ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 715 ลงมือ (2) ตอนที่ 716 ลงมือ (3)
ตอนที่ 715 ลงมือ (2) / ตอนที่ 716 ลงมือ (3)
ตอนที่ 715 ลงมือ (2)
“สาม…สามวัน จะไม่รีบร้อนมากไปหน่อยหรือ” หนิงรุ่ยเหงื่อออกจนชุ่ม เขาดึงเอากู่อิ่งเข้ามาในสำนักศึกษาเฟิงหัวเพื่อแก้แค้นให้หนิงซิน
แต่ตอนนี้ ถึงแม้ฟ่านฉีจะตายแล้ว และฟ่านจิ่นก็เสียสติ แต่ฟ่านจัวกับกองทัพรุ่ยหลินยังไม่ถูกจัดการเลย กู่อิ่งก็จะมาบังคับให้พวกเขาออกเดินทางกันแล้ว!
ไม่มีกู้หลีเซิงกับจวินอู๋เสียมาเป็นเบี้ยต่อรองแล้ว หนิงรุ่ยก็ไม่กล้าคิดว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร
“ถ้าทำไม่ได้ภายในสามวัน ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะฆ่าเจ้าแล้วส่งเด็กพวกนั้นไปที่นั่นด้วยตัวข้าเองหรอกนะ” กู่อิ่งข่มขู่ด้วยสายตามุ่งร้าย ประกายโทสะเดือดพล่านอยู่ภายใน
หนิงรุ่ยเบิกตากว้าง เขามองกู่อิ่งอย่างไม่อยากจะเชื่อ เมื่อมองเข้าไปในดวงตาแดงก่ำคู่นั้น หนิงรุ่ยก็รู้ว่ากู่อิ่งหมายความตามที่เขาพูดมาทุกคำ!
กู่อิ่งโยนหนิงรุ่ยลงไปบนพื้นและหมุนตัวจากไปในทันที เขากลัวว่าถ้าเขาอยู่ต่ออีกวินาทีเดียว เขาจะไม่สามารถอดกลั้นไม่ให้ฆ่าเจ้าสวะไร้ประโยชน์นั่นได้
หนิงรุ่ยยังคงนั่งอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าสิ้นหวัง จู่ๆ เขาก็ดูแก่ขึ้นมาก
ถ้าศิษย์สำนักศึกษาเฟิงหัวถูกพาไปที่ผาสุดขอบฟ้าเมื่อไร นั่นก็หมายความว่าเขาหมดประโยชน์ต่อกู่อิ่งแล้ว และเมื่อนึกถึงดวงตาแดงก่ำของกู่อิ่งเมื่อครู่ หนิงรุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะกอดตัวเองเอาไว้แน่นๆ ด้วยความกลัวสุดหัวใจ ความเย็นยะเยือกแล่นผ่านไปทั่วร่างของเขา
พายุลูกใหญ่กำลังจะโหมกระหน่ำเข้าใส่สำนักศึกษาเฟิงหัว และไม่ไกลออกไปนัก เหตุการณ์อีกอย่างก็กำลังดำเนินไปในตำบลชานหลิน
กู้หลีเซิงนั่งอยู่ในห้องภายในโรงเตี๊ยม มือของเขาวางประสานกันอยู่บนโต๊ะ พอเขาได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา เขาก็รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ประสาททุกส่วนในร่างกายเกร็งเครียด
แมวดำตัวน้อยนอนเกียจคร้านอยู่บนโต๊ะ หางของมันกวัดแกว่งไปมาในอากาศ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น กู้หลีเซิงจึงรีบเดินตรงไปที่ประตู เขาหยุดสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะเปิดประตูตรงหน้า
คนที่ยืนอยู่ด้านนอกก็คือจวินอู๋เสีย
“จวินอู๋เสีย!” กู้หลีเซิงร้องเรียกออกมาอย่างยินดี วินาทีที่เขาเห็นจวินอู๋เสีย สีหน้าเคร่งเครียดของเขาก็ผ่อนคลายในทันทีและสงบใจลงได้ในที่สุด
“เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ” จวินอู๋เสียมองใบหน้าซีดขาวของกู้หลีเซิงแล้วกวาดตามองไปรอบห้อง นอกจากเจ้าแมวดำแล้ว นางก็ไม่เห็นใครอื่นอีก กู้หลีเซิงเองก็ดูสบายดี แล้วทำไมเขาถึงได้ดูหวาดกลัวขนาดนั้น
“ไม่มีอะไรหรอก! ผู้อาวุโสเวินช่วยฟ่านจิ่นออกจากที่นั่นหรือยัง” กู้หลีเซิงถามพร้อมกับมองไปที่ด้านหลังจวินอู๋เสีย แต่เขาก็ไม่เห็นร่องรอยของเวินซินหันกับฟ่านจิ่นเลย
“ข้าจัดที่พักให้พวกเขาแล้ว ท่านพาศิษย์ออกมาได้ทุกคนหรือเปล่า” จวินอู๋เสียถามพร้อมกับเดินเข้าไปในห้อง
กู้หลีเซิงปิดประตูลงและตอบทันทีว่า “พามาหมดแล้ว ข้าให้พวกเขาพักห้องอื่น เรื่องวันนี้ทำให้ข้าประหลาดใจจริงๆ ข้าไม่คิดเลยว่าภูติวิญญาณของเจ้าจะมาบอกให้ข้าอพยพศิษย์ทุกคนแบบนั้น”
ขณะที่พูด สายตาของเขาก็มองไปยังเจ้าแมวดำตัวน้อยที่นอนขี้เกียจอยู่บนโต๊ะ
ในตอนที่เวินซินหันกำลังพาฟ่านจิ่นออกไปจากสำนักศึกษา แมวดำตัวนี้ก็แอบเข้ามาที่สาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณ ขณะที่กู้หลีเซิงเพิ่งได้ข่าวว่าเวินซินหันกำลังพาฟ่านจิ่นหนีไปและเต็มไปด้วยความยินดี เขาก็เห็นแมวดำที่ดูคุ้นเคยกระโดดเข้ามาทางหน้าต่าง
เขาเคยเห็นจวินอู๋เสียอุ้มเจ้าแมวดำตัวนี้มาก่อน และเขาก็รู้ว่ามันเป็นภูติวิญญาณของนาง ขณะที่เขากำลังสงสัยว่าทำไมแมวดำตัวนี้ถึงได้โผล่มา เจ้าแมวดำก็อ้าปากพูดขึ้น!
“เจ้านายของข้าบอกให้ท่านพาศิษย์สาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณทุกคนออกไปจากสำนักศึกษาเฟิงหัวเดี๋ยวนี้ รถม้ารออยู่ด้านนอก ท่านมีเวลาเก็บของห้านาที และเราจะออกเดินทางภายในห้านาที”
ตอนที่ 716 ลงมือ (3)
กู้หลีเซิงไม่รู้ว่าตอนนั้นเขาทำสีหน้าแบบไหน แต่คำพูดของเจ้าแมวดำตัวน้อยก็ทำให้เขารู้ว่าตอนที่จวินอู๋เสียขอให้เวินซินหันพาฟ่านจิ่นหนีออกจากที่คุมขังนั้น เจตนาแท้จริงของนางมีมากกว่าแค่ช่วยฟ่านจิ่นเท่านั้น!
นางต้องการใช้ช่วงที่ทุกคนรวมถึงกู่อิ่งกับหนิงรุ่ยมัวแต่สนใจเวินซินหัน ทำให้พวกเขาละสายตาออกจากสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณ
และนั่นก็คือการเปิดโอกาสให้คนในสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณหนีไปได้
กู้หลีเซิงไม่คิดอะไรต่อไปอีก เขารีบแจ้งศิษย์ทุกคนให้มารวมตัวกันให้เร็วที่สุด ในชั่วระยะเวลาสั้นๆ ทุกคนก็ออกจากสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณ ขึ้นไปนั่งบนรถม้าที่เตรียมไว้ที่หน้าประตู และเดินทางมายังตำบลชานหลิน
เมื่อมาถึงตำบลชานหลิน กู้หลีเซิงก็ให้ศิษย์ของเขาเข้าพักในโรงเตี๊ยมและให้อยู่กันแต่ในห้องโดยไม่ให้ก้าวออกจากห้องแม้แต่ก้าวเดียว
เขารู้สึกว่าเขาเพิ่งหลบหนีจากเงื้อมมือแห่งความตายมาได้อย่างฉิวเฉียด ร่างของเขาเครียดเกร็งไปทั้งร่าง
“ถ้าข้าไม่ให้ท่านออกมาตอนนั้น แล้วท่านอยากจะรอไปถึงเมื่อไหร่” จวินอู๋เสียถามกู้หลีเซิงด้วยน้ำเสียงสงสัย
กู้หลีเซิงอ้าปากค้าง จวินอู๋เสียทำเสียงเหมือนเป็นเรื่องปกติสมเหตุสมผลมาก แต่นางไม่รู้หรืออย่างไรว่านางเพิ่งกลับมาที่สำนักศึกษาเฟิงหัวได้แค่สองวัน แต่กลับวางแผนการเจ้าเล่ห์เช่นนี้ได้โดยไม่มีใครรู้ และมันก็…ดำเนินการไปได้อย่างราบรื่นงดงามเสียด้วย!
นี่ควรเป็นสิ่งที่เด็กหนุ่ม ไม่สิเด็กสาวอายุสิบสี่ปีทำได้อย่างนั้นหรือ กู้หลีเซิงอยากจะเข้าไปขุดค้นในหัวสมองของจวินอู๋เสียเหลือเกินว่ามีอะไรอยู่ข้างในบ้าง
“เจ้าพูดถูก นั่นเป็นเวลาที่ดีที่สุด แล้วเจ้าคิดแผนการนี้ขึ้นมาได้ตั้งแต่เมื่อไรกัน ให้เวินซินหันสร้างความวุ่นวายเพื่อดึงความสนใจของทุกคน พวกเราจะได้มีโอกาสหนีจากเงื้อมมือพวกนั้นได้ แล้วรถม้าพวกนั้นกับโรงเตี๊ยม…” กู้หลีเซิงถึงกับยกนิ้วโป้งให้จวินอู๋เสีย ในเวลาสองวัน นางสามารถคิดแผนที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ขึ้นมาได้ และจัดการสิ่งที่จำเป็นในทุกๆ ขั้นตอนได้อย่างงดงาม ตั้งแต่เตรียมรถม้าไว้นอกพื้นที่ตึกไปจนถึงจัดหาที่พักเมื่อมาถึงตำบลชานหลิน ไม่มีหลุดรายละเอียดใดไปเลยสักอย่างเดียว
ถ้าเขาไม่รู้ว่าจวินอู๋เสียออกจากสำนักศึกษาเฟิงหัวไปนานและเพิ่งกลับมาเมื่อสองวันก่อน กู้หลีเซิงคงคิดว่าจวินอู๋เสียวางแผนการทั้งหมดนี้ตั้งแต่วันที่ฟ่านฉีถูกฆ่าตาย
“ตั้งแต่ตอนที่ข้าได้ยินว่าเวินซินหันอยู่ที่นั่นด้วย” จวินอู๋เสียไม่ได้ปกปิดสิ่งใดและตอบกู้หลีเซิงไปตามตรง
กู้หลีเซิงทำตาโตจ้องมองจวินอู๋เสียอย่างไม่อยากจะเชื่อ
นั่นมันหลังจากที่นางกลับมาสำนักศึกษาเฟิงหัวได้นานแค่ไหนกัน ครึ่งวันใช่หรือไม่!
“ฟ่านจัวพักอยู่ในโรงเตี๊ยมนี้ เรื่องของฟ่านฉีกับฟ่านจิ่น…ท่านไปบอกเขาเองเถอะ” จวินอู๋เสียพูดพร้อมกับหลุบตาลงต่ำ ตอนที่นางมาถึงที่นี่ นางไม่ได้ไปพบฟ่านจัวก่อนเป็นอันดับแรก เพราะนางไม่รู้ว่าจะบอกข่าวให้ฟ่านจัวรู้อย่างไรดี
บอกเขาว่าบิดาบุญธรรมของเขาตายแล้วน่ะหรือ แถมพี่ชายบุญธรรมของเขาก็ยังเสียสติไปแล้วด้วย
จวินอู๋เสียที่สงบนิ่ง ใจเย็น และคุมสติไว้ได้เสมอเกิดไม่รู้ขึ้นมาว่าทำไม แต่รู้สึกว่าคำพูดพวกนั้น…จะไม่หลุดออกจากปากของนางแน่
ดังนั้น นางจึงมาบอกให้กู้หลีเซิงเป็นคนทำ
“บอกเขาตอนนี้น่ะหรือ” เมื่อได้ยินชื่อของฟ่านจัว รอยยิ้มบนใบหน้าของกู้หลีเซิงก็หายวับไปทันที แทนที่ด้วยสีหน้าเศร้าโศกเสียใจ
ข่าวนั้นจะทำให้ฟ่านจัวคลั่งอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ในเวลาสั้นๆ แค่หนึ่งเดือน ครอบครัวของเขาก็พังพินาศ บิดาที่เคารพเสียชีวิตไปหนึ่งคน…
จวินอู๋เสียพยักหน้าช้าๆ
“เขาจำเป็นต้องรู้ ไม่เช่นนั้นคงดำเนินการขั้นต่อไปไม่ได้…”
เมื่อกู้หลีเซิงได้ยินคำตอบของจวินอู๋เสีย เขาก็รู้ว่านางต้องวางแผนการบางอย่างเอาไว้ เขาจึงไม่ตั้งคำถามต่อไปอีก แค่ถามว่าฟ่านจัวอยู่ที่ไหนแล้วก็ลุกขึ้นเดินไปทันที
จวินอู๋เสียนั่งนิ่งอยู่ที่โต๊ะพลางกัดริมฝีปากด้วยความหวาดหวั่น
นางเป็นหมออัจฉริยะ เป็นหมอเทวดาแล้วอย่างไรเล่า ก็ยังไม่สามารถช่วยชีวิตบิดาของฟ่านจัวได้อยู่ดี…