ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 735 ตบหน้าครั้งที่แปด (16) ตอนที่ 736 ตบหน้าครั้งที่แปด (17)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 735 ตบหน้าครั้งที่แปด (16) ตอนที่ 736 ตบหน้าครั้งที่แปด (17)
ตอนที่ 735 ตบหน้าครั้งที่แปด (16) / ตอนที่ 736 ตบหน้าครั้งที่แปด (17)
ตอนที่ 735 ตบหน้าครั้งที่แปด (16)
จวินอู๋เสียมองกู่อิ่งอย่างใจเย็น และพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “ต่อให้เจ้าอยากทำ ก็ต้องดูก่อนว่าเจ้ามีความสามารถพอหรือเปล่า”
สายตาของกู่อิ่งแข็งกร้าวขึ้น เขาพุ่งเข้าโจมตีจวินอู๋เสียทันที!
แทบจะเป็นเวลาเดียวกัน เยี่ยซาก็กระโจนไปทางกู่อิ่ง และในชั่วพริบตาร่างทั้งสองก็เข้าปะทะกัน อากาศสั่นสะเทือนด้วยคลื่นพลังจากการปะทะกันของคนทั้งคู่!
จวินอู๋เสียมองดูการต่อสู้อย่างเงียบๆ สีหน้าเฉยเมยราวกับมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าชัยชนะจะเป็นของพวกนาง
ในทางกลับกัน หนิงรุ่ยไม่อาจสงบใจได้เช่นนั้น เมื่อเห็นกู่อิ่งไม่สามารถสลัดเยี่ยซาออกไปได้ จึงยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะฆ่าสองพี่น้องสกุลฟ่าน หนิงรุ่ยรู้สึกกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก
“ท่านอาจารย์ใหญ่…ระ…เราจะทำอย่างไรกันดี” กงเฉิงเหล่ยกลัวมากจนแข้งขาอ่อนแรง ถึงแม้เขาจะกลัวกู่อิ่งด้วย แต่อย่างน้อยถ้ากู่อิ่งชนะ เขาก็ยังสามารถรอดชีวิตไปได้ แต่ถ้ากู่อิ่งพ่ายแพ้…กงเฉิงเหล่ยไม่กล้าคิดต่อเลย ตอนที่หนิงรุ่ยเอ่ยคำพูดเสียดสีเยาะเย้ยพวกนั้น ก็เพราะมั่นใจว่ากู่อิ่งจะสามารถใช้พลังของเขาควบคุมทุกอย่างเอาไว้ได้ เขาจึงกล้าเปิดเผยทุกสิ่งทุกอย่างแบบนั้น แต่ถ้าทุกอย่างหลุดออกจากควบคุมเล่า จะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา
“หุบปาก! กู่อิ่งไม่มีวันแพ้! นอกจากเวินซินหันแล้ว ก็ไม่มีใครต่อกรกับเขาได้อีก!” หนิงรุ่ยตะคอก ดูเหมือนเขากำลังเตือนกงเฉิงเหล่ย แต่ความจริงแล้วเขากำลังระงับความรู้สึกไม่ปลอดภัยภายในใจของตัวเองต่างหาก
สิ่งที่แม้แต่กงเฉิงเหล่ยยังตระหนักได้ เขาย่อมไม่พลาด
ถ้ากู่อิ่งชนะ ทุกอย่างก็จะเป็นไปด้วยดีสำหรับเขา แต่ถ้ากู่อิ่งแพ้ นั่นย่อมหมายถึงช่วงเวลาแห่งหายนะ!
กงเฉิงเหล่ยที่ถูกหนิงรุ่ยตะคอกใส่ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว แต่เขาก็ยังคงไม่สบายใจ กู่อิ่งอาจจะแข็งแกร่งมาก มากเสียจนนอกจากเวินซินหันแล้วก็ไม่มีใครอื่นที่สามารถต้านทานการโจมตีของเขาได้ แต่ชายลึกลับที่ปรากฏตัวพร้อมกับจวินอู๋เสียนั้นไม่เพียงแต่หยุดการโจมตีของกู่อิ่งได้ แต่ยังต่อสู้พัวพันกับเขาอยู่นาน และกู่อิ่งก็ยังไม่สามารถสะบัดหลุดจากชายผู้นั้นได้ ยิ่งกว่านั้นเขายังมีพลังที่แปลกประหลาด ไม่ใช่พลังวิญญาณสีที่คนในโลกนี้คุ้นเคย แต่มันเป็นพลังวิญญาณสีดำ!
เมื่อเห็นการต่อสู้ระหว่างเยี่ยซาและกู่อิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ความกลัวในหัวใจของกงเฉิงเหล่ยก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
ความกลัวของหนิงรุ่ยกับกงเฉิงเหล่ย ก็คือความหวังของทุกคนในสำนักศึกษาเฟิงหัวที่จะช่วยพวกเขาจากสถานการณ์สิ้นหวังนี้ได้
ทุกคนต่างเฝ้ามองพร้อมกับกำหมัดแน่น หัวใจของพวกเขาเต้นโครมคราม มีเพียงจวินอู๋เสียคนเดียวที่ดูเหมือนจะไม่สนใจเลย ราวกับว่าจะชนะหรือแพ้ก็ไม่สำคัญอะไรเลย
หรือไม่ก็…
นางรู้อยู่แล้วว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร!
ทันใดนั้นคนทั้งสองที่กำลังสู้กันอยู่ก็ผละออกจากกัน คลื่นพลังที่ยังหลงเหลืออยู่ไหลบ่าเข้าใส่กลุ่มผู้ชมที่กำลังเฝ้ามองอย่างจดจ่อ เป็นผลสะท้อนจากการปะทะกันอย่างรุนแรง!
ร่างของเยี่ยซาร่อนลงมายืนข้างๆ จวินอู๋เสีย โลหิตสีแดงไหลลงจากมุมปากของเขา และมีบาดแผลจำนวนมากทั่วร่างกาย
อีกด้านหนึ่ง กู่อิ่งก็ร่อนลงบนพื้นเช่นกัน สภาพของเขาดูดีกว่าเยี่ยซา ไม่มีบาดแผลบนร่างกายมากนัก โลหิตสักหยดก็ไม่เห็นมี
เมื่อหนิงรุ่ยเห็นสภาพของคนทั้งสอง เขาก็มีสีหน้ายินดีขึ้นมา
กู่อิ่งชนะ!
กู่อิ่งชนะแล้ว!
เขาว่าแล้ว! ไม่มีใครต่อกรกับกู่อิ่งได้!
ขณะที่หนิงรุ่ยกำลังจะก้าวขึ้นไปยกย่องชมเชยกู่อิ่ง ท้องของกู่อิ่งที่ยืนทำหน้านิ่งอยู่ก็ดูเหมือนจะปั่นป่วนขึ้นมา จากนั้นเขาก็กระอักโลหิตออกมาจากปาก!
ในตอนที่โลหิตสีแดงสดพุ่งออกมา ร่างของกู่อิ่งก็โอนเอนไปมา เขาจับหน้าอกตัวเองไว้แน่น พร้อมกับทำหน้านิ่วคิ้วขมวด จ้องไปทางจวินอู๋เสียที่ยืนอยู่ข้างหลังเยี่ยซา แววตาของเขาลุกเป็นไฟ อยากจะอาละวาดใส่จวินอู๋เสียเสียเดี๋ยวนั้น
“เจ้าเป็นใคร” เขาเจ็บปวดไปทั่วทั้งร่างอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน กู่อิ่งรู้ว่าดูผิวเผินแล้ว บาดแผลของเยี่ยซาดูร้ายแรงกว่าของเขา แต่นั่นเป็นแค่การเปรียบเทียบบาดแผลภายนอกเท่านั้น ไม่นับรวมอาการบาดเจ็บภายในร้ายแรงที่เขาได้รับในการต่อสู้!
ตอนที่ 736 ตบหน้าครั้งที่แปด (17)
เยี่ยซาไม่ตอบคำถามของกู่อิ่ง เขาเตรียมโจมตีอีกครั้ง
เมื่อหนิงรุ่ยเห็นกู่อิ่งกระอักโลหิตออกมา ในใจเขาก็เริ่มปั่นป่วนอลหม่าน สิ่งต่างๆ ไม่เป็นไปตามที่คาด เขาคิดไม่ถึงว่ากู่อิ่งจะไม่ใช่คู่ต่อกรของชายลึกลับผู้นั้น!
เยี่ยซาโจมตีอีกครั้ง กู่อิ่งทำได้เพียงต้านทานด้วยพลังทั้งหมดที่มี แต่รอบนี้เขาไม่สามารถกระตุ้นระดับขั้นพลังวิญญาณของเขาได้อีกแล้ว และทำได้เพียงเป็นฝ่ายตั้งรับเท่านั้น!
ในที่สุดกู่อิ่งก็ล้มลงกับพื้น ทั้งตัวเต็มไปด้วยบาดแผล เขาขบกรามเอาไว้แน่นเพื่อสะกดเสียงร้องจากความเจ็บไม่ให้หลุดออกจากปาก ดวงตาของเขาจ้องจวินอู๋เสียที่อยู่อีกด้านหนึ่งเขม็ง
เขารู้สึกเจ็บใจเป็นอย่างมาก!
“เห็นหรือไม่ เจ้าไม่มีความสามารถ” จวินอู๋เสียมองเข้าไปในดวงตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บแค้นของกู่อิ่ง แต่นัยน์ตาของนางกลับไม่แสดงความรู้สึกใดๆ เลย
กู่อิ่งไม่เคยคิดเลยสักครั้งว่าวันหนึ่งเขาจะต้องมาตายที่สามโลกเบื้องล่าง ความแข็งแกร่งของเยี่ยซาทำให้เขาตกใจมาก แต่สิ่งที่ทำให้เขาเสียใจอย่างถึงที่สุดจริงๆ ก็คือจวินอู๋เสีย…
ขณะที่เยี่ยซากำลังจะปลิดชีพกู่อิ่ง คนหลายคนก็ปรากฏตัวขึ้นในสำนักศึกษาเฟิงหัว แสงสีม่วงสายหนึ่งพุ่งเข้าใส่เยี่ยซาจนเขาต้องล่าถอยในทันที ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่คู่ต่อสู้ที่พุ่งเข้ามา
บุรุษหน้าตาดีสี่คนปรากฏตัวขึ้น
เมื่อจวินอู๋เสียเห็นหน้าของผู้ที่บุกรุกเข้ามาใหม่ นางก็หรี่ตาลงเล็กน้อย
พวกเขาคือบุรุษสี่คนที่อยู่กับกู่อิ่งในโรงประมูลชานหลินเมื่อตอนนั้น!
คนจากสามโลกชั้นกลาง!
ใจของจวินอู๋เสียดิ่งวูบ นางได้ตรวจสอบซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อยืนยันว่ามีเพียงกู่อิ่งคนเดียวที่อยู่ในสำนักศึกษาเฟิงหัว นางกังวลเรื่องของคนพวกนี้ เยี่ยซามั่นใจว่าสามารถจัดการกู่อิ่งได้ก็จริง แต่ถ้าจำนวนคู่ต่อสู้เพิ่มขึ้น มันก็จะเป็นอันตรายอย่างถึงที่สุดสำหรับพวกเขา
บุรุษผู้ซึ่งเป็นผู้นำของคนกลุ่มนั้นขมวดคิ้วมองกู่อิ่งที่นอนอยู่บนพื้นแล้วถามอย่างเย็นชาว่า “เจ้าตกอยู่ในสภาพนี้ได้อย่างไร”
เมื่อเห็นกู่อิ่งนอนจมอยู่บนกองเลือดสีแดงสด สายตาของเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ พวกเขากล้าทิ้งให้กู่อิ่งอยู่ที่สำนักศึกษาเฟิงหัวเพียงลำพัง ก็เพราะรู้ว่าไม่มีใครที่นี่สามารถทำร้ายแม้แต่เส้นผมของกู่อิ่งได้ แต่สิ่งที่พวกเขาเห็นตอนนี้ทำให้พวกเขาตกใจมาก
กู่อิ่งไม่เพียงแค่บาดเจ็บ แต่อาการบาดเจ็บของเขายังสาหัสมากอีกด้วย!
หนึ่งในบุรุษพวกนั้นตรงเข้าช่วยกู่อิ่งทันที เขาหยิบโอสถออกมาและป้อนมันให้กู่อิ่ง
เมื่อได้เห็นพรรคพวกของเขา ความรู้สึกสิ้นหวังในใจของกู่อิ่งก็เลือนหายไป เขาไม่สนใจความเจ็บปวดและมองไปที่จวินอู๋เสีย รอยยิ้มเหี้ยมปรากฏขึ้นที่ริมฝีปาก
เขาต้องยอมรับว่าชายลึกลับผู้นั้นแข็งแกร่งมากจริงๆ แต่พรรคพวกของเขามาถึงแล้ว และถ้าทั้งสี่คนโจมตีพร้อมกัน ชายลึกลับผู้นั้นย่อมไม่สามารถรับมือได้!
“จวินเสีย…ดูเหมือนว่าข้าจะยังไม่ตายนะ…เจ้าผิดหวังหรือไม่เล่า” กู่อิ่งไม่มองคนอื่นเลย สายตาของเขาจ้องมองแค่จวินอู๋เสียเท่านั้น เขามองไปที่ใบหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ นอกจากความสงบนิ่ง รอคอยที่จะได้เห็นอารมณ์ที่จะหลุดออกมาแม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม
“เขาเป็นคนทำร้ายเจ้าอย่างนั้นหรือ” บุรุษผู้ซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มมองตามสายตาของกู่อิ่ง เมื่อเห็นจวินอู๋เสียเขาก็ประหลาดใจเล็กน้อย เด็กหนุ่มผู้นี้ยังดูเด็กมาก เด็กกว่ากู่อิ่งเล็กน้อย แต่สายตาคู่นั้นเย็นชาผิดปกติ เย็นชามากกว่าทุกคนที่เขาเคยพบมา
“เขารู้ทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณ เก็บเขาเอาไว้แล้วพากลับไปกับเรา” กู่อิ่งกัดฟันเพื่อสะกดกลั้นความเจ็บปวดทรมานและฉีกยิ้มออกมา เขาจะไม่ฆ่าจวินอู๋เสีย เขาต้องการให้จวินอู๋เสียรู้ว่าการมีชีวิตอยู่นั้นเจ็บปวดทรมานยิ่งกว่าความตายเสียอีก
อย่างไรก็ตาม อาการบาดเจ็บของกู่อิ่งสาหัสมาก เขาพูดจบก็กระอักโลหิตออกมาและไม่สามารถครองสติเอาไว้ได้อีกต่อไป หลังจากมองไปที่จวินอู๋เสียอีกครั้ง เขาก็หมดสติไป
“พาเขากลับไปก่อน” บุรุษซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มกล่าวกับคนที่อยู่ข้างๆ เขามองกู่อิ่งที่หมดสติพร้อมกับทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
คนผู้นั้นพยักหน้าและแบกกู่อิ่งขึ้นหลัง จากนั้นเขาก็หายตัวไปจากจุดที่ยืนอยู่ทันที!