ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 775 งานเลี้ยง (2) ตอนที่ 776 งานเลี้ยง (3)
ตอนที่ 775 งานเลี้ยง (2) / ตอนที่ 776 งานเลี้ยง (3)
ตอนที่ 775 งานเลี้ยง (2)
ตอนนี้ค่อนข้างชัดเจนว่าการจัดที่นั่งสำหรับงานเลี้ยงในปีนี้ขึ้นอยู่กับความยิ่งใหญ่ของสำนักศึกษาต่างๆ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ไม่มีคนตำหนิอะไรมากนัก ไม่รู้ว่าจัดแบบนี้เฉพาะปีนี้หรือเป็นเช่นนี้ทุกปี
ข้ารับใช้นำจวินอู๋เสียกับสหายของนางตรงไปยังที่นั่งข้างๆ เหลยเชิน กลายเป็นว่าที่นั่งของสำนักศึกษาเฟิงหัวอยู่ข้างๆ ติดๆ กับเหลยเชิน นั่นสร้างความประหลาดใจให้กับผู้คนมากมายเนื่องจากพวกเขาทุกคนรู้ว่าสำนักศึกษาเฟิงหัวไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว การที่เหลยเชินยังคงปฏิบัติกับพวกเขาเป็นพิเศษเช่นนั้นนับว่าเหนือความหมายของผู้คนไปมาก
“อ้าว น้องจวิน เจ้ามาแล้ว” พอเหลยเชินเห็นจวินอู๋เสีย เขาก็ยืนขึ้นต้อนรับทันที การกระทำเช่นนั้นทำให้ผู้เข้าร่วมงานเลี้ยงพากันชะงักอย่างตกใจ!
หลายคนได้สังเกตอยู่ก่อนแล้วว่าตอนที่ศิษย์จากสำนักศึกษาพิชิตมังกรและสำนักศึกษาธงศึกมาถึง เหลยเชินเพียงแค่พยักหน้าให้พวกเขาเท่านั้นและไม่มีทีท่าจะลุกขึ้นยืนเลยแม้แต่น้อย แต่ครั้งนี้เหลยเชินไม่เพียงยืนขึ้นเองเท่านั้น แต่เขายังพูดออกมาด้วยว่า ‘น้องจวิน’!
ตอนนั้นเองสายตาของทุกคนก็เพ่งมองไปที่จวินอู๋เสียที่ได้รับการปฏิบัติจากองค์รัชทายาทเหลยเชินเป็นพิเศษเป็นตาเดียว
ทุกคนต่างพบว่าตัวเองกำลังมองดูเด็กหนุ่มตัวเล็กๆ บอบบางที่มีท่าทางเย็นชาห่างเหินคนหนึ่ง สายตาพวกนั้นพินิจพิเคราะห์จวินอู๋เสียตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างโจ่งแจ้ง
เจ้าหนูตัวเล็กนั่นดูเหมือนจะอายุแค่สิบสี่หรือสิบห้าปีเท่านั้น ดูผอมและเปราะบาง หน้าตาก็ไม่ได้ดีเด่อะไร เหลยเชินเห็นอะไรในตัวเจ้าเด็กอ่อนแอนั่นกัน
สำหรับพวกผู้เยาว์ที่มุ่งมั่นจะให้ตัวเองถูกองค์รัชทายาทสังเกตเห็นเป็นอย่างมาก เพื่อที่จะประสบความสำเร็จเหนือกว่าพวกสหายของพวกเขาก็พลันรู้สึกผิดหวังขึ้นมา ความพยายามอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยทั้งหมดที่พวกเขาลงแรงไปเพื่อทำให้องค์รัชทายาทพอใจและโปรดปราน กลับได้รับแค่การพยักหน้าและรอยยิ้มจากเหลยเชินเท่านั้น แต่เจ้าเด็กน้อยคนนี้แค่โผล่หน้าหยิ่งๆ ดูถูกคนมาเท่านั้น เหลยเชินก็แสดงความสนอกสนใจเขาถึงขนาดนั้น!
ในเวลานั้นพวกผู้เยาว์ที่อยากประจบประแจงเหลยเชินก็รู้สึกเกลียดชังจวินอู๋เสียขึ้นมาอย่างรุนแรง
แต่จวินอู๋เสียเพียงแค่มองเหลยเชินด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกแวบหนึ่งเท่านั้น และไม่ได้แสดงอาการอะไรกับ ‘การต้อนรับอันอบอุ่น’ ของเหลยเชินเลยแม้แต่น้อย นางเบนสายตาออกไปหลังจากชำเลืองมองเขาแค่ครั้งเดียว
เหลยเชินไม่สนใจการไร้ปฏิกิริยาตอบสนองของจวินอู๋เสีย เขาสั่งให้คนไปสืบเรื่องของจวินอู๋เสียเป็นพิเศษมาแล้ว และศิษย์ที่ออกจากสำนักศึกษาเฟิงหัวก็ยืนยันว่าจวินอู๋เสียมีนิสัยเย็นชามาตลอด แม้แต่ตอนที่พวกเขาอยู่ที่สำนักศึกษาเฟิงหัว จวินอู๋เสียก็เป็นแบบเดียวกันนี้ เหลยเชินยังได้ยินเรื่อง ‘ความกล้าหาญอันเป็นตำนาน’ ของเจ้าหนูนี่จากศิษย์พวกนั้นอีกด้วย
ตอนที่ถูกเข้าใจผิดอย่างหนักหนาสาหัส เขาก็ไม่ได้โต้เถียงอะไร และเมื่อเขาถูกยกย่องขึ้นมา เขาก็ยังคงนิ่งเงียบไม่ทำตัวเด่นเช่นเดิม
เหลยเชินรู้ว่าคนที่รู้ทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณมีอยู่ไม่กี่คน ทั่วทั้งแผ่นดินหาตัวได้ยากมาก สาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณที่กู้หลีเซิงก่อตั้งนั้นรับศิษย์น้อยมาก ยิ่งกว่านั้นความเข้าใจในทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณของลูกศิษย์พวกนั้นก็แค่พอใช้ ยกเว้นจวินอู๋เสีย เขาเก่งพอที่กู้หลีเซิงจะกล่าวยกย่องชมเชยพรสวรรค์ของเขาต่อหน้าผู้คน! นั่นพิสูจน์ถึงคุณค่าและพรสวรรค์ของเด็กคนนี้ได้เป็นอย่างดี
สำหรับคนที่คุ้มค่าในการใช้เวลาและความพยายามเพื่อให้ได้ตัวมานั้น เหลยเชินก็จะไม่สนใจอารมณ์และนิสัยแปลกๆ ของพวกเขา
ตราบใดที่พวกเขามีประโยชน์ ทุกอย่างก็สามารถคุยกันได้
เฉียวฉู่และคนอื่นๆ นั่งลงบนที่ของตัวเองเช่นกัน เนื่องจากมีเพียงผู้เข้าแข่งขันศึกประลองภูติวิญญาณเท่านั้นที่ได้รับเชิญมางานเลี้ยงนี้ ทั้งงานจึงมีแต่พวกผู้เยาว์ที่อายุน้อยและกระตือรือร้นมีชีวิตชีวา
เมื่อเหลยเชินเห็นจวินอู๋เสียนั่งที่ของตนแล้ว เขาก็กลับไปนั่งที่ตัวเองเช่นกัน ผู้ที่นั่งถัดจากเหลยเชินก็คือชายหนุ่มร่างอ้วนที่สวมใส่ชุดอาภรณ์หรูหรา เขาเอียงตัวเข้ามาใกล้เหลยเชินแล้วกระซิบถามไปว่า “ทำไมเสด็จพี่ต้องรักษามารยาทกับคนของสำนักศึกษาเฟิงหัวขนาดมากนั้นด้วยพ่ะย่ะค่ะ สำนักศึกษาเฟิงหัวตกอยู่ในสภาพย่ำแย่แล้ว ท่านจะถูกมองว่าใจดีมากเกินไปถ้ายังให้พวกเขามีที่นั่งในงานเลี้ยงนี้อีก ทำไมยังต้องปฏิบัติกับพวกเขาอย่างสุภาพขนาดนั้นด้วย”
ตอนที่ 776 งานเลี้ยง (3)
คนที่พูดไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นองค์ชายรองเหลยหยวน ฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียนมีพระโอรสรวมทั้งสิ้นสี่พระองค์ องค์รัชทายาทเป็นพระโอรสที่ประสูติจากฮองเฮา ขณะที่องค์ชายรองและองค์ชายสามประสูติจากพระสนม ฐานะชาติกำเนิดจึงเทียบไม่ได้กับองค์รัชทายาทเหลยเชิน ยิ่งกว่านั้นเหลยเชินก็เป็นโอรสองค์โต เขาเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ที่สุดในหมู่องค์ชาย ดังนั้นตำแหน่งของเขาจึงมั่นคงแข็งแรงมาก แม้ว่าองค์ชายพระองค์เล็กแห่งรัฐเหยียนจะไม่ได้ประสูติจากฮองเฮา แต่พระมารดาแท้ๆ ขององค์ชายก็เสียชีวิตไปแล้ว องค์ชายจึงได้รับการเลี้ยงดูจากฮองเฮามาตั้งแต่เล็ก
องค์รัชทายาทเหลยเชินเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงปีนี้ และองค์ชายองค์อื่นๆ ก็ได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยง งานเลี้ยงยังไม่เริ่มต้น มีเพียงเหลยหยวนคนเดียวที่มาปรากฏตัวในเวลานั้น ร่างอ้วนท้วนของเหลยหยวนดูใหญ่โตและเนื้อยุ้ยๆ จ่ำม่ำบนใบหน้าของเขาก็เบียดกันจนทำให้โครงหน้าที่ดูน่าจะมีเสน่ห์ต้องบิดเบี้ยวผิดสัดส่วน ถึงแม้เขาจะอยู่ในชุดอาภรณ์หรูหราปักไหมทองสวยงาม ทว่าก็ไม่มีกลิ่นอายของความสูงศักดิ์และความสง่างามออกมาให้เห็นแม้แต่น้อย แต่กลับรู้สึกถึงความหยาบคายชั่วร้ายได้อย่างชัดเจน
เสียงของเหลยหยวนที่พูดออกมาไม่เบาเลย พวกผู้เยาว์ที่นั่งอยู่รายรอบสามารถได้ยินเสียงเขาอย่างชัดเจน เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดพวกนั้นก็พากันหัวเราะ พวกเขาก็ไม่คิดว่าสำนักศึกษาเฟิงหัวในตอนนี้ยังสมควรได้รับการปฏิบัติอย่างลำเอียงเช่นนั้นอีก การกระทำของเหลยเชินสร้างความสับสนให้พวกเขาเป็นอย่างมาก และรู้สึกเห็นด้วยกับเหลยหยวนอย่างเต็มที่
“อย่าพูดเหลวไหลเช่นนั้นสิน้องรอง” เหลยเชินพูดพลางมองไปที่เหลยหยวนพร้อมกับส่ายศีรษะ ดูไม่พอใจกับการโพล่งออกมาอย่างไร้มารยาทของเขา
แต่เหลยหยวนดูจะไม่เห็นด้วยกับพี่ชายของเขา สายตาของเขากวาดมองไปยังจวินอู๋เสียกับคนอื่นๆ ด้วยแววตาดูถูกอย่างที่สุด
“เสด็จพี่ใจดีเกินไป ระวังให้ดีเถอะพ่ะย่ะค่ะ จะถูกคนอื่นเข้ามาใกล้ชิดเพื่อเอาเปรียบจากนิสัยง่ายๆ ของเสด็จพี่นี่แหละ”
เหลยเชินส่งสายตาตำหนิไปให้เหลยหยวนก่อนจะหันมามองจวินอู๋เสียเป็นเชิงขอโทษ ราวกับเขากำลังขอโทษต่อความไร้มารยาทของเหลยหยวน
จวินอู๋เสียมองไปยังสองพี่น้องสกุลเหลย สายตาของนางสงบนิ่งมาก ไม่มีร่องรอยของความยินดีที่ได้รับการปฏิบัติแบบพิเศษจากเหลยเชินเลยแม้แต่น้อย และยังดูไม่เหมือนจะรู้สึกเจ็บใจจากถ้อยคำเสียดสีของเหลยหยวนเลย นางยังคงสงบนิ่งเหมือนทะเลสาบที่ไร้คลื่นลม
จวินอู๋เสียไม่คิดว่าเหลยเชินจะใจดีต่อสำนักศึกษาเฟิงหัวอย่างจริงใจ ในฐานะองค์รัชทายาท เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่รู้ถึงสถานการณ์อันเลวร้ายในตอนนี้ของสำนักศึกษาเฟิงหัว เรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นทำให้พวกเขากลายเป็นจุดสนใจ และองค์รัชทายาทก็ยังจงใจปฏิบัติกับพวกเขาเป็นพิเศษต่อหน้าทุกคนที่มาจากสำนักศึกษาอื่นๆ เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่แค่การแสดงความมีมารยาทเฉยๆ เท่านั้น แต่ตั้งใจวางแผนผลักสำนักศึกษาเฟิงหัวให้เข้าไปอยู่ในใจกลางพายุอีกครั้ง! ถ้าเหลยเชินไม่ทำเช่นนี้ ก็จะไม่ทำให้เหลยหยวนพูดจาถากถางพวกเขา
ดูเหมือนว่าองค์รัชทายาทคนนี้จะไม่ใช่คนดีอย่างที่เขาว่ากัน
จวินอู๋เสียยังคงสงบนิ่ง นางรู้สึกได้ถึงสายตาแผดเผาหลายคู่ที่จ้องเขม็งมาที่นาง นางหันหน้าไปมองยังทิศทางนั้นและเห็นผู้เยาว์หลายคนในเครื่องแบบของสำนักศึกษาพิชิตมังกรนั่งอยู่ไม่ห่างออกไปนัก พวกเขากำลังมองนางด้วยความโกรธเคืองไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง จวินอู๋เสียเพียงกวาดสายตามองพวกเขาแวบหนึ่งแล้วก็ละสายตาออกมา
ตอนที่เหลยเชินไปที่โรงเตี๊ยมตำหนักเซียนเมื่อคืนนั้น ทำให้คนจากสำนักศึกษาพิชิตมังกรโกรธมาก ดังนั้นเมื่อศิษย์จากสำนักศึกษาพิชิตมังกรเห็นจวินอู๋เสียกับสหายของนาง สายตาของพวกเขาจึงเต็มไปด้วยความโกรธแค้นชิงชังราวกับได้พบกับศัตรูที่เลวร้ายที่สุด
ถ้าสำนักศึกษาเฟิงหัวยังรุ่งโรจน์เช่นเมื่อก่อน พวกเขาอาจจะให้อภัยได้มากกว่านี้ แต่นี่เป็นแค่สำนักศึกษาที่กำลังจะล่มจมอยู่รอมร่อแท้ๆ กลับทำให้เหลยเชินไม่แยแสพวกเขา พวกเขาไม่กล้าตำหนิเหลยเชิน จึงหันมาทุ่มความโกรธลงที่ศิษย์ของสำนักศึกษาเฟิงหัวแบบเต็มๆ
“เจ้าพวกนี้คือคนของสำนักศึกษาเฟิงหัวอย่างนั้นหรือ”
“ดูนุ่มนิ่มบอบบางชะมัด หน้าตาก็ดีหรอก แต่ก็แค่พวกสวะ” ศิษย์หลายคนของสำนักศึกษาพิชิตมังกรพูดขึ้นอย่างดูถูก พวกเขาไม่เบาเสียงลงเลย ที่จริงแล้วดูเหมือนพวกเขาอยากจะให้จวินอู๋เสียกับคนอื่นๆ ได้ยินด้วยซ้ำ
งานเลี้ยงยังไม่เริ่มเลย บรรยากาศก็คุกรุ่นเสียแล้ว