ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 795 สำนักศึกษาเฟิงหัวฟื้นคืนชีพอีกครั้ง (4) ตอนที่ 796
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 795 สำนักศึกษาเฟิงหัวฟื้นคืนชีพอีกครั้ง (4) ตอนที่ 796
ตอนที่ 795 สำนักศึกษาเฟิงหัวฟื้นคืนชีพอีกครั้ง (4) / ตอนที่ 796 สำนักศึกษาเฟิงหัวฟื้นคืนชีพอีกครั้ง (5)
ตอนที่ 795 สำนักศึกษาเฟิงหัวฟื้นคืนชีพอีกครั้ง (4)
การถือครองภูติวิญญาณประเภทพฤกษาทำให้จวินอู๋เสียต้องขัดแย้งกับสิบสองตำหนัก และแค่เรื่องนี้เพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนปรารถนาที่จะได้ครอบครองภูติวิญญาณที่ไม่ธรรมดาเช่นนี้
“หลังจบการประลองในวันนี้ ชื่อเสียงของสำนักศึกษาเฟิงหัวจะพุ่งทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง ข้าเกรงว่าสถานการณ์ในวันนี้จะเกิดขึ้นอีก และถ้าเราไม่อยากจะรับมือกับคนพวกนี้ต่อ เราก็ต้องหาทางออกที่เหมาะสมไว้นะ” หรงรั่วพูดพร้อมกับมองสหายของนาง
สาเหตุหลักที่พวกเขาเข้าร่วมศึกประลองภูติวิญญาณก็เพื่อกู้ชื่อเสียงของสำนักศึกษาเฟิงหัวขึ้นมาอีกครั้ง แต่เนื่องจากพวกเขาทั้งหมดจะไม่กลับไปที่สำนักศึกษาเฟิงหัวหลังจบศึกประลองภูติวิญญาณ พวกเขาจึงไม่สามารถยอมรับคำเชิญและข้อเสนอจากตระกูลและสำนักศึกษาที่มีอำนาจได้เลย แต่ตราบเท่าที่พวกเขายังอยู่ในเมืองหลวง ชื่อเสียงของพวกเขาก็จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และจำนวนคนที่จะเข้ามาหาพวกเขาพร้อมคำเชิญและข้อเสนอที่จะดึงพวกเขาเข้าเป็นพวกก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
“วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือเอาตัวไปผูกติดกับผู้มีอำนาจ” ฟ่านจัวพูดพร้อมกับเคาะนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะ
ตราบใดที่พวกเขาถูกพบว่าได้ไปภักดีกับผู้มีอำนาจแล้วละก็ คนอื่นๆ ก็จะละทิ้งความพยายามและค้นหาเป้าหมายอื่นต่อไป
“เหลยเชิน” ฮวาเหยาถามพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง เขายังจำได้ว่าทั้งสองครั้งที่พวกเขาได้พบกับเหลยเชิน เขาได้แสดง ‘ความสนใจ’ ต่อสำนักศึกษาเฟิงหัวไว้อย่างมากมาย
“เหลยเชินอาจจะดูเหมือนสนใจสำนักศึกษาเฟิงหัว แต่แทนที่จะบอกว่าเขาสนใจสำนักศึกษาเฟิงหัวทั้งหมด น่าจะพูดว่าเขาเล็งไปที่น้องเสียโดยเฉพาะน่าจะถูกต้องกว่า” ฟ่านจัวพูดขึ้นพร้อมกับมองไปทางจวินอู๋เสีย “แม้ว่าทั้งสองครั้งที่พบกันเขาจะพยายามปกปิดความสนใจในตัวน้องเสียเอาไว้อย่างเต็มที่ก็เถอะ แต่การจงใจเรียกเสียสนิทสนมแบบนั้นก็บ่งบอกจุดประสงค์ที่ซ่อนอยู่ได้ ถ้าข้าเดาไม่ผิด ข้อมูลของน้องเสียในสำนักศึกษาเฟิงหัวคงรั่วไหลไปถึงเขาแล้ว”
“ข้อมูลรั่ว หมายความว่าอย่างไร” เฉียวฉู่ถามพลางเกาหัวอย่างสับสน
ฟ่านจั่วอธิบายต่อว่า “ข้อมูลที่ว่าเป็นศิษย์ของสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณอย่างไรเล่า ศิษย์เพียงคนเดียวที่กู้หลีเซิงยอมรับ และเป็นคนที่พัฒนาทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณขึ้นใหม่”
“แล้วเหลยเชินรู้เรื่องนั้นได้อย่างไร” เฉียวฉู่ถาม
“ถึงแม้สำนักศึกษาเฟิงหัวจะไกลจากรัฐเหยียนอยู่มาก และเหลยเชินก็คงไม่สามารถได้ข่าวมาโดยตรงภายในระยะเวลาสั้นๆ แต่อย่าลืมว่าศิษย์สำนักศึกษาเฟิงหัวส่วนใหญ่ออกไปแล้ว และพวกเขาก็กระจัดกระจายไปตามสำนักศึกษาต่างๆ ทั่วแผ่นดิน ถ้าเหลยเชินเกิดสนใจสำนักศึกษาเฟิงหัวขึ้นมา เขาก็จะส่งคนไปหาข้อมูลของพวกเรา ข้อมูลของพี่ฮวา เฉียวฉู่ เสี่ยวเยียน เสี่ยวรั่ว กับข้านั้นชัดเจนและเข้าใจได้ง่าย อย่างน้อยก็เปลือกนอกล่ะนะ พวกเจ้าถูกเลื่อนขึ้นมาศึกษาต่อที่ตึกหลักจากการคัดเลือกของตึกรอง และข้าเป็นบุตรชายคนรองของสกุลฟ่าน แต่ข้อมูลของน้องเสียนั้นโดดเด่นมากที่สุดในกลุ่มเราเลย” ฟ่านจัวพูดและหยุดครู่หนึ่ง รอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
“ข้าคิดว่า ตราบเท่าที่เหลยเชินไม่โง่ เขาจะตระหนักได้ว่าการมีน้องเสียอยู่นั้นมีความหมายว่าอย่างไร เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะชิงตัวกู้หลีเซิงมาจากสำนักศึกษาเฟิงหัว และด้วยตัวตนที่พิเศษมากๆ ของกู้หลีเซิง ทำให้แม้แต่เหลยเชินเองก็ยังต้องชั่งน้ำหนักและพิจารณาแผนการของเขาอย่างระมัดระวัง แต่กับน้องเสียที่ยังเด็กมากเช่นนี้ แล้วยังมีความรู้ในทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณทัดเทียมกับกู้หลีเซิง เหลยเชินจะทำใจแข็งปล่อยโอกาสงามเช่นนี้หลุดมือไปได้หรือ”
“อย่างนั้นที่พูดมาทั้งหมดก็หมายความว่า เหตุผลที่เหลยเชินมาถึงที่นี่คราวที่แล้วก็เพราะเขาอยากจะชวนน้องเสียไปเป็นพวกอย่างนั้นสินะ” เฉียวฉู่กระจ่างขึ้นมาทันที เขาก็สงสัยอยู่ว่าทำไมเหลยเชินถึงได้สนอกสนใจน้องเสียนักหนา และคิดว่าเหลยเชินคงรู้เพศที่แท้จริงของจวินอู๋เสียแล้วเสียอีก แต่สุดท้าย…เขาก็คิดมากเกินไป!
“ดูจากที่เราเจอเมื่อสักครู่ การเกาะติดเหลยเชินเอาไว้น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด” ฟ่านจัวสรุป
ตอนที่ 796 สำนักศึกษาเฟิงหัวฟื้นคืนชีพอีกครั้ง (5)
“น้องเสีย เจ้าคิดว่าอย่างไร” สุดท้ายฟ่านจัวก็ยังคงให้จวินอู๋เสียเป็นคนตัดสินใจ เนื่องจากจนถึงตอนนี้ แผนการของจวินอู๋เสียไม่เคยนำพาพวกเขาไปสู่ปัญหาใหญ่ใดๆ เลย
จวินอู๋เสียมองฟ่านจัวและคนอื่นแบบนิ่งๆ สิ่งที่ฟ่านจัวบอกกับทุกคนนางย่อมคิดมาก่อนแล้ว แต่อย่างที่ฟ่านจัวพูด ทางเลือกที่ดีที่สุดของพวกเขาตอนนี้ก็คือเกาะติดกับเหลยเชินเอาไว้ อย่างไรเสียเหลยเชินก็เป็นฝ่ายเข้ามาหาพวกเขาก่อน และไม่ว่าจะเพื่อทำให้พวกแมวมองหมดหวังหรือเพื่อหาแผนที่ได้ง่ายขึ้น การสร้างความสัมพันธ์กับเหลยเชินย่อมเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด
“ทำแบบนั้นแหละ” จวินอู๋เสียพูดพร้อมกับพยักหน้า
“เช่นนั้น เราต้องไปที่ตำหนักรัชทายาทกันตอนนี้เลยหรือไม่” เฉียวฉู่อ้าปากถามขึ้น เขายังจำได้ดีว่าท่าทีของจวินอู๋เสียต่อเหลยเชินเมื่อสองครั้งที่ผ่านมานั้นเย็นชาและเฉยเมยยิ่งนัก
จวินอู๋เสียส่ายศีรษะ
“เขาจะมาหาเราถึงหน้าประตูเอง”
ถ้าเหลยเชินมาที่โรงเตี๊ยมตำหนักเซียนในตอนแรกเพราะทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณของนาง เช่นนั้นหลังจากที่เฉียวฉู่กับคนอื่นๆ แสดงพลังของพวกเขาออกมา ก็แน่ใจได้เลยว่าเหลยเชินจะตระหนักได้ในทันทีว่าสำนักศึกษาเฟิงหัวที่อยู่ในสภาพตกต่ำยังคงมีคุณค่ามหาศาล และเขาจะไม่ปล่อยโอกาสอันดีเช่นนี้หลุดมือไป
และคำพูดของจวินอู๋เสียก็กลายเป็นจริงในเวลาไม่นาน
ขณะที่ฟ่านจิ่นยังคงยุ่งกับการรับมือพวกแมวมองและคนที่มาจากตระกูลและสำนักที่มีอำนาจต่างๆ รถม้าของตำหนักรัชทายาทก็เคลื่อนที่มาหยุดตรงหน้าประตูของโรงเตี๊ยมตำหนักเซียนอย่างช้าๆ เหลยเชินลงจากรถม้าและเห็นผู้คนแออัดเบียดเสียดกันอยู่ในโรงเตี๊ยมตำหนักเซียน
เหลยเชินหรี่ตาลง แต่สีหน้านั้นก็ถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มอย่างรวดเร็ว ดูเป็นองค์รัชทายาทที่เป็นมิตรและเข้าถึงได้ง่ายเช่นเดิม เขาเดินช้าๆ เข้าไปในห้องโถงที่ชั้นล่าง
คนทั้งหมดที่พยายามชักชวนศิษย์สำนักศึกษาเฟิงหัวเข้าร่วมกับตน เมื่อเห็นเหลยเชินปรากฏตัวขึ้นกลางวง ทั่วทั้งห้องโถงก็เงียบกริบทันที สายตาของทุกคนมองไปที่องค์รัชทายาท
“ข้าดีใจที่ทุกคนให้ความสนใจสำนักศึกษาเฟิงหัวกันมากขนาดนี้ แต่ศึกประลองภูติวิญญาณเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น ไม่ว่าพวกท่านมีเรื่องใดจะพูดคุยกับพวกเขาก็ตาม ข้าขอให้ทุกคนอย่าเพิ่งรบกวนการพักผ่อนของศิษย์สำนักศึกษาเฟิงหัวเลย” เหลยเชินพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและเป็นมิตรพร้อมรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า
การที่มีปัญญามากพอจะได้ข่าวเรื่องศิษย์ของสำนักศึกษาเฟิงหัวได้อย่างรวดเร็วนั้น ย่อมหมายความว่าผู้คนในโรงเตี๊ยมตำหนักเซียนย่อมฉลาดพออย่างแน่นอน เหลยเชินไล่พวกเขาได้อย่างชาญฉลาด เขาให้เกียรติทุกคนและยืนยันหนักแน่นให้รู้ถึงจุดยืนของเขาเช่นกัน
ในเวลานั้นผู้คนมากมายจากตระกูลและสำนักที่มีอำนาจต่างๆ ทั่วแผ่นดินรวมตัวกันอยู่ในเมืองหลวงแห่งรัฐเหยียน ไม่มีใครโง่พอที่จะมีเรื่องกับองค์รัชทายาทในถิ่นของเขาอย่างเปิดเผย ทุกคนยิ้มเฝื่อนๆ และพยักหน้าพร้อมกับทยอยออกไปจากโรงเตี๊ยมตำหนักเซียนกันทีละคน
ทุกคนต่างก็เห็นว่าเหลยเชินสนใจสำนักศึกษาเฟิงหัว และต่อให้พวกเขาอยากจะแข่ง พวกเขาก็รู้ว่าตัวเองไม่อาจเทียบได้กับองค์รัชทายาทแห่งรัฐเหยียน
เมื่อฝูงชนสลายตัวไป ฟ่านจิ่นที่เหนื่อยอ่อนก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก การที่ต้องรับมือกับคนจำนวนมากในเวลาเดียวกันเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับเขาจริงๆ ใบหน้าของเขาเป็นตะคริวจากการยิ้มมากเกินไป และลำคอของเขาก็แห้งผากจนเขาคิดว่าควันกำลังจะออกจากปากเขาอยู่แล้ว
“อาจารย์ใหญ่ฟ่านคงเหนื่อยมาก ไปเตรียมชาเก๊กฮวยให้อาจารย์ใหญ่ฟ่านซิ” เหลยเชินพูดพร้อมกับยิ้มให้ฟ่านจิ่น แล้วสั่งเถ้าแก่โรงเตี๊ยมตำหนักเซียนให้ไปเตรียมชา
“ขอบพระทัยในพระเมตตาขององค์ชาย” เสียงของฟ่านจิ่นแหบไปเรียบร้อยแล้ว เขาได้แต่ยิ้มให้เหลยเชิน
เหลยเชินตอบว่า “อาจารย์ใหญ่ฟ่าน ท่านทำงานหนักเกินไปแล้ว ข้ารู้ว่าศิษย์ของสำนักศึกษาเฟิงหัวมีความสามารถสูงมาตลอด และในวันนี้พวกเขาก็ได้แสดงให้ทุกคนในเมืองหลวงเห็นแล้วถึงความสามารถที่พวกเขามี ข้าเกรงว่าเรื่องจะไม่จบแค่ที่นี่วันนี้ และคิดว่าอาจารย์ใหญ่ฟ่านคงต้องลำบากอีกแน่ในวันข้างหน้า”
ฟ่านจิ่นยิ้มอย่างขมขื่นและส่ายศีรษะ
สายตาของเหลยเชินกวาดมองไปที่ชั้นสอง เขาพยายามทำเป็นถามไปเรื่อยเปื่อยโดยไม่ได้ใส่ใจอะไร “แล้วนี่พวกเขาไปพักผ่อนที่ห้องกันหมดแล้วหรือ”