ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 755 รัฐเหยียน (6) ตอนที่ 756 รัฐเหยียน (7)
ตอนที่ 755 รัฐเหยียน (6) / ตอนที่ 756 รัฐเหยียน (7)
ตอนที่ 755 รัฐเหยียน (6)
ในตอนที่จวินอู๋เสียลุกขึ้นยืนและเดินเข้ามาใกล้จวินอู๋เย่า เขาก็ยกมือขึ้นมาจับมือนางเอาไว้อย่างลื่นไหลและเป็นธรรมชาติ พวกเขาเดินตรงไปยังห้องโถงบนชั้นสอง
จวินอู๋เสียดูจะเคยชินกับการแสดงความรักของจวินอู๋เย่าแล้ว ตอนแรกนางรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย แต่นางก็นึกไปถึงเหตุการณ์ที่นางเคยพบในชาติก่อน นางได้เห็นพี่น้องคู่หนึ่ง พี่ชายก็จับมือน้องสาวของเขาเอาไว้แบบนี้
แต่จวินอู๋เสียไม่ได้สังเกตอย่างหนึ่งว่า ตอนที่พี่ชายจับมือน้องสาวนั้นเป็นตอนที่พวกเขากำลังข้ามถนน และพี่น้องคู่นั้นก็เพิ่งอายุราวๆ แปดขวบเท่านั้น…
เฉียวฉู่และคนอื่นๆ นั่งรออยู่ที่ห้องโถงชั้นสองกันก่อนแล้ว เมื่อพวกเขาเห็นจวินอู๋เสียกับจวินอู๋เย่ามาถึง เฉียวฉู่ก็โบกมือเร่งให้พวกเขารีบเข้าไป
“พี่เยี่ยซากับพี่เยี่ยเม่ยไปไหนกัน” เฉียวฉู่มองไปที่ด้านหลังของคนทั้งคู่แต่ก็ไม่เห็นวี่แววของเยี่ยซากับเยี่ยเม่ย จึงถามขึ้นอย่างสงสัยเล็กน้อย
จวินอู๋เย่าตอบว่า “พวกเขามีธุระน่ะ”
เฉียวฉู่พยักหน้าและไม่กล้าซักถามอะไรต่อ ถึงแม้พวกเขาจะไม่กลัวจวินอู๋เย่ามากๆ อีกต่อไปแล้ว แต่พวกเขาก็ยังกระสับกระส่ายอยู่ดีเมื่อเผชิญหน้ากับพลังอำนาจของจวินอู๋เย่า ความลึกลับของเขา รวมถึงข้ารับใช้ทั้งสองที่มักปรากฏตัวขึ้นและหายตัวไปแบบไม่คาดฝันอยู่เสมอ
ไม่นานนักพนักงานของโรงเตี๊ยมก็ยกอาหารและเครื่องดื่มมาวางให้จนเต็มโต๊ะ จากนั้นก็ล่าถอยออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ทั้งชั้นเหลือเพียงพวกเขาแค่แปดคน
เฉียวฉู่คีบอาหารเข้าปาก จากนั้นก็ขมวดคิ้วนิ่วหน้า
“อาหารก็ดูดี แต่รสชาติอร่อยสู้ที่พี่เยี่ยเม่ยทำไม่ได้เลย” ตอนอยู่ที่ลานป่าไผ่ ถึงแม้จะมีเพียงจวินอู๋เสียกับจวินอู๋เย่าอยู่ที่นั่นก็ตาม แต่การทำอาหารนั้นเป็นหน้าที่ของเยี่ยซากับเยี่ยเม่ย ถึงแม้ตอนแรกเฉียวฉู่และคนอื่นๆ จะไม่กล้าไปที่นั่นบ่อยนัก แต่พวกเขาก็ยังโผล่ไปขออาหารกินบ้างเป็นครั้งคราว
และแค่กินอาหารที่นั่นไปเพียงครั้งเดียว ก็เพียงพอแล้วที่จะให้เฉียวฉู่ตกหลุมรักความสามารถในการทำอาหารของเยี่ยเม่ยแบบหัวปักหัวปำ เขาเริ่มอ้อนวอนและลากฮวาเหยาไปที่ลานป่าไผ่กับเขาด้วยทุกวันอย่างหน้าไม่อาย พร้อมข้ออ้างว่าจะมาปรึกษากับจวินอู๋เสียเรื่องแผนการชิงแผนที่ส่วนที่สี่มา แต่ความจริงแล้วสิ่งที่เขาต้องการก็คือการได้ลิ้มรสชาติอาหารขั้นเทพของที่นั่นอีกครั้ง
ฮวาเหยาก็ชิมอาหารด้วยเช่นกัน และพยักหน้าน้อยๆ เป็นเชิงเห็นด้วยกับการวิจารณ์ของเฉียวฉู่
เยี่ยเม่ยที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดกำลังจะไปสอดแนมในเมืองหลวงรัฐเหยียนพร้อมกับเยี่ยซา เขาได้ยินคำวิจารณ์แบบตรงไปตรงมาของเฉียวฉู่เข้าโดยบังเอิญ ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวอย่างเศร้าสลดในทันที
ถึงแม้ว่า…
นั่นจะเป็นคำชมในฝีมือการทำอาหารของเขาก็ตาม ทำไมเขาถึงไม่รู้สึกดีใจที่ได้ยินเช่นนั้นเลยสักนิดเล่า
ให้ตายเถอะ ข้าไม่ใช่พ่อครัวนะ!
สวรรค์! ข้าไม่ได้ต้องการความคิดเห็นของเจ้า!
เยี่ยซาตบไหล่เยี่ยเม่ยอย่างเงียบๆ เป็นการปลอบใจและแสดงความเห็นอกเห็นใจอย่างสุดซึ้ง
ในฐานะพี่น้องผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกัน เขาเข้าใจความรู้สึกของเยี่ยเม่ยได้ดีกว่าใคร
มือทั้งสองของพวกเขาเกิดมาเพื่อจับดาบสร้างความหายนะและพายุโลหิต ทำให้เกิดความหวาดกลัวขึ้นในหัวใจของศัตรูทุกคน แต่นายท่านของพวกเขากลับบังคับให้พวกเขาทำอาหาร เย็บผ้า และงานบ้านงานเรือนต่างๆ มากมาย แทบจะทำให้พวกเขาเป็นบ้า การใช้ดาบสังหารมาฆ่าไก่นี่มัน…พวกเขาทำกระทั่งเย็บปักถักร้อยเพื่อนายท่าน นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาจะไม่มีวันพูดให้ใครฟัง ไม่ตลอดกาล
“พอเราไปจากสามโลกเบื้องล่างแล้ว ข้าสาบานว่าจะไม่ก้าวเท้าเข้าไปในครัวอีกเด็ดขาด!” เยี่ยเม่ยกัดฟันพูด สายตามุ่งมั่นอย่างแรงกล้า
อัปยศมาก!
นี่เป็นความอัปยศอดสูอย่างถึงที่สุด!
แค่ทำอาหารให้นายท่านกับคุณหนูใหญ่กินก็สุดๆ แล้ว ยังจะบอกว่าข้าเป็น ‘พ่อครัวที่เก่งกาจ’ อีก ไม่เห็นจะรู้สึกภูมิใจสักนิดเลย!
เยี่ยซาพยักหน้าต่อไปอย่างเข้าอกเข้าใจ
“ไม่เย็บชุดแล้วด้วย!” เมื่อเขาคิดย้อนไปถึงครั้งแรกที่ได้แตะเข็มเย็บผ้าเพื่อเย็บชุดให้เจ้าแกะโง่ใส่แล้ว เขาก็อยากจะเอาหัวโขกกำแพงตายไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด!
ในฐานะนักฆ่าที่เก่งกาจและเลือดเย็น พวกเขาต้องฝืนใจมาทำงานของสตรีเช่นนี้ ถ้าข่าวนี้รั่วไหลออกไป พวกเขาทั้งคู่คงฆ่าตัวตายมันเสียตรงนั้นนั่นแหละ
เยี่ยซาถอนหายใจแรงๆ และเดินออกจากโรงเตี๊ยมไปพร้อมกับเยี่ยเม่ยด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง
ตอนที่ 756 รัฐเหยียน (7)
หลังจากอิ่มหมีพีมันกันแล้ว เฉียวฉู่ก็เอนหลังพิงเก้าอี้ด้วยความพอใจและเรอออกมาเสียงดัง เฟยเยียนเหลือบมองเขาอย่างรังเกียจก่อนจะหันหน้าไปทางจวินอู๋เสียแล้วพูดว่า “ข้อมูลของรัฐเหยียนที่ข้าได้มา เจ้าได้อ่านมันหรือยัง”
ในช่วงเดือนกว่าๆ ที่ผ่านมา จวินอู๋เสียกับฟ่านจัวอยู่ในสำนักศึกษาเฟิงหัวโดยไม่ได้ออกไปที่ไหนเลย ขณะที่เฉียวฉู่ ฮวาเหยา และหรงรั่วกลับไปที่สำนักศึกษาหงส์อมตะเพื่อแจ้งกำหนดการเดินทางครั้งต่อไปของพวกเขา มีเพียงเฟยเยียนที่ยุ่งที่สุด เขาต้องทำความเข้าใจสถานการณ์ทั่วไปในรัฐเหยียนอย่างทะลุปรุโปร่งก่อนที่พรรคพวกของเขาจะออกเดินทาง พวกเขาจะได้วางแผนการในภารกิจได้อย่างละเอียดมากขึ้น
เฟยเยียนไม่ได้อยู่ว่างๆ เลยในช่วงนี้ และกลับมาในวันที่จวินอู๋เสียและคนอื่นๆ กำลังจะออกเดินทางนั่นแหละ ตลอดการเดินทางเขาได้บอกเล่าข้อมูลที่รวบรวมมาได้แก่คนอื่นๆ ทุกคนต่างเข้าใจสถานการณ์ทั่วไปของรัฐเหยียนในตอนนั้นแล้ว
ฮ่องเต้ของรัฐเหยียนมีโอรสทั้งสิ้นสี่พระองค์ องค์โตสุดคือองค์รัชทายาทของรัฐเหยียนที่เป็นเป้าหมายของจวินอู๋เสียกับสหายของนางในภารกิจนี้
จวินอู๋เสียพยักหน้า
“น้องเสียคิดจะทำอย่างไรต่อไป เราจะรอจนกว่าจะได้อันดับเพื่อเข้าใกล้องค์รัชทายาทหรือจะเริ่มกันเดี๋ยวนี้เลย ข้าได้ยินว่าองค์รัชทายาทจะมาพบปะกับศิษย์จากสำนักศึกษาต่างๆ ที่เข้าร่วมศึกประลองภูติวิญญาณเป็นครั้งคราวก่อนการประลองจะเริ่มต้นขึ้น” เฟยเยียนถามพลางมองจวินอู๋เสีย เขาพึ่งพาความคิดเห็นของจวินอู๋เสียในการลงมือขั้นต่อไปโดยไม่รู้ตัวไปแล้ว
ตั้งแต่ตอนที่เขาพบกับจวินอู๋เสียจนถึงตอนนี้ การประเมินสถานการณ์และการตัดสินใจของนางถูกต้องแม่นยำอยู่เสมอ เขายังไม่เห็นนางตัดสินใจพลาดเลยสักครั้ง
“ตอนนี้ยังไม่ต้องรีบร้อนทำอะไร รอดูกันไปก่อน” ถึงแม้ข้อมูลที่เฟยเยียนรวบรวมมาจะมีประโยชน์มาก นางก็ต้องการยืนยันให้แน่ใจด้วยสายตาของตัวเองก่อนที่จะตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง
จนถึงตอนนี้ ทั้งสองครั้งที่จวินอู๋เสียได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับคนที่เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับคนของสิบสองตำหนักนั้น พวกเขาไม่ได้เป็นนักบุญอย่างที่กล่าวอ้างเลยแม้แต่น้อย คนหนึ่งชอบใช้ชายหนุ่มหน้าตาดีมาเป็นหนูทดลองยาพิษ ขณะที่อีกคนก็วางแผนฆ่าศิษย์ทั้งสำนักศึกษา จากข้อมูลที่นางได้รับมา องค์รัชทายาทของรัฐเหยียนถูกมองว่าเป็นองค์รัชทายาทที่สุภาพและอ่อนน้อมถ่อมตนมาก เขาได้เป็นรัชทายาทตั้งแต่อายุสิบชันษา และได้แสดงความน่าเชื่อถือพึ่งพาได้ออกมาโดยไม่เคยก่อปัญหาใดๆ ที่เกินรับได้เลย นอกจากเขา ฮ่องเต้ยังมีพระโอรสอีกสามพระองค์ และองค์รัชทายาทก็ห่วงใยและรักพวกเขามากด้วย
ดูผิวเผินแล้ว เขาไม่ใช่คนไม่ดี
แต่…
เมื่อเขาเกี่ยวข้องกับคนจากสิบสองตำหนัก จวินอู๋เสียจึงไม่กล้ามั่นใจในตัวองค์รัชทายาทมากนัก
ก็เหมือนกับมั่วเซวี่ยนเฝ่ยในตอนแรก จากความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม จวินอู๋เสียรู้ว่าก่อนที่นางจะมาอยู่ในร่างนี้ ชื่อเสียงของมั่วเซวี่ยนเฝ่ยก็ไม่ได้แย่ไปกว่าองค์รัชทายาทของรัฐเหยียน ทั้งสองคนได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษที่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี เป็นคนสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตน แต่ในรายของมั่วเซวี่ยนเฝ่ยนั้น แท้จริงแล้วก็เป็นแค่คนหน้าไหว้หลังหลอกจอมเสแสร้งที่แต่งตัวดี ดูภูมิฐาน และสง่างามเท่านั้นเอง
“ก็ได้อยู่นะ ข้าเดาว่าอีกไม่นานเขาคงมาพบพวกเราที่นี่ เฟยเยียนบอกไว้ไม่ใช่หรือว่าองค์รัชทายาทโปรดปรานการพูดคุยกับพวกบ้านนอกอย่างเรา” เฉียวฉู่พูดพร้อมหัวเราะ ทุกปีก่อนที่ศึกประลองภูติวิญญาณจะเริ่มต้นขึ้น องค์รัชทายาทของรัฐเหยียนมักจะไปวนเวียนอยู่ตามสำนักศึกษาต่างๆ เสมอ เขาไม่เลือกปฏิบัติและเข้าเยี่ยมสำนักศึกษาต่างๆ ทั้งเล็กและใหญ่ แม้ว่าจะรวมสามสุดยอดสำนักศึกษาเข้าไปด้วย เขาก็ไม่มองข้ามสำนักศึกษาเล็กๆ ที่ผู้คนไม่เคยได้ยินชื่อ
นั่นทำให้คนจำนวนมากพากันงุนงง
การไปพบปะกับสามสุดยอดสำนักศึกษาจะทำให้สามารถรับผู้ที่มีพรสวรรค์อันเก่งกาจมาเป็นพวกได้ง่ายขึ้น
แต่การที่องค์รัชทายาทเอาเวลาไปเสียกับสำนักศึกษาธรรมดาๆ เป็นสิ่งที่ผู้คนไม่อาจเข้าใจได้เลย
จวินอู๋เสียยกน้ำขึ้นจิบโดยไม่ตอบอะไรเฉียวฉู่
ฟ่านจิ่นนั่งฟังอยู่เงียบๆ เขาไม่เข้าใจสิ่งที่คนอื่นๆ ปรึกษากันเลย ในใจของเขาคิดว่าเหตุผลเดียวที่พวกเขามาที่รัฐเหยียนก็เพื่อเข้าร่วมศึกประลองภูติวิญญาณเท่านั้น