ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 785 งานเลี้ยง (12) ตอนที่ 786 เริ่มศึกประลองภูติวิญญาณ (1)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 785 งานเลี้ยง (12) ตอนที่ 786 เริ่มศึกประลองภูติวิญญาณ (1)
ตอนที่ 785 งานเลี้ยง (12) / ตอนที่ 786 เริ่มศึกประลองภูติวิญญาณ (1)
ตอนที่ 785 งานเลี้ยง (12)
ขณะที่พวกเขาก้าวเดินไปจากตำหนักรัชทายาทภายใต้แสงจันทร์ เฉียวฉู่ก็เหยียดแขนแล้วหันหน้ากลับมามองจวินอู๋เสีย
“เป็นอย่างไรบ้าง พบอะไรหรือไม่” งานเลี้ยงทั้งงานน่าเบื่อสุดขีดสำหรับเฉียวฉู่ พวกนางรำที่เร่าร้อนยั่วยวนนั้นไม่ใช่รสนิยมของเขา เมื่อเทียบกับความงามอันสมบูรณ์แบบของสองพี่น้องสกุลจวินแล้ว คนที่มีเสน่ห์ทั่วๆ ไปก็ไม่อาจดึงดูดสายตาของพวกเขาได้อีกแล้ว
จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้นมองพระจันทร์เต็มดวงบนท้องฟ้ายามค่ำคืน “เสี่ยวเฮยไม่พบร่องรอยของคนจากสิบสองตำหนักในตำหนักรัชทายาทเลย”
ถึงแม้ตำหนักรัชทายาทจะกว้างใหญ่มากก็ตาม มันก็ไม่ใช่สถานที่ที่จะอนุญาตให้คนมาเดินเล่นไปทั่วได้ตามใจชอบ และเพื่อไม่ให้ศัตรูรู้ตัว จวินอู๋เสียจึงส่งเจ้าแมวดำตัวน้อยไปสำรวจตำหนักรัชทายาท และผลที่ออกมาก็ทำให้พวกเขาวางใจได้เล็กน้อย ทั่วทั้งตำหนักรัชทายาท ไม่พบคนที่น่าสงสัยว่าจะมาจากสิบสองตำหนักเลย นั่นเป็นการบอกพวกเขาว่าถึงแม้เหลยเชินจะติดต่อกับคนของสิบสองตำหนัก สถานการณ์ที่นั่นคล้ายกับที่สำนักชิงอวิ๋นที่พวกนั้นแค่มาติดต่อกับเหลยเชินเป็นครั้งคราวโดยไม่ได้คอยอยู่ใกล้ๆ กับเหลยเชิน
ข่าวนี้เป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับจวินอู๋เสียและสหายเนื่องจากการไม่มีคนของสิบสองตำหนักอยู่ในเมืองหลวงรัฐเหยียนจะทำให้พวกเขาดำเนินการตามแผนที่วางไว้ได้ง่ายขึ้น
“เราจะรอจนกว่าศึกประลองภูติวิญญาณจบถึงลงมือใช่หรือไม่” ฟ่านจัวถามพร้อมกับมองจวินอู๋เสีย หลังจากแน่ใจว่าเหลยเชินไม่มีใครในสิบสองตำหนักอยู่ใกล้ๆ พวกเขาก็สามารถลงมือตอนไหนก็ได้ที่ต้องการ การที่จวินอู๋เสียยังนิ่งอยู่คงเป็นเพราะสำนักศึกษาเฟิงหัว…
จวินอู๋เสียพยักหน้า ถึงแม้นางจะไม่ได้ใช้เวลาในสำนักศึกษาเฟิงหัวนานนัก แต่ทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณก็เป็นประโยชน์กับนางมากจริงๆ ต่อให้ไม่ใช่เพื่อกู้หลีเซิงหรือสองพี่น้องสกุลฟ่าน นางก็รู้สึกว่าอย่างน้อยนางก็อยากให้สำนักศึกษาเฟิงหัวมีโอกาสยืนหยัดขึ้นได้อีกครั้ง ถ้าพวกเขาลงมือก่อนศึกประลองภูติวิญญาณจะเริ่ม พวกเขาก็จะไม่สามารถอยู่ในรัฐเหยียนเพื่อเข้าร่วมศึกประลองภูติวิญญาณได้ และสำนักศึกษาเฟิงหัวก็จะหมดโอกาสกลับมารุ่งโรจน์ได้ดังเดิม
นางทำทั้งหมดนี้ก็เพราะนางอยากจะตอบแทนกู้หลีเซิงและช่วยแก้ปัญหาที่ฟ่านจัวกังวลมากที่สุดด้วย
“จะมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นหรือเปล่า ถ้าคนจากสิบสองตำหนักโผล่มากะทันหันเล่า จะไม่ทำให้เราลงมือยากขึ้นหรือ” ฮวาเหยาถามพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย ถึงแม้เขาจะเข้าใจความกังวลของจวินอู๋เสีย แต่เหตุการณ์ที่สำนักชิงอวิ๋นทำให้เขากังวลว่า ถึงจะไม่มีคนของสิบสองตำหนักอยู่ที่ตำหนักรัชทายาทในตอนนี้ แต่ก็ไม่ได้เป็นการรับรองว่าพวกนั้นจะไม่โผล่มาอย่างกะทันหันในเวลาต่อมา ถ้าพวกเขาเผชิญหน้ากับคนพวกนั้นอีกครั้ง ผลที่ออกมาอาจจะเลวร้ายก็ได้
“ไม่หรอก” จวินอู๋เสียพูดขึ้นทันที
“จากเหตุการณ์ที่สำนักชิงอวิ๋นและสำนักศึกษาเฟิงหัว คนของสิบสองตำหนักจะปรากฏตัวเพื่อกระตุ้นในตอนที่อีกฝ่ายไม่ลงมือทำอะไรเกี่ยวกับผาสุดขอบฟ้าเท่านั้น แต่เราได้พบกับกลุ่มที่เหลยเชินส่งไปที่นั่นเมื่อครั้งก่อน และนั่นพิสูจน์ว่าสิบสองตำหนักได้ติดต่อกับเขาแล้วและก็สำเร็จตามเป้าหมายแล้วด้วย ก่อนที่พวกนั้นจะได้ข้อมูลที่ทำให้รู้เรื่องของสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิมากขึ้น พวกนั้นจะไม่ปรากฏตัว” จวินอู๋เสียกล้าชะงักแผนการของตัวเองไว้ก็เพราะนางได้วิเคราะห์สถานการณ์แล้ว
นางไม่มีวันเอาชีวิตของคนกลุ่มนี้มาเสี่ยงง่ายๆ เช่นนั้นแน่
ด้วยคำพูดของจวินอู๋เสีย ฮวาเหยาจึงไม่กังวลอะไรอีก เขาเองก็คิดเช่นเดียวกันว่าถ้าพวกเขาสามารถช่วยสำนักศึกษาเฟิงหัวให้กลับมายืนด้วยขาของตัวเองได้อีกครั้ง มันก็คงจะเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมสำหรับพวกเขาด้วยเช่นกัน
พวกเขาเดินกลับไปที่โรงเตี๊ยมตำหนักเซียนภายใต้แสงจันทร์สว่าง เมื่อเทียบกลุ่มศิษย์ที่สงบนิ่งและมีสติกลุ่มนี้ ผู้เยาว์คนอื่นๆ ที่กลับจากตำหนักรัชทายาทนั้นต่างตื่นเต้นกันมาก พวกคนที่แข็งแกร่งก็คาดหวังให้วันประลองเริ่มต้นขึ้นเร็วๆ พวกเขาจะได้แสดงความสามารถของพวกเขาออกมาเพื่อจะได้รับโอกาสในการมีชื่อเสียงและอนาคตอันรุ่งโรจน์!
ตอนที่ 786 เริ่มศึกประลองภูติวิญญาณ (1)
หลังจากกระสับกระส่ายกันอีกไม่กี่วัน ในที่สุดศึกประลองภูติวิญญาณที่สายตาหลายหมื่นคู่จับจ้องอยู่ก็ประกาศเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ ในวันแรกของศึกประลองภูติวิญญาณ ศิษย์จากสำนักศึกษาต่างๆ จะถูกแยกไปยังสถานที่สิบแห่งเพื่อดำเนินการประลองในสิบเขต ศิษย์คนหนึ่งจากแต่ละสำนักศึกษาจะเป็นตัวแทนสำนักศึกษาเข้าร่วมในแต่ละเขต และผู้ชนะของแต่ละเขตจะไปประลองกันในศึกประลองภูติวิญญาณในฐานะสิบอันดับแรก!
ผู้เยาว์สิบคนสุดท้ายจะขับเคี่ยวกันเพื่ออันดับในสิบอันดับแรกของศึกประลองภูติวิญญาณอันยิ่งใหญ่นี้
สำหรับหลายคนในพวกผู้เยาว์นี้ ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาแห่งความเร่าร้อน พวกเขาถูกำปั้นอย่างคาดหวังที่จะแสดงให้ทุกคนเห็นถึงความสามารถของพวกเขา
ทุกสำนักศึกษามีศิษย์สิบคนแยกกันไปในสิบเขต ยกเว้นสำนักศึกษาเฟิงหัวเพียงสำนักศึกษาเดียวเท่านั้น เนื่องจากพวกเขาลงทะเบียนผู้เข้าแข่งขันในศึกประลองภูติวิญญาณปีนี้แค่หกคน จำนวนเขตที่พวกเขาเข้าร่วมได้จึงมีแค่หกเขต
สถานการณ์เช่นนี้พบเจอได้ยากมากในประวัติศาสตร์ของศึกประลองภูติวิญญาณ
ไม่มีสำนักศึกษาไหนที่ตั้งใจละทิ้งที่ว่างในสิบตำแหน่งที่ได้รับมาเลย และเพราะเหตุนั้น สำนักศึกษาเฟิงหัวจึงเป็นที่สนใจของทุกคนตั้งแต่ก่อนที่ศึกประลองภูติวิญญาณจะเริ่มขึ้นเสียอีก
ในวันแรก จวินอู๋เสียแต่งเครื่องแบบของสำนักศึกษาเฟิงหัว ที่หน้าอกติดตราหยกที่ระบุหมายเลขในการแข่งขันของนาง และออกเดินทางไปยังหนึ่งในเขตที่จัดการประลอง นางแยกกับฮวาเหยาและคนอื่นๆ ตั้งแต่ที่โรงเตี๊ยมตำหนักเซียน เนื่องจากมีคนเข้าร่วมศึกประลองภูติวิญญาณเป็นจำนวนมาก และไม่มีเขตไหนที่สามารถรองรับการประลองได้มากขนาดนั้น ดังนั้นจึงแยกการประลองออกเป็นสิบเขตกระจายกันไป
เขตที่จวินอู๋เสียเข้าประลองนั้นเป็นเขตที่หนึ่ง เมื่อนางเข้าไปที่เขตหนึ่ง ที่นั่นก็เต็มไปด้วยศิษย์จากสำนักศึกษาอื่นๆ แล้ว และเนื่องจากศิษย์ทุกคนจากสำนักศึกษาต่างๆ ถูกแยกออกจากกัน เมื่อเข้ามาในเขตประลองของตัวเอง ทุกคนจึงเห็นแต่เพียงคู่ต่อสู้เท่านั้น แม้ว่าจะมีเสียงเอะอะโวยวายดังไปทั่ว แต่ก็ไม่มีการรวมกลุ่มเป็นหมู่คณะตามปกติ ผู้เยาว์ทุกคนสวมเครื่องแบบต่างกันและมองกันและกันอย่างระมัดระวัง
ในที่นี้ไม่มีสหายมีแต่ศัตรูเท่านั้น!
และคนที่เดินออกไปจากที่นี่พร้อมชัยชนะก็จะมีเพียงแค่คนเดียวท่ามกลางคนทั้งหมดที่นี่!
ส่วนคนที่เหลือก็จะเป็นเพียงแค่ก้อนหินให้ผู้ชนะเหยียบข้ามไป
ศึกประลองภูติวิญญาณยังไม่เริ่มต้นขึ้น ประกายไฟก็แล่นแปลบปลาบไปทั่วสนามประลองด้วยผู้เข้าแข่งขันหลายคนได้ปะทะฝีปากกันไปแล้ว
จวินอู๋เสียนั้นตัวเล็ก เมื่อนางเดินเข้าไปในกลุ่มคนจึงถูกกลืนหายไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางศิษย์มากมายที่ตัวสูงกว่า นางถอยไปอยู่ที่มุมหนึ่งอย่างเงียบๆ และเฝ้าสังเกตสถานการณ์ในสนามประลอง
ศิษย์มากกว่าพันคนถูกแยกไปยังสนามประลองสิบแห่ง และทุกแห่งจะมีผู้เข้าแข่งขันอย่างน้อยร้อยกว่าคน ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดร้อยกว่าคนนั้นจะต่อสู้กันเป็นเวลายี่สิบวันจนกว่าจะได้ผู้ชนะคนสุดท้าย
การประลองในแต่ละเขตจะเป็นการต่อสู้แบบแพ้คัดออก ผู้แข่งขันสองคนจะต่อสู้กันและผู้ชนะจะได้เข้าสู่รอบต่อไป ขณะที่ผู้แพ้จะหมดโอกาสเข้าประลองอีก
ผู้เข้าแข่งขันจะจับสลากเพื่อกำหนดคู่ต่อสู้ สำหรับบางคนการจับสลากไม่ได้มีผลอะไรมากนัก แต่สำหรับคนอื่นๆ ที่เหลือ โชคในการจับสลากจะเป็นตัวตัดสินว่าพวกเขาจะไปได้ไกลแค่ไหนในศึกประลองภูติวิญญาณปีนี้
ในปีก่อนๆ ศิษย์เกือบทุกคนจากสำนักศึกษาต่างๆ จะแอบภาวนาในตอนที่จับสลาก ไม่ให้จับได้คนจากสามสุดยอดสำนักศึกษามาเป็นคู่ต่อสู้ ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงถูกเตะออกจากการประลองตั้งแต่รอบแรกๆ
เคยมีกรณีที่ผู้เข้าแข่งขันโชคดีมากแบบสุดๆ ความสามารถและพลังของพวกเขาเห็นได้ชัดว่าอยู่ในระดับกลางๆ ทั่วไป แต่พวกเขาจับสลากที่ทำให้พวกเขาได้คู่ต่อสู้ที่มีพลังคล้ายๆ กันและจบลงที่พวกเขาไต่อันดับขึ้นไปได้สูงและพ่ายแพ้ในรอบสุดท้าย ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้เป็นสิบอันดับแรก แต่พวกเขาก็ได้อยู่ในยี่สิบอันดับแรกสำเร็จ การที่สามารถได้ตำแหน่งยี่สิบอันดับแรกจากผู้เข้าแข่งขันมากกว่าพันคน ก็ทำให้พวกเขาได้รับชื่อเสียงและเกียรติยศมากมาย