปพูดอย่างร้อนรน เขาไม่คิดว่าเจ้านี่จะถูกนำลงมาที่สามโลกเบื้องล่างเพื่อเฝ้าพิทักษ์อารักขาสถานที่นี้ด้วย สวรรค์โปรดเถิด ทั่วทั้งโลกนี้มีคนอยู่เพียงผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถควบคุมเจ้าสัตว์ประหลาดนี้ได้!
คนจากดินแดนเทพมารเอาเจ้านี่มาไว้ที่นี่ได้อย่างไร!
สัญญาณเตือนภัยดังขึ้นในใจของพวกเขา ไม่มีใครสงสัยในการตัดสินใจของเยี่ยซาตอนนั้นเลย แทบจะเป็นเวลาเดียวกับที่เยี่ยซาตะโกน จวินอู๋เสียกับสหายของนางก็หันหลังออกวิ่งเต็มฝีเท้ากลับไปตามทางที่พวกเขามาในทันที
“ความเร็วของเจ้าตัวนี้ไม่มากนัก แค่วิ่งให้เต็มฝีเท้าเพื่อหนีไปจากที่นี่ ยิ่งไกลยิ่งดี!” เยี่ยเม่ยคอยระวังอยู่อีกด้านหนึ่ง เขาสบตากับเยี่ยซาและเห็นรอยยิ้มขมขื่นบนใบหน้าของกันและกัน
ต่อให้พวกเขาสองคนจู่โจมสัตว์ประหลาดตัวนี้พร้อมกัน มันก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะมัน!
ตอนนี้ทางเลือกเดียวที่พวกเขามีก็คือหนีให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ นั่นเป็นโอกาสเดียวที่พวกเขาจะรอดชีวิตได้
ทุกคนวิ่งกันอย่างบ้าคลั่ง แต่พวกเขาต้องไปตามเส้นทางเดิมที่พวกเขามา หากผิดพลาดไปเพียงเล็กน้อย ก็อาจจะทำให้พวกเขาตกลงไปในบ่อน้ำไร้ก้นจำนวนนับไม่ถ้วนที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณ
พื้นดินเต็มไปด้วยกับดัก แล้วยังมีสัตว์ประหลาดที่ทำให้สัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติรู้สึกกลัวได้อยู่ด้านหลัง ทุกคนต่างรู้สึกหวาดกลัวจับขั้วหัวใจ!
ทันใดนั้นความร้อนแผดเผาที่พวกเขารู้สึกเมื่อสักครู่ก็สัมผัสได้รุนแรงขึ้นจากที่ด้านหลัง
จวินอู๋เสียหันกลับไปทันทีและเห็นลูกบอลเพลิงสีเขียวกำลังพุ่งตรงมาที่นาง!
“แบ๊ะ!!!”
ตอนที่ 670 วิกฤต (1)
ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะส่งเสียงร้องออกมา และทันใดนั้นร่างเล็กจ้อยของมันก็กระโจนเข้าใส่จวินอู๋เสียอย่างแรง กระแทกนางออกไปจากตำแหน่งที่ยืนอยู่!
บอลเพลิงสีเขียวปะทะกับร่างเล็กๆ ของใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะในทันที เปลวไฟของมันปกคลุมใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะทั้งตัวในพริบตา ขนสีขาวราวหิมะของมันกลายเป็นสีดำและลุกไหม้ไปทั้งตัว!
จวินอู๋เสียใจหายวาบเมื่อเห็นใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะที่ลุกไหม้กลายเป็นสีดำทั้งตัวล้มลงกับพื้น นางโผเข้าหาร่างเล็กๆ นั้นทันที พร้อมกับกอดใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะเอาไว้โดยไม่สนใจความร้อนที่แผดเผาแขนของนางเลยแม้แต่น้อย นางกอดร่างเล็กที่น่าสงสารเอาไว้แน่น!
เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้งจากภายในหมอก
เมื่อเห็นจวินอู๋เสียถูกโจมตี เฉียวฉู่กับคนอื่นๆ ก็หยุดทันทีและวิ่งกลับไปหาจวินอู๋เสีย!
ก่อนที่พวกเขาจะไปถึงจวินอู๋เสีย สายลมรุนแรงก็พัดกระโชกขึ้นจากภายในหมอก ลมนั้นรุนแรงมากจนพัดเอาทุกคนในกลุ่มลอยขึ้นไปในอากาศ และหมุนวนอยู่ภายในสายลมนั้นอย่างไม่สามารถควบคุมได้!
“น้องเสีย!”
ดวงตาของเฉียวฉู่เบิกกว้าง ภายในพายุหมุนนั้นเขาเห็นจวินอู๋เสียลอยหายไปในหมอกก่อนจะพบว่าตัวเองก็ลอยออกไปไกลเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ทุกคน!
ภายในหมอกสีขาวที่มองไม่เห็นนั้น ทุกคนในกลุ่มต่างทยอยหายไปจากสายตากันทีละคน
……
ในความมืด จวินอู๋เสียถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา สมองนางยังคงมึนงง หัวของนางปวดมาก และรู้สึกราวกับกระดูกทั่วทั้งร่างแตกหักทั้งหมด พื้นดินใต้ร่างนางเย็นเฉียบ นางกระเสือกกระสนลุกขึ้นยืนในความมืด แต่ทันใดนั้นนางก็รู้สึกเจ็บที่ขาซ้าย!
เหงื่อเย็นๆ ไหลลงมาตามขมับเนื่องจากความเจ็บปวดอย่างรุนแรง มือของนางเอื้อมออกไปสัมผัสรอบๆ ตัวภายในความมืดที่มองอะไรไม่เห็น
ในที่สุดมือของนางก็แตะโดนผิวเย็นๆ ของผลึกไฟ นางคว้ามันไว้ทันทีและใส่หินวิญญาณเข้าไป
แสงไฟกะพริบวูบวาบขึ้นมาขับไล่ความมืดมิดออกไป
รอบด้านเป็นสีเทาและขาวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด รอยไหม้บนพื้นดูเหมือนถูกเผาด้วยเปลวเพลิงร้อนแรง ร่างสีดำไหม้เกรียมขนาดเล็กนอนกองอยู่บนพื้นอย่างอ่อนแรงโดยไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย
จวินอู๋เสียพยายามยันตัวเองให้ลุกขึ้น นางพยายามอย่างเต็มที่ที่จะเคลื่อนที่ไป ขาซ้ายของนางหักจากแรงกระแทก และทุกการเคลื่อนไหวทำให้เหงื่อเย็นๆ ไหลลงมาตามใบหน้าของนาง อย่างไรก็ตามนางก็ยังกัดฟันลากตัวเองไปที่ด้านข้างของร่างเล็กจ้อยที่นอนนิ่งไม่ขยับนั้นอย่างช้าๆ
ร่างสีดำไหม้เกรียมที่นอนอยู่ในอ้อมแขนของจวินอู๋เสีย ก็คือใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะที่ใช้ร่างของมันเองกันบอลเพลิงสีเขียวให้จวินอู๋เสีย แต่ตอนนี้ขนสีขาวราวหิมะที่หนานุ่มของมันไม่เหลืออยู่อีกแล้ว ผิวหนังของมันไหม้อย่างหนัก มีบาดแผลบางแห่งที่มีโลหิตไหลออกมาด้วย
จวินอู๋เสียไม่สนใจอาการของตัวเองอีกและรีบตรวจอาการของใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะ ทั้งตัวมีบาดแผลไฟไหม้รุนแรงไม่เหลือที่ว่างเลยสักแห่ง มันหายใจหอบกระชั้นและอ่อนแรง ดวงตากระตือรือร้นของมันบัดนี้ปิดสนิท ใบหน้าสีดำแสดงออกถึงความเจ็บปวดทรมาน
จวินอู๋เสียมือสั่น แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น
นางบังคับตัวเองให้สงบใจลงอย่างรวดเร็ว และรีบหยิบเอาขวดยาออกจากถุงเอกภพหลายขวด เทยาทั้งหมดออกมาอย่างไม่ลังเลและผสมพวกมันกับน้ำก่อนจะทาลงบนตัวของใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะอย่างระมัดระวังและอ่อนโยน
ผิวหนังที่ไหม้เกรียมเสียหายอย่างร้ายแรงค่อยๆ มีปฏิกิริยาและดูดซึมยารักษาเข้าไป จวินอู๋เสียทายาลงบนบาดแผลที่มีโลหิตไหลออกมาของใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะด้วย ทุกครั้งที่ยาโดนแผล ร่างเล็กๆ ของใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะก็จะสั่นด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรง
ถ้าเคยเห็นว่าใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะน่ารักน่ากอดมาก่อน ร่างเล็กจ้อยในอ้อมแขนของจวินอู๋เสียตอนนี้ก็เป็นลูกบอลเนื้อน่าสยดสยอง ของเหลวสีแดงสดที่ไหลออกจากบาดแผลของมันเปื้อนมือของจวินอู๋เสีย แต่นางไม่ลังเลที่จะอุ้มใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะไว้ในอ้อมแขนอย่างอ่อนโยนเลยแม้แต่น้อยเพื่อที่จะรักษาบาดแผลของมันได้อย่างละเอียด