ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 827 ขอโทษที ถึงตาข้าบ้างแล้ว (2) ตอนที่ 828 ขอโทษที ถึงตาข้าบ้างแล้ว (3)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 827 ขอโทษที ถึงตาข้าบ้างแล้ว (2) ตอนที่ 828 ขอโทษที ถึงตาข้าบ้างแล้ว (3)
ตอนที่ 827 ขอโทษที ถึงตาข้าบ้างแล้ว (2) / ตอนที่ 828 ขอโทษที ถึงตาข้าบ้างแล้ว (3)
ตอนที่ 827 ขอโทษที ถึงตาข้าบ้างแล้ว (2)
ผู้ตัดสินการประลองมองจวินอู๋เสียที่ยืนอยู่กลางเวทีประลองด้วยกันกับเขา ริมฝีปากโค้งขึ้นอย่างเย้ยหยันเมื่อคิดถึงหลายครั้งหลายคราที่คู่ต่อสู้ทุกคนของจวินอู๋เสียสละสิทธิ์การประลองไป เขารู้แก่ใจดี และแม้ว่าจะพูดออกมาดังๆ ไม่ได้ แต่สีหน้าของเขาก็แสดงความดูถูกจวินอู๋เสียออกมาอย่างชัดเจน
ทุกสายตาที่ลานประลองจับจ้องไปที่จวินอู๋เสีย และแทบทุกครั้งที่จวินอู๋เสียยืนอยู่บนเวทีนั้น ไม่มีใครจะขึ้นมายืนฝั่งตรงข้ามกับอีกฝ่ายได้เลย
วันนี้ฝูงชนต่างก็คิดว่าสิ่งเดียวกันจะเกิดขึ้นอีกครั้ง พวกเขาไม่ได้ลุ้นอะไรขณะรอคอยเวลาหนึ่งชั่วยามให้หมดไป พวกเขาอยากจะให้เวลาผ่านไปเร็วๆ เสียด้วยซ้ำ จะได้ทำการประลองรอบต่อไปได้
วินาทีผ่านไปเป็นนาที ผู้คนในลานประลองเริ่มส่งเสียงดังอย่างหมดความอดทนขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาไม่มองจวินอู๋เสียที่กำลังยืนอยู่คนเดียวบนเวทีอีกต่อไป และผู้เข้าแข่งขันรอบต่อไปก็กำลังเตรียมตัวสำหรับการประลองของพวกเขา
ผู้ตัดสินการประลองดูเวลาแล้ว เหลือเวลาอีกไม่มากนักก็จะหมดชั่วยาม เขาจึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “คุณชายจวิน ข้าคิดว่าวันนี้จ้าวซวินก็คงไม่มาเหมือนกัน เราควรเริ่มศึกประลองภูติวิญญาณรอบต่อไปได้แล้ว”
ความหมายของเขาก็คือให้จวินอู๋เสียหยุดเสแสร้งเสียที อย่าทำให้ทุกคนต้องเสียเวลาอีกเลย
“เวลายังไม่หมดเลย” จวินอู๋เสียตอบเสียงเรียบ ขณะที่เงยหน้ามองผู้ตัดสินการประลอง
บุรุษผู้นั้นถอนหายใจและถอยไปยืนด้านข้าง
เห็นได้ชัดจากท่าทีของเขาว่าเขาไม่อยากมองการกระทำของจวินอู๋เสียอีก
“เวลาจะหมดหรือไม่หมดแล้วมันจะต่างกันอย่างไร ทุกคนรู้กันหมดแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ยังจะแสร้งทำให้ผู้ใดดูอีก” ลานประลองตกอยู่ในความเอะอะวุ่นวาย ถ้าไม่ใช่เพราะความกลัวเหลยเชินที่หนุนหลังจวินอู๋เสียอยู่ ฝูงชนอาจจะโยนจวินอู๋เสียออกไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ภายใต้เสียงเอะอะโวยวายที่กำลังเพิ่มขึ้นนั้น ร่างสูงร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตูลานประลอง
กลุ่มผู้เยาว์ที่กำลังกระซิบกันอยู่ พอเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงประตูทางเข้าก็พลันแข็งค้างกันไปตามๆ กัน
พวกเขามองชายหนุ่มที่กำลังเดินช้าๆ เข้ามาที่เวทีประลองอย่างไม่อยากจะเชื่อ ผู้คนต่างพากันขยี้ตาและคิดว่าตัวเองตาฝาดไปหรือเปล่า!
คนที่เพิ่งปรากฏตัวขึ้นที่ประตูไม่ใช่คนแปลกหน้าที่ไหน
เขาคือจ้าวซวินที่เป็นคู่ต่อสู้ของจวินอู๋เสียในวันนี้!
“ทำไมเขามาที่นี่เล่า”
พวกผู้เยาว์มองจ้าวซวินอย่างสงสัยและไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
จ้าวซวินเดินตรงขึ้นไปที่กลางเวทีประลองภายใต้สายตาที่จับจ้องมาจำนวนนับไม่ถ้วน เขายืนอยู่ตรงหน้าจวินอู๋เสียด้วยท่าทางสบายๆ และไม่แยแส
“เราเริ่มกันได้แล้วสิ” จวินอู๋เสียพูดขึ้นทันที
ผู้ตัดสินการประลองที่ทำหน้าที่ในการประลองนิ่งอึ้งอย่างเห็นได้ชัด เขานิ่งเงียบอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่งก่อนจะหันไปมองจ้าวซวินอย่างไม่แน่ใจและถามด้วยน้ำเสียงสงสัยว่า “จ้าวซวิน เจ้ามาทำอะไรที่นี่”
จ้าวซวินเลิกคิ้วขึ้นและพูดอย่างดูถูกว่า “วันนี้เป็นรอบประลองของข้าไม่ใช่หรืออย่างไร ถามข้าว่ามาทำอะไรที่นี่ ท่านก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วนี่”
ผู้ตัดสินการประลองสับสนกับคำพูดของจ้าวซวิน ใบหน้าของเขาซีดขาว เขาหันไปมองจ้าวซวินกับจวินอู๋เสียสลับกัน สีหน้ายังคงตกตะลึง
พวกผู้เยาว์ในลานประลองส่งเสียงฮือฮาขึ้นมาอย่างดีอกดีใจ ตอนแรกพวกเขาคิดว่าจ้าวซวินอาจจะมาเพื่อประกาศสละสิทธิ์การประลอง แต่ในที่สุด…
เขาจะสู้กับจวินอู๋เสียจริงๆ หรือ!
การเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึงอย่างกะทันหันนี้ทำให้ทุกคนไม่ทันตั้งตัว
เมื่อวานจ้าวซวินได้บอกเป็นนัยๆ เอาไว้แล้วว่าเขาได้ยอมรับข้อเสนอขององค์รัชทายาทและตั้งใจที่จะละทิ้งการแข่งขัน แต่…ทำไมวันนี้เขาถึงมาปรากฏตัวที่นี่เล่า แถมยังแสดงออกอย่างเต็มที่ว่าอยากจะประลองกับจวินอู๋เสียด้วย!
ทุกคนต่างพากันสับสนอย่างถึงที่สุด
“อะแฮ่ม ในเมื่อเป็นเช่นนั้น…ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มการประลองได้” ผู้ตัดสินการประลองถอยไปด้านข้างอย่างกระอักกระอ่วน ในใจยิ่งสับสนมากขึ้นเรื่อยๆ
ตอนที่ 828 ขอโทษที ถึงตาข้าบ้างแล้ว (3)
จวินอู๋เสียและจ้าวซวินยืนเผชิญหน้ากันตรงกลางเวทีประลอง บรรยากาศตึงเครียดขึ้นทันที พวกผู้เยาว์เฝ้าดูพวกเขาอยู่นานก่อนจะได้สติ ดูเหมือนว่าการประลองในรอบนี้กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว!
“จ้าวซวิน! เจ้าเป็นลูกผู้ชายจริงๆ! กล้ายืนหยัดต่อต้านองค์รัชทายาท! การประลองรอบนี้จะต้องยอดเยี่ยมแน่!”
“ก็อย่างที่ข้าพูดไปอย่างไรเล่า สักวันหนึ่งจะต้องมีคนมาสั่งสอนบทเรียนให้แก่จวินเสีย เจ้าเด็กนั่นกล้าพูดว่าเวลายังไม่หมด เป็นอย่างไรเล่าก้อนหินที่หยิบมาหล่นใส่เท้าตัวเองแล้ว! จ้าวซวินโผล่มาแล้ว ดูแขนขาผอมแห้งของเจ้าเด็กนั่นสิ ข้าเดาว่าทนการโจมตีของจ้าวซวินไม่ได้แม้แต่ครั้งเดียวแน่”
เมื่อเห็นว่าการต่อสู้กำลังจะเริ่มขึ้น พวกผู้เยาว์ในเขตประลองที่หนึ่งก็แทบจะเดือดพล่านด้วยความคาดหวัง ทุกคนไม่กล้าต่อต้านเหลยเชิน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่ยินดีที่ได้เห็นจวินอู๋เสียพ่ายแพ้!
ในลานประลอง ร่างเล็กๆ ของจวินอู๋เสียยิ่งดูบอบบางและอ่อนแอเมื่ออยู่ต่อหน้าร่างสูงใหญ่ของจ้าวซวิน เพียงมองแค่แวบเดียวก็บอกได้อย่างชัดเจนว่าใครแข็งแกร่งกว่า
ทุกคนแอบคาดหวังที่จะได้เห็นว่าจวินอู๋เสียจะโดนตบหน้าอย่างไรต่อหน้าทุกคน!
เมื่อเสียงระฆังเริ่มศึกประลองภูติวิญญาณดังขึ้น จวินอู๋เสียที่ยืนอยู่บนเวทีประลองก็เริ่มลงมือ!
และเพียงการเคลื่อนไหวแรกของนาง ทั่วทั้งลานประลองที่เตรียมตัวโห่ร้องและล้อเลียนเต็มที่ก็พากันเงียบกริบ!
สายตาทุกคู่จ้องไปที่แสงสีเขียวสว่างไสวของพลังวิญญาณที่ออกมาจากร่างของจวินอู๋เสีย แสงนั้นสว่างจ้าเสียจนเกือบทำให้ตาของผู้เยาว์ทุกคนมองอะไรไม่เห็น!
“พลังวิญญาณขั้นสีเขียว! เป็นไปได้อย่างไร!”
เสียงร้องด้วยความตกใจดังอื้ออึงไปทั่ว! ทุกคนไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเองขณะที่มองดูร่างเล็กๆ ที่ห่อหุ้มด้วยแสงสีเขียวสว่างเจิดจ้านั้น!
เด็กหนุ่มอายุสิบสี่สิบห้าปีที่มีพลังวิญญาณขั้นสีเขียว ไม่เคยมีใครได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน!
ทุกคนพากันขยี้ตาเพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองตาไม่ฝาด!
ร่างของจวินอู๋เสียเคลื่อนไหวบนเวทีประลองราวกับสายฟ้า เมื่ออยู่ต่อหน้าแสงสีเขียวเจิดจ้านั้น พลังวิญญาณสีส้มของจ้าวซวินก็ดูเล็กจ้อยจนมองไม่เห็น! การเคลื่อนไหวของผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีเขียวนั้นรวดเร็วมากจนทุกคนไม่อาจมองได้ทัน พวกเขาเห็นแค่แสงสีเขียวเจิดจ้านั้นพุ่งตรงไปหาจ้าวซวินด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ!
ในตอนนั้นทุกคนพากันเงียบกริบกันหมด จวินอู๋เสียแค่ปล่อยพลังวิญญาณของนางเท่านั้นก็ตบหน้าทุกๆ คนอย่างแรงได้แล้ว!
พวกผู้เยาว์ที่เคยกล่าวหานางว่าประจบประแจงเหลยเชิน พวกที่อิจฉาความโชคดีที่ไม่สมควรจะได้ของนาง บัดนี้ต่างก็พูดอะไรไม่ออก
พลังวิญญาณขั้นสีเขียว…ไม่จำเป็นต้องแอบขอความช่วยเหลือจากใครทั้งนั้น ด้วยพลังขนาดนั้นเขาสามารถเอาชนะทั้งเขตประลองที่หนึ่งได้อย่างสบายเลยทีเดียว!
ต่อหน้าพลังขนาดนั้น ทุกข้อกล่าวหาก็กลายเป็นเรื่องตลกไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนี้ไม่มีใครพูดได้อีกแล้วว่าเป็นเพราะจวินอู๋เสียอ่อนแอเกินไป เขาจึงต้องแอบบังคับให้คู่ต่อสู้ของเขาถอนตัวจากการประลอง
จากสิ่งที่พวกเขาเห็น ทั่วทั้งเขตประลองที่หนึ่ง ไม่มีสักคนที่สามารถยืนหยัดต่อต้านเขาได้
ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ทั้งลานประลองตกอยู่ในความเงียบ พวกผู้เยาว์ที่ล้อเลียนและเย้ยหยันอยู่เมื่อครู่ก็พากันหน้าร้อนฉ่า ถ้าบอกว่าพลังวิญญาณขั้นสีเขียวเป็นขยะ แล้วพวกเขาจะเป็นอะไรกันเล่า ไม่ยิ่งกว่าขยะอีกหรือ
การต่อสู้จบลงในพริบตา พลังวิญญาณสีส้มไม่มีโอกาสต่อต้านพลังวิญญาณขั้นสีเขียวได้เลย ก่อนที่ทุกคนจะได้สติจากอาการตกใจ จ้าวซวินที่ยืนอยู่บนเวทีก็ลอยขึ้นไปกลางอากาศจากลูกเตะเพียงครั้งเดียวของจวินอู๋เสีย ร่างสูงของเขาลอยละลิ่วตกลงมากระแทกที่มุมเวทีประลองอย่างรุนแรง!
จวินอู๋เสียลงมือแค่ครั้งเดียว นางก็เอาชนะไปได้ภายในหนึ่งวินาทีเท่านั้น!
พลังที่เหนือกว่ามากมายเช่นนี้ทำให้ผู้เยาว์ทุกคนที่ดูถูกจวินอู๋เสียพากันกลืนน้ำลายด้วยความหวาดกลัว