ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 771 ต่างคนต่างความคิด (1) ตอนที่ 772 ต่างคนต่างความคิด (2)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 771 ต่างคนต่างความคิด (1) ตอนที่ 772 ต่างคนต่างความคิด (2)
ตอนที่ 771 ต่างคนต่างความคิด (1) / ตอนที่ 772 ต่างคนต่างความคิด (2)
ตอนที่ 771 ต่างคนต่างความคิด (1)
เหลยเชินกำลังนั่งคุยกับฟ่านจิ่นอยู่ที่ชั้นหนึ่งของโรงเตี๊ยมตำหนักเซียน เมื่อจวินอู๋เสียกับคนอื่นๆ ลงมา พวกเขาเห็นองค์ชายในชุดอาภรณ์ที่หรูหรากำลังนั่งตัวตรงอยู่บนเก้าอี้ พร้อมด้วยรอยยิ้มสุภาพอ่อนโยนบนใบหน้า พูดตามตรง หน้าตาของเหลยเชินค่อนข้างโดดเด่นสะดุดตาและมีเสน่ห์ แต่ไม่ได้ดูหยิบโหย่งกรีดกรายหรือดูแล้วไม่ถูกชะตา ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าคนผู้นี้เป็นคนสุภาพเรียบร้อยและได้รับการอบรมที่ดี และเป็นคนที่เข้าถึงได้ง่ายมากอีกด้วย
ฟ่านจิ่นเห็นจวินอู๋เสียกับคนอื่นๆ เดินเข้ามาจึงลุกขึ้นยืนทันทีและพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านนี้คือองค์รัชทายาทแห่งรัฐเหยียน องค์รัชทายาทเหลยเชิน”
เหลยเชินยืนขึ้นพยักหน้าให้กับทุกคนด้วยท่าทางสุภาพ
เฉียวฉู่และคนอื่นๆ ทักทายเขาพอเป็นพิธีและนั่งที่ของตัวเองพร้อมกับลอบสังเกตเหลยเชินไปด้วย
เหลยเชินมีชื่อเสียงในทางที่ดีและได้รับการยกย่องจากประชาชนในรัฐเหยียน ไม่ว่าจะด้วยท่าทางที่สุภาพอ่อนน้อมและคำนึงถึงผู้อื่นของเขา หรือพรสวรรค์ที่โดดเด่นของเขาก็ตาม ปีนี้เหลยเชินอายุยี่สิบห้าปี เขาบรรลุพลังถึงขั้นสีเขียวแล้ว และถึงแม้เขาจะไม่ใช่คนที่เก่งกาจที่สุดหรือมีพรสวรรค์อันน่ามหัศจรรย์ แต่ก็ถือได้ว่าดีทีเดียวสำหรับผู้สืบทอดบัลลังก์คนต่อไปที่สิ่งที่สำคัญมากที่สุดก็คือจิตใจไม่ใช่พลัง
“ข้าคิดว่าแต่ละคนคงเป็นยอดฝีมือของสำนักศึกษาเฟิงหัวใช่หรือไม่ ทุกคนดูโดดเด่นมาก อาจารย์ใหญ่ฟ่านจิ่นช่างเลือกคนได้ดีจริงๆ” เหลยเชินมองไปยังทุกคนที่นั่งอยู่ด้วยสายตาสุภาพอ่อนโยน
ฟ่านจิ่นตอบว่า “องค์ชายทรงชื่นชมเกินไปแล้ว”
“พวกเจ้าทุกคนคุ้นเคยกับรัฐเหยียนแล้วหรือยัง ถ้ามีสิ่งใดไม่ชอบใจก็บอกข้าได้ การที่พวกเจ้ามาเข้าร่วมศึกประลองภูติวิญญาณที่รัฐเหยียนจัดขึ้นนั้น ก็ถือเป็นการให้เกียรติรัฐเหยียนของเราแล้ว พวกเราไม่ต้องการให้มีสิ่งใดขาดตกบกพร่องในการต้อนรับพวกเจ้า” เหลยเชินพูดอย่างสุภาพ
ทั้งคณะเพียงแค่ยิ้มรับและพยักหน้า เฉียวฉู่เอียงตัวเล็กน้อยไปกระซิบกระซาบกับฮวาเหยาว่า “ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าองค์รัชทายาทคนนี้นอบน้อมมีน้ำใจมากเกินไปหน่อยเล่า เขาไม่สุภาพเกินไปหน่อยหรือสำหรับคนที่นั่งอยู่ในตำแหน่งนี้”
ฮวาเหยาพยักหน้าเล็กน้อย ถ้านี่เป็นเมื่อก่อนก็อาจจะยังเข้าใจได้ว่าทำไมเหลยเชินจึงสุภาพนัก แต่ด้วยสถานการณ์ของสำนักศึกษาเฟิงหัวในตอนนี้ การที่เหลยเชินยังคงสุภาพอ่อนน้อมอยู่นั้น ดูผิวเผินอาจจะไม่มีอะไรผิดปกติและอาจจะแสดงว่าเขายังคงนับถือพวกเขาอยู่มาก แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง การที่เหลยเชินมาที่โรงเตี๊ยมตำหนักเซียนคืนนี้ ไม่ใช่การตบหน้าสำนักศึกษาพิชิตมังกรฉาดใหญ่เลยหรือ รัฐเหยียนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับสามสุดยอดสำนักศึกษามาตลอดและไม่เคยลำเอียงเล่นพรรคเล่นพวก แต่การกระทำของเหลยเชินในคืนนี้กลับแสดงถึงสัญญาณของความลำเอียงอย่างชัดเจน
การที่จะทำให้ตำแหน่งองค์รัชทายาทแห่งรัฐเหยียนมั่นคงปลอดภัยและได้รับการสนับสนุนจากผู้คนอย่างมากมาย ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทำได้สำเร็จ ถ้าบอกพวกเขาว่าเหลยเชินไม่มีลูกไม้อะไรซ่อนอยู่เลย ต่อให้ฆ่าพวกเขาให้ตายพวกเขาก็ไม่เชื่อ
ขณะที่เหลยเชินพูดคุยกับฟ่านจิ่นต่อไปเรื่อยๆ หางตาของเขาก็ลอบชำเลืองมองจวินอู๋เสียที่นิ่งเงียบอยู่ ที่โรงประมูลในวันนี้ เขามัวแต่สนใจชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหล่าที่อยู่ข้างๆ จวินอู๋เสีย และไม่ได้สังเกตเด็กหนุ่มตัวเล็กบอบบางคนนี้อย่างละเอียดเลย หลังจากรู้ว่าตัวตนของเขาไม่ธรรมดาเท่านั้นแหละ เหลยเชินจึงอยากพินิจพิเคราะห์เด็กหนุ่มคนนี้ให้มากขี้นอีกสักหน่อย
ตอนแรกเขาคิดว่าเด็กหนุ่มคนนี้ดูบอบบางมีเสน่ห์ แต่ไม่คิดว่าเมื่อพิจารณาใกล้ๆ แล้ว จะพบว่าใบหน้าเล็กๆ นั้นมีดวงตาที่มีเสน่ห์ดึงดูดจิตวิญญาณได้ถึงเพียงนี้ ทั้งเย็นชาและใสกระจ่างราวกับแยกตัวโดดเดี่ยวจากทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ ดวงตาเป็นประกายแวววับราวกับจะรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกในทุกคราที่ดวงตาคู่นั้นกวาดมองมา
สำหรับเด็กหนุ่มที่ดูธรรมดาๆ แต่กลับมีดวงตาเช่นนี้ มันทำให้เหลยเชินรู้สึกตกใจเล็กน้อย
เพื่อไม่เป็นการเปิดเผยเจตนาที่ซ่อนเอาไว้ เหลยเชินจึงพยายามที่จะไม่พูดกับจวินอู๋เสีย แต่แค่เอ่ยถึงจวินอู๋เสียแบบผ่านๆ ขณะที่พูดคุยกับฟ่านจิ่นเท่านั้น และเขาก็ยังไม่ลืมที่จะเอ่ยถึงคนอื่นๆ ด้วยโดยไม่ได้เน้นย้ำถึงจวินอู๋เสียเพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นๆ รู้ตัว
ตอนที่ 772 ต่างคนต่างความคิด (2)
“ข้าเชื่อว่าผู้เข้าร่วมศึกประลองภูติวิญญาณของเรามาที่รัฐเหยียนแห่งนี้เป็นครั้งแรก ในฐานะรัชทายาทแห่งรัฐเหยียน ข้าจึงอยากจะเป็นเจ้าภาพเชิญทุกท่านไปร่วมงานเลี้ยงฉลองของเราในคืนวันพรุ่งนี้ ข้าจะเชิญศิษย์จากสำนักศึกษาต่างๆ ให้มาร่วมงานชมพระจันทร์เต็มดวง” เหลยเชินออกปากเชิญขึ้นทันทีในขณะที่พวกเขากำลังคุยกัน
ฟ่านจิ่นไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรมากนักเนื่องจากเคยชินกับธรรมเนียมของรัฐเหยียนมาตลอด หลังจากทุกสำนักศึกษามารวมกันแล้ว รัฐเหยียนมักจะจัดงานเลี้ยงโดยเชิญศิษย์จากทุกสำนักศึกษาเข้าร่วม คิดเสียว่าเป็นงานเลี้ยงต้อนรับทุกสำนักศึกษาก็ได้ แต่ความจริงแล้วในงานเลี้ยงนี้ทางรัฐเหยียนจะคอยสังเกตเหล่าลูกศิษย์เพื่อค้นหายอดฝีมือผู้เก่งกาจที่จะชักชวนเข้าร่วมได้อย่างง่ายดาย
ก็น่าจะเป็นข่าวที่น่ายินดีแต่…
ฟ่านจิ่นแอบชำเลืองมองไปที่จวินอู๋เสียและคนอื่นๆ หลังจากที่พวกเขาเข้ามาในห้องโถงก็ไม่ได้พูดอะไรกันมากนัก ท่าทีของพวกเขาที่มีต่อเหลยเชินก็ไม่ค่อยสนใจหรือกระตือรือร้นเท่าไรนัก
ศิษย์จากสำนักศึกษาอื่นๆ จะพุ่งเข้าเกาะติดกับกิ่งไม้สูงเช่นเหลยเชิน แต่สำหรับจวินอู๋เสียกับพรรคพวกของนาง…
ฟ่านจิ่นไม่รู้สึกเลยว่าพวกเขาจะสนใจตำแหน่งองค์รัชทายาทของเหลยเชิน
ขณะที่ฟ่านจิ่นกำลังคิดว่าจะปฏิเสธหรือตอบรับคำเชิญดี จวินอู๋เสียก็พูดขึ้นทันทีว่า “เช่นนั้นก็ขอรบกวนองค์ชายด้วย”
ใจของเหลยเชินลิงโลดขึ้นด้วยความยินดี เขาตอบจวินอู๋เสียด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนว่า “ไม่รบกวนเลย ข้าขอให้แขกผู้มีเกียรติของเราอภัยให้กับความล่าช้าในการส่งคำเชิญมาด้วย น้องชายท่านนี้ดูอายุน้อยมาก ก็ได้เป็นตัวแทนเข้าร่วมศึกประลองภูติวิญญาณแล้ว ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่มีพรสวรรค์น่าทึ่งจริงๆ ไม่ทราบว่าเจ้าชื่ออะไรหรือ”
จวินอู๋เสียเหลือบมองเหลยเชินแวบหนึ่งแล้วตอบว่า “จวินเสีย”
“อา…น้องจวินนี่เอง ถ้าข้าจำไม่ผิด เจ้าอายุยังไม่ถึงสิบห้าปีเลยนี่ ข้าเห็นรายชื่อผู้แข่งขันจากสำนักศึกษาเฟิงหัวที่เข้าร่วมการประลองมาแล้ว และตกใจมากเมื่อเห็นข้อมูลของเจ้า คาดไม่ถึงเลยว่าเราจะมีผู้แข่งขันที่อายุน้อยเช่นนี้ พอได้เห็นเจ้าแล้ว ข้าต้องพูดเลยว่าอาจารย์ใหญ่ฟ่านจิ่นนั้นมีสายตาที่แหลมคมมากจริงๆ ในการมองหาผู้มีพรสวรรค์” เหลยเชินพูดให้ฟังดูเป็นมิตรและสนิทสนมคุ้นเคย กระทั่งน้ำเสียงอ่อนโยนของเขาก็ยกย่องชมเชยจวินอู๋เสียอย่างมากมาย เขาไม่มีเวลาให้กับคนอื่นๆ จากสำนักศึกษาเฟิงหัว และถ้าไม่ใช่เพราะจวินอู๋เสียอยู่ที่นี่ เขาก็คงไม่มาที่นี่คืนนี้
แต่จวินอู๋เสียยังคงเงียบและไม่พูดอะไรมากนัก ดวงตาของนางใสกระจ่างเหมือนน้ำซึ่งทำให้เหลยเชินคิดเอาว่าเด็กหนุ่มคนนี้ยังคงอ่อนต่อโลก มีความสามารถที่ไม่ธรรมดาและมีพรสวรรค์ที่น่าเหลือเชื่อ แต่ใสซื่อบริสุทธิ์ คนประเภทนี้ชักจูงได้ง่ายที่สุด
เหลยเชินรู้สึกยินดีมาก เขาพยายามที่จะลดระยะห่างระหว่างจวินอู๋เสียกับตัวเขาเอง เขาเชื่ออย่างแรงกล้าว่าจะไม่มีใครปฏิเสธมิตรภาพกับองค์รัชทายาทได้อย่างแน่นอน!
อย่างไรก็ตาม พอจวินอู๋เสียได้ยินองค์รัชทายาทเรียกนางว่า ‘น้องจวิน’ นางก็ขมวดคิ้วแสดงความไม่ชอบใจ ยศตำแหน่งองค์รัชทายาทของเหลยเชินไม่ได้มีผลอะไรกับนางเลยแม้แต่น้อย
ยิ่งกว่านั้น คำว่า ‘องค์รัชทายาท’ ก็มีความหมายเดียวเท่านั้นสำหรับจวินอู๋เสีย นั่นคือ…โง่!
มั่วเฉี่ยนยวน ก็เป็นองค์รัชทายาทเหมือนกัน และถ้าเขาไม่ได้พบกับจวินอู๋เสีย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการครองบัลลังก์เลย แม้แต่ชีวิตตัวเองก็คงรักษาไว้ไม่ได้
การคาดคะเนของเหลยเชินอาจจะเป็นไปตามความจริง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าจวินอู๋เสีย มันก็ไม่อาจจะผิดไปได้มากกว่านี้แล้ว
ในฐานะผู้ที่ยกองค์รัชทายาทที่ไร้ประโยชน์ขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้ได้สำเร็จด้วยตนเอง ฐานันดรศักดิ์ของเหลยเชินจึงไม่ทำให้คุณหนูใหญ่แห่งจวนหลินอ๋องประทับใจได้เลยแม้แต่น้อย
นางโค่นบัลลังก์ฮ่องเต้ได้ แล้วแค่องค์รัชทายาทจะมีความหมายอะไร
เมื่อตอบรับคำเชิญแล้ว จวินอู๋เสียก็ไม่สนใจเหลยเชินอีกและก้มหน้าลงลูบขนเจ้าแมวดำในอ้อมแขนของนาง เมื่อพบว่าตัวเองถูกปฏิเสธโดยสิ้นเชิง เหลยเชินก็รู้สึกเหมือนถูกตบหน้า เขาอยากพูดกับจวินอู๋เสียให้มากกว่านี้เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา เพื่อให้จวินอู๋เสียสนิทสนมกับเขามากขึ้น แต่คำพูดทั้งหมดก็ติดอยู่ในลำคอของเขา!