ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 741 ตบหน้าครั้งที่แปด (22) ตอนที่ 742 หลอกจับมือ (1)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 741 ตบหน้าครั้งที่แปด (22) ตอนที่ 742 หลอกจับมือ (1)
ตอนที่ 741 ตบหน้าครั้งที่แปด (22) / ตอนที่ 742 หลอกจับมือ (1)
ตอนที่ 741 ตบหน้าครั้งที่แปด (22)
ในขณะที่ทุกคนยังคงตกตะลึงในความแข็งแกร่งของจวินอู๋เย่า ก็มีบางคนที่กำลังรู้สึกสิ้นหวังอย่างถึงที่สุด
หนิงรุ่ยยืนแข็งทื่ออยู่กับที่ ใบหน้าของเขาขาวซีด ทั่วทั้งร่างรู้สึกเย็นยะเยือกไปจนถึงกระดูก
จบแล้ว…ทุกอย่าง…จบสิ้นแล้ว…
ความหวังได้ลุกโชนขึ้นมาหลายครั้งหลายครา แต่สุดท้ายก็เหลือเพียงความสิ้นหวัง ภาพที่เห็นคนกลุ่มนั้นนอนจมอยู่บนกองโลหิตของตัวเอง ทำให้หนิงรุ่ยรู้สึกเหมือนกำลังมองดูชะตากรรมที่ใกล้จะมาถึงตัวเขาในอีกไม่ช้า
ความหวาดกลัวเกาะกุมไปทั้งหัวใจของเขา!
“อา…อาจารย์ใหญ่…เราจะทำอย่างไรดี…เราจะทำอย่างไรกันดี…” ขาของกงเฉิงเหล่ยอ่อนปวกเปียก ตอนที่กลุ่มคนพวกนั้นปรากฏตัวขึ้น เขาคิดว่าสถานการณ์พลิกกลับแล้ว แต่สิ่งต่างๆ กลับเหนือความคาดหมายของพวกเขา
ชายหนุ่มที่มีพลังแข็งแกร่งมากผู้นั้นได้ทำลายเศษเสี้ยวความหวังสุดท้ายของพวกเขาไปจนหมดสิ้น…
กู่อิ่งถูกช่วยไปแล้ว คนที่เหลืออยู่ก็ตายหมด ทันใดนั้นพวกเขาก็พบว่าเหลือเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในสำนักศึกษาเฟิงหัว!
เงาสีดำแห่งความตายปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของพวกเขา
เมื่อถูกกงเฉิงเหล่ยถามด้วยคำถามเช่นนี้ หนิงรุ่ยก็รู้สึกสั่นไปทั้งร่าง เขามองดูพวกลูกศิษย์ที่กำลังตกตะลึงรอบตัวเขา และเห็นว่าความสนใจของทุกคนพุ่งตรงไปยังชายหนุ่มผู้แข็งแกร่งจนน่ากลัวผู้นั้น
“หนี…หนีเร็ว…” ในใจของหนิงรุ่ยมีเพียงความคิดที่จะหนีเท่านั้น เขาไม่สนอย่างอื่นอีกแล้ว เขาก้มตัวลงห่อไหล่ พยายามทำตัวให้ดูเล็กลีบที่สุดเพื่อที่จะได้แอบหนีไปอย่างเงียบๆ
แต่ทว่า สวรรค์ไม่ยอมให้โอกาสนั้นกับเขา
“ท่านอาหนิง ไม่สิ หนิงรุ่ย เจ้าจะไปไหนอย่างนั้นหรือ” ร่างสูงเพรียวบางของฟ่านจัวขยับเข้ามายืนขวางเส้นทางของหนิงรุ่ยเอาไว้ ใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มอ่อนโยนเช่นเคย เว้นแต่ว่าดวงตาของเขากำลังลุกโชนไปด้วยความต้องการฆ่าอย่างไม่อาจระงับเอาไว้ได้!
หนิงรุ่ยใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม เขาถอยหลังไปสามก้าวด้วยความกลัว
กงเฉิงเหล่ยที่อยู่ด้านหลังเขาตระหนักว่าความผิดของเขาถูกเปิดโปงออกมาแล้ว เขารีบคุกเข่าลงเสียงดังแทบเท้าฟ่านจัว กล่าวพร้อมน้ำตานองหน้าว่า “คุณชายรอง ทั้งหมดนี้เป็นการกระทำของหนิงรุ่ยเพียงคนเดียว ข้าแค่หลงไปกับคำสัญญาของเขาและช่วยเขาปกปิดความจริงเท่านั้น อาจารย์ใหญ่ถูกเขากับกู่อิ่งฆ่าตาย ข้าไม่รู้ไม่เห็นอะไรด้วยเลย!”
ฟ่านจัวไม่แม้แต่จะเหลือบมองกงเฉิงเหล่ยสักนิด เขายกเท้าเตะกงเฉิงเหล่ยกระเด็นไปนอนแผ่อยู่บนพื้น
บิดาของเขาใจดีและไว้ใจคนง่ายเกินไป ไม่ได้รู้เลยว่าได้เก็บสุนัขขี้ขลาดเลี้ยงไม่เชื่องเอาไว้ข้างกายมาตลอดหลายปี!
ถึงแม้ใบหน้าของหนิงรุ่ยจะซีดขาว แต่เมื่อเขาเห็นฟ่านจัว ความกลัวก็พลันหายไป เขารู้ว่าชีวิตเขาจบสิ้นแล้วและคงไม่อาจรอดออกไปได้ นั่นทำให้เขาหมดสิ้นความกลัว เขาก้มลงมองกงเฉิงเหล่ยที่นอนกองอยู่บนพื้นอย่างน่าสังเวช แล้วเหยียดริมฝีปากอย่างดูถูกพร้อมตวาดออกมา
“เจ้าโง่ คิดว่าอ้อนวอนแล้วมันจะปล่อยเจ้าไปอย่างนั้นรึ ความผิดก่อนหน้านี้ของเจ้าที่แอบวางยาในอาหารของมันไม่ถูกลืมง่ายๆ หรอกโว้ย ไม่รู้หรืออย่างไร!”
น้ำเสียงดูถูกเหยียดหยามที่ชี้แจงความจริงให้ฟังอย่างโหดร้ายของหนิงรุ่ย ทำให้กงเฉิงเหล่ยที่อยู่บนพื้นตัวสั่นรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ฟ่านจัวยิ้มกว้างให้หนิงรุ่ยแล้วพูดว่า “เจ้าพูดได้ถูกต้อง ข้าไม่คิดจะไว้ชีวิตเขา”
“และแน่นอนว่า เจ้าก็เช่นกัน” ไฟแค้นในดวงตาของฟ่านจัวลุกโหมรุนแรงยิ่งขึ้น
หนิงรุ่ยตอบว่า “คนชนะย่อมได้ทุกอย่างอยู่แล้ว ข้ายอมรับความพ่ายแพ้” เขาคำนวณการเคลื่อนไหวทุกย่างก้าว วางแผนทุกอย่างอย่างละเอียดถี่ถ้วน แต่เจ้าเด็กสารเลวจวินเสียก็ทำลายทุกสิ่งจนพังพินาศ ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าเด็กนี่ หนิงซินก็คงฆ่าฟ่านจิ่นสำเร็จไปแล้ว และอำนาจควบคุมสำนักศึกษาเฟิงหัวก็อาจจะตกอยู่ในมือเขาโดยที่ไม่จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากคนนอกจนทำให้ตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวังแบบนี้
ตั้งแต่แรกที่หนิงซินวางแผนใช้จวินอู๋เสียทำลายความน่าเชื่อถือของฟ่านจิ่น ก็เป็นความผิดพลาดที่เลวร้ายที่สุด และมันก็สายเกินไปที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้แล้ว
เมื่อก้าวแรกผิด ก้าวต่อๆ ไปก็ย่อมผิดตามทั้งหมด!
หนิงรุ่ยถามตัวเองนับครั้งไม่ถ้วนว่า ถ้าไม่มีจวินอู๋เสีย เขาจะทำสำเร็จหรือไม่
เด็กหนุ่มตัวเล็กๆ ที่ไม่สะดุดตาผู้นี้อยู่ดีๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นในสำนักศึกษาเฟิงหัว และทำลายแผนการที่เขาค่อยๆ ดำเนินการมานานหลายปีจนพินาศสิ้น และตอนนี้กระทั่งตัวเขาเองก็ต้องประสบกับความหายนะเช่นกัน!
ตอนที่ 742 หลอกจับมือ (1)
ศิษย์ทุกคนของสำนักศึกษาเฟิงหัวพากันจ้องมองหนิงรุ่ยด้วยสายตาเกลียดชังจากทุกทิศทาง คำพูดเสียดสีเยาะเย้ยที่หนิงรุ่ยพูดออกมาตอนที่เขาเชื่อว่าชัยชนะได้อยู่ในมือของเขาแล้ว บัดนี้ได้กลายเป็นดาบอันแหลมคมที่ย้อนกลับมาทำร้ายเขา
คนที่พยายามใช้ชีวิตของทุกคนในสำนักศึกษาเฟิงหัวเพื่อแลกเปลี่ยนกับพลังและอำนาจ สุดท้ายก็ต้องเผชิญกับการพิพากษา!
ฟ่านจัวไม่ได้เอาชีวิตของเขาในทันที เขาแค่จับหนิงรุ่ยกับกงเฉิงเหล่ยขังเอาไว้ก่อน แม้ว่าความเกลียดชังอันรุนแรงจะกระตุ้นให้เขาอยากสับทั้งสองคนนี้เป็นพันๆ ชิ้นในทันที เขาก็ระงับตัวเองเอาไว้ เนื่องจากคนที่ต้องเห็นพวกมันถูกลงโทษนั้นไม่ใช่เขา แต่เป็นฟ่านจิ่น
หนิงรุ่ยถูกผู้คุ้มกันลากออกไปพร้อมกับกงเฉิงเหล่ย ฟ่านจัวหันไปมองฟ่านจิ่นโดยไม่ได้ตั้งใจ ใบหน้านั้นเหมือนกันทุกส่วน แต่เขาก็รู้ดีแก่ใจว่านั่นไม่ใช่พี่ชายที่เขารักตัวจริง…
วิกฤตในสำนักศึกษาเฟิงหัวคลี่คลายลงแล้ว ในที่สุดทุกคนในสำนักศึกษาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก พวกเขาต่างรู้สึกเหมือนได้รับชีวิตใหม่หลังจากถูกดึงออกจากหุบเหวแห่งความสิ้นหวัง พวกเขารู้สึกสำนึกในบุญคุณของจวินอู๋เสียอย่างถึงที่สุดที่ช่วยชีวิตพวกเขาทุกคนเอาไว้ และได้เพิ่มความเคารพนับถือและกลัวเกรงชายหนุ่มผู้แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อผู้นี้ด้วย
กู่อิ่งได้รับบาดเจ็บหนัก หนิงรุ่ยกับคนของเขาถูกคุมขัง ในที่สุดเหตุการณ์เลวร้ายในสำนักศึกษาเฟิงหัวก็จบลง
สำนักศึกษาเฟิงหัวประสบกับความเสื่อมถอยมากมาย จำเป็นอย่างยิ่งที่พวกเขาจะต้องปรับตัวเองใหม่ ตามกฎแล้ว ตำแหน่งอาจารย์ใหญ่จะตกเป็นของฟ่านจิ่น และฟ่านจิ่นก็ยอมรับมันด้วยรอยยิ้มสบายๆ คำสั่งแรกของเขาในฐานะอาจารย์ใหญ่สำนักศึกษาเฟิงหัว ก็คือให้ศิษย์และอาจารย์ทุกคนกลับไปพักผ่อน เขาแจ้งทุกคนว่าสำนักศึกษาเฟิงหัวจะหยุดสักสองสามวันเพื่อให้ทุกคนได้พักหายใจหายคอกัน
สิ่งต่างๆ เริ่มสงบลงแล้ว แต่จวินอู๋เสียยังไม่สามารถกลับไปได้
จวินอู๋เย่าจับมือเล็กๆ ของจวินอู๋เสียเอาไว้ และพาเดินตรงไปที่ลานป่าไผ่
“เจ้าช่างเป็นเด็กน้อยที่ห้าวหาญจริงๆ เพิ่งจะเรียนวิธีกระตุ้นพลังวิญญาณให้ถึงขั้นสีม่วงได้ไม่นานแท้ๆ กล้าที่จะไปต่อสู้กับคนพวกนั้นแล้ว ถ้าข้ามาไม่ทันเวลา เจ้าคงบาดเจ็บหนักอีกแล้วล่ะสิ” จวินอู๋เย่าพาจวินอู๋เสียไปนั่งลงที่โต๊ะ เยี่ยเม่ยกับเยี่ยซาที่ตามหลังพวกเขามาต่างเงียบกริบ พวกเขาก้มศีรษะลงและล่าถอยออกไปยืนอยู่ข้างประตูด้านนอกห้อง พยายามซ่อนตัวตนเอาไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ท่านมาที่นี่ทำไม” จวินอู๋เสียไม่ตอบคำถามของจวินอู๋เย่า แต่กลับสนใจการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเขามากกว่า
จู่ๆ จวินอู๋เย่าก็ไป แล้วจู่ๆ เขาก็กลับมา จวินอู๋เสียคิดไม่ออกว่าเขาหายตัวไปอยู่ที่ไหนในช่วงนั้น
จวินอู๋เย่าตอบว่า “เยี่ยเม่ยมาหาข้า เขาบอกว่าเจ้าหายตัวไปที่ด้านล่างของผาสุดขอบฟ้า”
จวินอู๋เสียชะงักและคิดย้อนกลับไปในตอนที่นางกลับมารวมตัวกับคนอื่นๆ นางจำได้ว่านางไม่เห็นเยี่ยเม่ยมาพร้อมกับพวกเขา ที่แท้เยี่ยเม่ยก็ไปหาจวินอู๋เย่านี่เอง
“แล้วท่านมาที่นี่ได้อย่างไร” จวินอู๋เสียจำได้ว่าผาสุดขอบฟ้าไกลจากสำนักศึกษาเฟิงหัวมาก
“ข้าย่อมไปในที่ที่เจ้าไป” จวินอู๋เย่าพูดพร้อมกับหัวเราะ เยี่ยเม่ยไปตามหานายท่านของเขาได้ครึ่งทางก็ได้รับข่าวจากเยี่ยซาว่าพบตัวจวินอู๋เสียแล้ว แต่เยี่ยเม่ยมีเรื่องที่ต้องรายงานนายท่าน เขาจึงออกค้นหาต่อไป
ในที่สุดจวินอู๋เย่าก็ได้รู้ว่าสถานที่ที่เรียกว่าผาสุดขอบฟ้า แท้จริงแล้วคือสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ และดูเหมือนว่าเสี่ยวเสียเอ๋อร์ของเขาก็สนใจสมบัติที่ถูกฝังไว้ใน ‘สุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ’ เป็นอย่างมากเช่นกัน
“ก็แค่บังเอิญน่ะ ตอนที่ข้ามาถึง ข้าเห็นเจ้ากำลังลำบากพอดี เจ้าคิดจะเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงเพื่อสู้กับเจ้านั่นจริงๆ น่ะรึ!” จวินอู๋เย่าดุอย่างอ่อนโยนพร้อมกับจับมือของจวินอู๋เสียเอาไว้ นิ้วของนางเรียวยาว ปลายนิ้วโค้งมนและอ่อนนุ่ม เล็บสีชมพูราวกลีบดอกไม้ งดงามชวนมองยิ่งนัก เขาบีบมือนางเล่นแต่ดูเหมือนนางไม่รู้สึกอะไร ใบหน้ายังคงสงบนิ่งไร้ความรู้สึก ขณะที่จวินอู๋เย่าก็อดใจไม่ได้ เขาลูบไล้และบีบปลายนิ้วของจวินอู๋เสียเล่น
นิ้วของนางเล็กและนุ่มนิ่มเหลือเกิน
“ไม่” จวินอู๋เสียพูดพลางมองคนที่ยึดมือนางเอาไว้และกำลังบีบไม่หยุดก่อนจะพูดต่อว่า “ข้าไม่ได้รับบาดเจ็บ”