ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 733 ตบหน้าครั้งที่แปด (14) ตอนที่ 734 ตบหน้าครั้งที่แปด (15)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 733 ตบหน้าครั้งที่แปด (14) ตอนที่ 734 ตบหน้าครั้งที่แปด (15)
ตอนที่ 733 ตบหน้าครั้งที่แปด (14) / ตอนที่ 734 ตบหน้าครั้งที่แปด (15)
ตอนที่ 733 ตบหน้าครั้งที่แปด (14)
ภาพของเหลวสีแดงอันน่าสยดสยอง กลายเป็นภาพติดตาฝังแน่นอยู่ในใจของเหล่าศิษย์ กลิ่นคาวโลหิตพุ่งเข้าปะทะจมูก ร่างของอาจารย์ทั้งสามคนล้มลงต่อหน้าต่อตาพวกเขา ขณะที่กู่อิ่งที่เป็นคนฆ่าพวกเขายืนเฉยอยู่ข้างๆ พร้อมกับยิ้มอย่างชั่วร้าย
ขณะที่ฝนโลหิตสีแดงตกลงมา กู่อิ่งที่ยืนอยู่ใกล้ๆ จึงโดนโลหิตอุ่นๆ ตกใส่ไปด้วย เขายืนยิ้มอยู่ตรงนั้น เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความครึ้มอกครึ้มใจมีความสุขอย่างถึงที่สุด สายตาของเขาไม่มีร่องรอยของความสงสารหรือเห็นอกเห็นใจแม้แต่น้อย แต่เต็มไปด้วยความสนุกสนานเพลิดเพลินที่ได้เข่นฆ่าตามใจชอบ!
“ถ้าใครไม่ยอมไป ก็ต้องมีจุดจบเหมือนเจ้าพวกนี้” กู่อิ่งพูดพร้อมกับเอียงศีรษะและยิ้มอย่างสดใสให้เหล่าศิษย์ที่ยืนตกใจอยู่ข้างหน้าเขา
กู่อิ่งมีใบหน้าที่หล่อเหลาและรอยยิ้มที่สดใสเจิดจ้า แต่ภายใต้ฝนโลหิตที่กำลังตกลงมานี้ รอยยิ้มของเขาทำให้ทุกคนเย็นวาบไปทั้งสันหลัง!
หนิงรุ่ยยืนหัวเราะเสียงดังอย่างไม่เก็บอาการ ขณะที่มองไปยังเหล่าศิษย์ที่ตกตะลึงกันอยู่ เขาหันไปทางสองพี่น้องสกุลฟ่านที่ยืนอยู่ใกล้ประตูใหญ่
“พวกเจ้ารู้ความจริงทั้งหมดแล้วจะอย่างไรเล่า คิดที่จะแก้แค้นให้บิดาของพวกเจ้าอย่างนั้นรึ ฮ่าๆๆ…น่าเสียดายนะ แค่พวกเจ้าสองคนน่ะเป็นไปไม่ได้หรอก ไม่ใช่แค่เป็นไปไม่ได้ แต่เจ้าทั้งสองคนจะต้องทิ้งชีวิตเอาไว้ที่นี่ด้วย!” หนิงรุ่ยรู้สึกว่าความกังวลและความหวั่นเกรงก่อนหน้านี้ของเขาเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นเอาเสียเลย
เมื่อมีกู่อิ่งอยู่ด้วย ไม่ว่าเจ้าพวกนี้จะรู้ความจริงหรือไม่ก็ไม่สำคัญเลย!
พวกมันจะต้องตายที่นี่!
และคนที่ตายไปแล้ว ก็ย่อมไม่สามารถเปิดเผยความลับของข้าให้ใครฟังได้!
ด้วยความแข็งแกร่งและความโหดเหี้ยมที่กู่อิ่งแสดงออกมาให้เห็น ทำให้เหล่าศิษย์ที่อยากจะต่อต้านพากันหวาดกลัว พวกเขามองตาค้างอย่างตกใจและคนที่ขี้ขลาดก็ถึงกับร้องไห้ออกมา
ช่วงที่ผ่านมานี้กู่อิ่งได้ฆ่าคนในสำนักศึกษาเฟิงหัวไปเป็นจำนวนมาก และทุกคนก็รู้เรื่องนี้ แต่พวกเขาไม่คิดว่ากู่อิ่งจะเหิมเกริมถึงขั้นโจมตีอาจารย์! สิ่งที่ทำให้พวกเขาตกใจยิ่งกว่าก็คือความแข็งแกร่งของกู่อิ่ง อาจารย์ทั้งสามคนนั้นอย่างต่ำๆ ก็มีพลังวิญญาณอยู่ในขั้นสีเขียว ถึงแม้พวกเขาจะไม่ใช่ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุด แต่การที่พวกเขาถูกจัดการได้ในพริบตาก็ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะสามารถทำได้!
กู่อิ่งอยู่ในวัยเดียวกับเหล่าศิษย์คนอื่นๆ แต่เขากลับมีนิสัยที่น่ากลัวและลงมือฆ่าอย่างโหดเหี้ยมเช่นนั้นได้อย่างไร
กู่อิ่งมองเหล่าศิษย์ที่กำลังหวาดกลัวอย่างดูถูก สายตาเจือความผิดหวังอยู่เล็กน้อย
แค่นี้ก็กลัวกันแล้วหรือ
ทำไมถึงได้น่าเบื่อขนาดนี้
แต่ไม่นานกู่อิ่งก็หันความสนใจไปที่ฟ่านจัวกับฟ่านจิ่นอย่างรวดเร็ว สองคนนี้ต้องตาย แต่ก่อนตายเขามีเรื่องอยากถามพวกมันก่อน
“ฟ่านจิ่น ถ้าเจ้าบอกข้าว่าตอนนี้จวินเสียอยู่ที่ไหน ข้าจะให้เจ้าตายอย่างรวดเร็วและไม่เจ็บปวด” กู่อิ่งพูดพร้อมกับก้าวเท้าผ่านแอ่งโลหิตที่นองอยู่บนพื้น เขาเดินเข้าหาฟ่านจิ่นกับฟ่านจัวช้าๆ เวินซินหันพาตัวฟ่านจิ่นหนีไปซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งในแผนการของจวินอู๋เสีย ตอนนี้ฟ่านจิ่นปรากฏตัวขึ้นที่สำนักศึกษาเฟิงหัว ดังนั้นก่อนหน้านี้เขาต้องอยู่กับจวินอู๋เสีย! เขาต้องรู้ให้ได้ว่าไอ้จิ้งจอกเจ้าเล่ห์นั่นตอนนี้มันซ่อนตัวอยู่ที่ไหน
“ท่าทางเจ้านี่มันอวดดีจริงนะ” ฟ่านจิ่นหัวเราะอย่างเย็นชา
กู่อิ่งหรี่ตาลง “อยากทำให้เรื่องมันยากขึ้นอย่างนั้นรึ หรืออยากให้ข้าส่งเจ้าไปหาบิดาเจ้าให้เร็วขึ้น ถ้าเจ้าไม่บอกในสิ่งที่ข้าอยากรู้ ข้าจะหักแขนหักขาเจ้า ตามด้วยควักลูกตา แล้วค่อยๆ หักกระดูกน้องชายเจ้าทีละท่อนอย่างช้าๆ ถ้านั่นคือสิ่งที่เจ้าต้องการ ก็จงหุบปากเงียบต่อไป”
น้ำเสียงของกู่อิ่งโหดเหี้ยมมากขึ้นทุกที
แต่สำหรับหนิงรุ่ย ความโหดเหี้ยมของกู่อิ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เขาเบิกบานและยินดีอย่างถึงที่สุด!
หนิงรุ่ยปรารถนาอย่างถึงที่สุดที่จะให้กู่อิ่งทรมานสองพี่น้องสกุลฟ่านอย่างช้าๆ จนตาย ให้พวกมันได้ลิ้มรสความเจ็บปวดทรมานอย่างเต็มที่ก่อนที่จะไปพบกับบิดาของพวกมัน
เมื่อสองพี่น้องสกุลฟ่านตาย และศิษย์สำนักศึกษาเฟิงหัวทุกคนไปนอนอยู่ที่ก้นผาสุดขอบฟ้า ก็จะไม่มีใครรู้ถึงการกระทำที่ชั่วร้ายของเขาอีก!
ตอนที่ 734 ตบหน้าครั้งที่แปด (15)
“หือ ถ้าเจ้าคิดว่าทำได้ ก็ลองดูสิ” ฟ่านจิ่นตอบ เขาไม่แสดงความกลัวออกมาเลยแม้แต่น้อย แต่กลับหัวเราะเสียงดังแทน
กู่อิ่งหรี่ตาลง ปฏิกิริยาของฟ่านจิ่นกวนใจเขา
“เช่นนั้นข้าก็จะลองดู” ไม่ทันขาดคำ ร่างของกู่อิ่งก็พุ่งแวบไปโดยมีสำแสงสีม่วงตามหลังเป็นทางยาว
พลังวิญญาณขั้นสีม่วง!
เหล่าศิษย์ที่กำลังหวาดกลัวพากันตกตะลึงเมื่อเห็นเส้นสายสีม่วงวิ่งตามหลังกู่อิ่ง การที่กู่อิ่งที่อยู่ในวัยเดียวกับพวกเขาสามารถครอบครองพลังวิญญาณขั้นสีม่วงได้นั้น มันมากเกินกว่าที่พวกเขาจะเข้าใจได้!
ตรงข้ามกับเหล่าศิษย์ที่หวาดกลัว หนิงรุ่ยกำลังเบิกตากว้างมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างตื่นเต้น
เขารู้ว่ากู่อิ่งกับพรรคพวกของเขาแข็งแกร่งมาก แต่เขาไม่เคยเห็นพวกนั้นต่อสู้ด้วยพลังทั้งหมดที่มี นี่เป็นครั้งแรกที่กู่อิ่งแสดงพลังวิญญาณขั้นสีม่วงของเขาออกมาให้เห็น และมันทำให้เขาตื่นเต้นมาก!
สำเร็จ!
เขาทำสำเร็จแล้ว!
หนิงรุ่ยตื่นเต้นจนสั่นไปทั้งตัว
เขาทนรอเห็นภาพศีรษะของฟ่านจัวกับฟ่านจิ่นกระเด็นขาดออกจากตัวไม่ไหวแล้ว!
ขณะที่กู่อิ่งกำลังจะเข้าถึงตัวฟ่านจัวกับฟ่านจิ่น เงาสีดำก็พุ่งเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าสองพี่น้องด้วยความเร็วที่เหนือกว่า!
เกิดเสียงปะทะกันดังสนั่น!
กู่อิ่งรู้สึกได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งที่ผลักเขากลับไป เขารีบเงยหน้าขึ้นมองชายร่างสูงที่โผล่มายืนตรงหน้าสองพี่น้องสกุลฟ่านอย่างกะทันหัน!
เยี่ยซามองกู่อิ่งอย่างเย็นชา ร่างของเขาห่อหุ้มด้วยพลังวิญญาณสีดำ
กู่อิ่งสะดุ้ง เขามองชายชุดดำที่อยู่ๆ ก็โผล่มาอย่างตกใจ
ใบหน้ายินดีของหนิงรุ่ยพลันแข็งค้าง เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนที่สามารถยับยั้งการโจมตีของกู่อิ่งได้!
“คิดจะเค้นสอบศัตรูที่ปิดปากเงียบอย่างนั้นรึ ขั้นแรกเจ้าต้องดูก่อนว่าตัวเองมีปัญญาทำได้หรือไม่” เสียงเย็นชาดังขึ้นพร้อมกับร่างเล็กที่ก้าวออกมาจากรถม้าอย่างสง่างาม
กู่อิ่งหันไปมองคนที่กำลังก้าวออกมา ดวงตาของเขาแทบจะลุกเป็นไฟ!
“จวินเสีย!” กู่อิ่งกัดฟันเค้นคำพูดออกมาสองคำ กรามของเขาขบกันแน่น สายตาจ้องเขม็งไปยังจวินอู๋เสียที่ปรากฏตัวตรงหน้าเขา
ในที่สุดก็โผล่มา!
จวินอู๋เสียเดินเข้ามาในสำนักศึกษาเฟิงหัวช้าๆ นางมองกู่อิ่ง จากนั้นก็มองหนิงรุ่ย ไม่มีอารมณ์ใดแสดงออกมาผ่านทางสายตาของนางเลย
“เจ้าเป็นคนที่ทำให้เวินซินหันพาฟ่านจิ่นหนีไปจากที่นี่ใช่หรือไม่!” กู่อิ่งถาม ไม่ยอมละสายตาไปจากจวินอู๋เสียแม้สักวินาทีเดียว เขาอยากรู้ว่าเขาได้เสียรู้ให้แก่จวินอู๋เสียจอมเจ้าเล่ห์จริงๆ
“ใช่” จวินอู๋เสียตอบตามตรง ยืนยันการสันนิษฐานของเขาอย่างรวดเร็ว
“เป็นเจ้าที่บอกให้กู้หลีเซิงอพยพคนในสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณทั้งหมดไปด้วย ถูกหรือไม่!”
“ใช่”
“เหตุการณ์วันนี้ก็เป็นฝีมือเจ้าทั้งหมดใช่หรือไม่”
“ถูกต้องแล้ว”
จวินอู๋เสียตอบคำถามของกู่อิ่งอย่างรวดเร็ว โดยผิวเผินดูเหมือนพวกเขากำลังสนทนากันเท่านั้น แต่ไม่นานทุกคนก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ตึงเครียดที่จะระเบิดออกเมื่อไรก็ได้!
เหล่าลูกศิษย์ที่หวาดกลัวมองจวินอู๋เสียด้วยแววตาแปลกๆ จากบทสนทนาง่ายๆ ไม่กี่คำระหว่างคนทั้งสอง พวกเขาก็ตระหนักได้ถึงบางสิ่ง
เด็กหนุ่มร่างเล็กที่พวกเขาเคยเข้าใจผิดอย่างร้ายแรง ได้เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ทั้งหมดโดยไม่มีผู้ใดรู้เลยสักคน ถ้าจวินอู๋เสียไม่ได้ช่วยฟ่านจิ่น ความจริงเบื้องหลังการตายของฟ่านฉีก็จะยังถูกปกปิดเอาไว้ พวกเขาทั้งหมดก็จะถูกหนิงรุ่ยพาไปยังผาสุดขอบฟ้าโดยไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร และจบลงด้วยการตายอย่างน่าอนาถโดยที่ไม่มีใครรู้…
“ดี! เจ้ากล้าหาญดี! ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ฆ่าเจ้าหรอก” กู่อิ่งหัวเราะเสียงดัง เขามองจวินอู๋เสียด้วยแววตาชั่วร้าย ความรู้ในทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณของจวินอู๋เสียเป็นสิ่งสำคัญมาก นั่นย่อมหมายความว่านางจะไม่ถูกฆ่า แต่เขารู้วิธีการมากมายที่จะทำให้คนมีชะตากรรมเลวร้ายยิ่งกว่าตายไปเสียอีก!