ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 673 บ้านหิน (1) ตอนที่ 674 บ้านหิน (2)
ตอนที่ 673 บ้านหิน (1) / ตอนที่ 674 บ้านหิน (2)
ตอนที่ 673 บ้านหิน (1)
เจ้าสัตว์ร้ายสีดำแบกจวินอู๋เสียกับใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะไว้บนหลังแล้วเดินตามบัวหิมะมัวเมาไปที่บ้านหินที่เขาพบเมื่อครู่
ดูจากภายนอกบ้านหินนี้ไม่ได้ใหญ่โตอะไร โครงสร้างที่เป็นหินนั้นหยาบและเรียบง่ายอย่างถึงที่สุด สร้างขึ้นด้วยการเอาหินที่มีขนาดต่างๆ กันมาซ้อนทับกัน
แผ่นหินหลายก้อนกระจัดกระจายอยู่ข้างใน ไม่มีเตียงหรือโต๊ะเก้าอี้ใดๆ เลย แต่เรื่องที่มีบ้านหินอยู่ที่ด้านล่างของผาสุดขอบฟ้านี่ก็เป็นเรื่องแปลกประหลาดมากจริงๆ
บ้านหินหลังเล็กนี้ แม้ว่าจะดูไม่ได้เรื่องอย่างไรก็ตาม อย่างน้อยก็ช่วยป้องกันความหนาวเหน็บได้
บัวหิมะมัวเมายกมือขึ้น มีใบบัวขนาดใหญ่หลายใบปรากฏขึ้นบนมือเขา เขาคั้นและดูดน้ำออกจากใบบัว ทำให้พวกมันกลายเป็นใบบัวแห้งๆ และวางลงตรงมุมหนึ่งของบ้านหิน เมื่อปริมาณของใบบัวแห้งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดบัวหิมะมัวเมาก็สร้างเตียงจากกองใบบัวได้
ถึงแม้ใบบัวจะไม่นุ่ม ในความเป็นจริงแล้วออกจะสากเล็กน้อยด้วยซ้ำ แต่ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน อย่างน้อยพวกมันก็สามารถป้องกันความหนาวเย็นที่พื้นได้
จวินอู๋เสียหยิบเสื้อผ้าออกมาจากถุงเอกภพสองสามชุด และให้บัวหิมะมัวเมาปูลงบนกองใบบัวก่อนที่นางจะนั่งลงโดยที่ยังคงอุ้มใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะเอาไว้ในอ้อมแขน
ใบบัวพวกนี้อาจจะไม่ทำให้รู้สึกสบาย แต่พวกมันก็ยังนุ่มอยู่บ้างเล็กน้อย และถ้าเทียบกับการนั่งบนพื้นเย็นๆ แข็งๆ มันก็ดีกว่าหลายเท่า
จวินอู๋เสียนั่งลงบนใบบัวที่วางอยู่บนพื้น นางวางผลึกไฟลงด้านหนึ่ง หมอกสีขาวภายในบ้านหินเบาบางมากและที่ด้านข้างทางเข้าก็มีแผ่นหินขนาดใหญ่อันหนึ่งวางตั้งไว้ บัวหิมะมัวเมาขยับมันมาปิดทางเข้าออกที่เปิดอยู่ได้อย่างง่ายดาย
ลมเย็นๆ ไม่พัดเข้ามาในบ้านหินอีก และอุณหภูมิภายในก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นเล็กน้อย หมอกสีขาวหายไปอย่างช้าๆ ในบ้านก็เริ่มอุ่นสบายขึ้น
“ข้าจะออกไปลาดตระเวนข้างนอก ถ้าท่านต้องการอะไร ก็ให้เจ้าแมวดำคำรามเรียกก็แล้วกัน” บัวหิมะมัวเมาพูดขณะที่มองจวินอู๋เสียที่นั่งอยู่ในมุมห้อง แววตาของเขาเจ็บปวดเล็กน้อยที่เห็นนางอยู่ในสภาพนั้น เขาคิดว่าถ้าเขาอยู่ในบ้านต่อไป เขาคงไม่สามารถยับยั้งตัวเองไม่ให้ไปคิดบัญชีกับเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนั้นได้แน่
จวินอู๋เสียพยักหน้า
หลังจากบัวหิมะมัวเมาออกไป เขาก็เคลื่อนแผ่นหินใหญ่กลับเข้าที่ และรอบคอบมากพอที่จะเหลือช่องว่างเล็กๆ เอาไว้เพื่อให้อากาศภายในบ้านหมุนเวียน
บาดแผลของจวินอู๋เสียยังคงปวดตุบๆ นางกินโอสถเข้าไปหลายเม็ด และร่างกายของนางก็เริ่มอุ่นขึ้น นางไม่กล้ากินโอสถที่มีฤทธิ์ระงับปวด เนื่องจากถ้าลดความเจ็บปวดลง ความตระหนักรู้ในสภาพร่างกายของตัวเองก็จะผิดพลาดได้ และนั่นจะทำให้นางประเมินสภาพร่างกายเพื่อทำการรักษาได้ไม่แม่นยำ
เพื่อไม่ให้ตัวเองสนใจความเจ็บปวด จวินอู๋เสียจึงหันไปพิจารณาสถานการณ์ในบ้านหิน
เพียงมองครั้งเดียวก็ทำให้นางพบบางสิ่งที่น่าประหลาดใจ
นางสังเกตเห็นก้อนหินหลายก้อนมีรอยตัดเรียบกริบ จึงยกมือขึ้นปัดฝุ่นออก แม้ว่าจะมีขนาดแตกต่างกัน แต่ก้อนหินพวกนั้นก็เห็นได้ชัดว่าตั้งใจตัดให้เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าและนำมาวางซ้อนกัน
จวินอู๋เสียหยิบหินที่อยู่รอบตัวนางขึ้นมาก้อนหนึ่งและพยายามทำลายมัน แต่ถึงนางจะใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี นางก็ไม่สามารถทำให้ก้อนหินเล็กๆ นั้นบิ่นได้เลยแม้แต่น้อย!
ก้อนหินพวกนี้ไม่ใช่ก้อนหินธรรมดา!
แม้ว่านางจะบาดเจ็บ แต่นางก็ไม่ได้ใช้พลังวิญญาณไปจนหมด หลังจากรวบรวมพลังวิญญาณทั้งหมดของนางแล้วก็ยังไม่สามารถทำลายก้อนหินเล็กๆ ก้อนหนึ่งได้ นั่นค่อนข้างผิดปกติทีเดียว
ที่ด้านล่างผาสุดขอบฟ้า บ้านหินเล็กๆ ที่สร้างหยาบๆ ได้วางแผ่นหินที่แข็งอย่างเหลือเชื่อเข้าด้วยกัน…
ใครเป็นคนทำกันนะ
จวินอู๋เสียขมวดคิ้ว นางยกมือขึ้นอีกครั้งเพื่อตรวจสอบหินก้อนอื่นๆ ที่อยู่ใกล้กับนาง และทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่ามีร่องอยู่บนก้อนหินก้อนหนึ่งอย่างชัดเจน!
บนหินก้อนนั้น ใครบางคนได้ใช้เครื่องมือบางอย่างแกะสลักเครื่องหมายเอาไว้ซึ่งดูเหมือนจะแยกออกได้เป็นห้าเครื่องหมายต่อกลุ่ม
ตอนที่ 674 บ้านหิน (2)
“เครื่องหมายพวกนี้ เจ้าของบ้านหินนี่เป็นคนทิ้งไว้อย่างนั้นหรือ” จวินอู๋เสียถามตัวเองขณะที่ก้มศีรษะลงอย่างใช้ความคิด และตรวจสอบหินก้อนอื่นๆ ที่นางสามารถเอื้อมถึงได้ต่อไป นางเคลื่อนมือไปยังหินอื่นๆ อีกหลายก้อน พวกมันทั้งหมดเต็มไปด้วยเครื่องหมายคล้ายๆ กับที่นางเพิ่งค้นพบ ห้าเครื่องหมายต่อหนึ่งกลุ่ม…
“เสี่ยวเฮย” จวินอู๋เสียเรียกขึ้นกะทันหัน
เจ้าสัตว์ร้ายสีดำยืนขึ้นทันที
“ไปดูว่ามีก้อนหินที่มีเครื่องหมายในบ้านนี้อีกหรือไม่” จากเครื่องหมายพวกนั้น จวินอู๋เสียเดาว่าเจ้าของบ้านหินใช้พวกมันบันทึกเวลา ถ้าเครื่องหมายพวกนั้นถูกสลักไว้ตามจำนวนวัน นั่นก็หมายความว่าคนคนนั้นอยู่ที่นี่มานานหลายปีแล้ว!
ดูเหมือนว่าเจ้าของบ้านหินอาศัยอยู่ที่นี่ตามลำพัง ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ขีดเครื่องหมายไว้มากขนาดนี้
เขาติดอยู่ที่นี่หรือ หรือเขามีเป้าหมายอื่น
เวลาได้ผ่านไปนานมากแล้ว จวินอู๋เสียไม่สามารถเดาเหตุผลจากร่องรอยที่มีอยู่เพียงน้อยนิดได้
เจ้าสัตว์ร้ายสีดำเคลื่อนที่ไปรอบห้อง ใช้หางของมันปัดฝุ่นออกจากก้อนหิน มันมองก้อนหินทีละก้อนอย่างละเอียดก่อนจะรีบหันไปทางจวินอู๋เสียและพูดว่า “มีสัญลักษณ์แปลกๆ กับตัวอักษรด้วย”
“ตัวอักษรหรือ” จวินอู๋เสียถามพร้อมกับเลิกคิ้ว
“อืม” เจ้าสัตว์ร้ายสีดำพยักหน้า
จวินอู๋เสียจึงพูดขึ้น “อ่านซิ”
นางอยากรู้มากว่าเจ้าของบ้านหินนี้ทิ้งอะไรไว้
เจ้าสัตว์ร้ายสีดำกระแอมในลำคอ แล้วอ่านตัวอักษรบนก้อนหินช้าๆ
ตัวอักษรพวกนั้น แทนที่จะเรียกพวกมันว่าคำสั่งเสียสุดท้ายของเจ้าของบ้านหิน มันเป็นเหมือนบันทึกความทรงจำของชีวิตเขาก่อนตายมากกว่า
“เจ็ดปีแล้ว…ข้ายังไม่พบวิธีออกไปเลย สัตว์ประหลาดน่ากลัวพวกนั้นปรากฏตัวขึ้นตลอด ข้าอยากไปจากสถานที่อัปรีย์นี้ แต่ข้าไม่รู้ว่าจะไปได้อย่างไร ข้าจะต้องตายที่นี่จริงๆ หรือ”
“ข้าไม่คิดเลยว่าจะต้องใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในสถานที่เช่นนี้ ไม่มีใครรู้จัก ว่างเปล่าและแห้งแล้งกันดาร ที่ด้านล่างของผาที่ไม่น่าจะมีอยู่จริงนี้ ใจมนุษย์ไม่เคยเรียนรู้ที่จะพอใจ ถ้าตอนนั้นข้าไม่โลภมากอยากได้พลังอำนาจที่แข็งแกร่ง และไม่ตกลงทำงานกับพวกเขา ข้าอาจจะยังอยู่ในวังและได้สวมใส่เสื้อผ้าดีๆ ลิ้มรสอาหารรสเลิศหายาก มีสัมพันธ์กับหญิงงามมากมาย และได้เมามายกับสุราชั้นเยี่ยม”
“พลังวิญญาณขั้นสีม่วงหรือ…ฮ่าฮ่า…ถึงข้าจะรู้วิธีเพิ่มพลังให้ถึงขั้นสีม่วงภายในระยะเวลาสั้นๆ แล้วอย่างไรเล่า กระทั่งผู้มีพลังวิญญาณสีม่วงก็ยังติดอยู่ในนรกอัปรีย์นี่เหมือนหนูตัวหนึ่ง! ข้าช่างโง่นัก คิดว่าตราบใดที่ทั้งสองฝ่ายได้รับประโยชน์จากมัน คนพวกนั้นก็คงจะไม่ทำให้ข้าเป็นอันตราย แต่ข้าคิดผิด ในสายตาของพวกมัน ผู้นำรัฐไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลย พวกมันไม่สนใจรัฐของข้าหรือกองทัพของข้าเลยสักนิด…”
“ข้าไม่คิดว่าจะรอต่อไปได้นานกว่านี้ ไม่มีน้ำ ไม่มีอาหาร…ตอนนี้ข้าอยู่ได้โดยอาศัยพลังวิญญาณของข้า ตะไคร่สีเขียวกับน้ำค้าง…ถ้าต้องอยู่ต่อไปแบบนี้ ข้าขอตายดีกว่า ข้ามุ่งมั่นแสวงหาพลังวิญญาณขั้นสีม่วงและนั่นก็ยังไม่สามารถช่วยข้าให้ออกไปจากที่นี่ได้ ในที่สุดข้าก็เข้าใจว่าทำไมพวกมันจึงไม่กล้ามาที่นี่ด้วยตัวเอง แม้ว่าพวกมันจะแข็งแกร่งมากจนน่าตกใจก็ตาม นั่นก็เพราะสถานที่แห่งนี้มันคือนรกบนดิน! พลังวิญญาณขั้นสีม่วง…พลังวิญญาณขั้นสีม่วง…มันก็แค่ผลของพลังวิญญาณที่ลุกไหม้เท่านั้น ข้าละทิ้งทุกอย่างที่มีเพื่อของพรรค์นี้ ข้ามันโง่ที่สุดในโลก”
“ข้าจะใช้พลังที่เหลืออยู่ของข้าสร้างไฟนรกแห่งโทสะอันยิ่งใหญ่นี้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง ขอให้บรรพบุรุษโปรดอภัยให้กับความโลภของข้าและให้วิญญาณหลังความตายของข้าหลุดพ้นด้วยเถิด”