ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 961 เมืองพันอสูร (7) ตอนที่ 962 เมืองพันอสูร (8)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 961 เมืองพันอสูร (7) ตอนที่ 962 เมืองพันอสูร (8)
ตอนที่ 961 เมืองพันอสูร (7) / ตอนที่ 962 เมืองพันอสูร (8)
ตอนที่ 961 เมืองพันอสูร (7)
ชวีหลิงเย่ว์กับสยงป้าสบตากัน พวกเขาเห็นว่าชวีเหวินเฮ่าชื่นชมจวินอู๋เสีย หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ชวีหลิงเย่ว์ก็เอียงตัวเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของชวีเหวินเฮ่า
รอยยิ้มใจดีบนใบหน้าของชวีเหวินเฮ่าแข็งค้างไปทันที ยิ่งชวีหลิงเย่ว์อธิบายต่อไป แววตาตกใจของเขาก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น
“หลิงเย่ว์! ครั้งนี้เจ้ากล้ามากเกินไปแล้ว!” ชวีเหวินเฮ่าไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เขาเพิ่งได้ยิน ชวีหลิงเย่ว์เล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเมืองพันอสูรให้จวินเสียฟังและยังเชิญเขามาที่เมืองพันอสูรเพื่อช่วยเหลือพวกเขาอีกด้วย!
แม้ว่าชวีเหวินเฮ่าจะชื่นชมความเฉลียวฉลาดของจวินเสียมาก แต่จากที่เขาได้ฟังมา จวินเสียเป็นเพียงเด็กหนุ่มตัวเล็กๆ ที่ยังเด็กอยู่มาก เมืองพันอสูรเผชิญกับวิกฤตนี้มานานหลายปีแล้ว พวกเขาได้แอบคิดหาวิธีแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองหลายวิธี แต่ทั้งหมดก็ไร้ประโยชน์ แล้วตอนนี้ชวีหลิงเย่ว์กลับตั้งความหวังทั้งหมดเอาไว้ที่เด็กหนุ่มที่เด็กมากขนาดนั้น ซึ่งในสายตาของชวีเหวินเฮ่ามันเป็นความเสี่ยงที่มากเกินกว่าที่พวกเขาจะรับได้
ชวีหลิงเย่ว์กัดริมฝีปากและพูดว่า “ท่านพ่อ ถ้ามีทางออกอื่นให้เรา ลูกก็คงไม่เลือกเสี่ยงขนาดนี้ แต่ว่า…”
“เด็กโง่! ถ้าท่านยายเจ้ารู้เข้า เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขนาดไหน แผนที่นั่นควรจะมีแต่ข้ากับหัวหน้าตึกทั้งสี่เท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ นางไม่รู้ว่าเจ้ารู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำ ถ้านางรู้ว่าเจ้าพูดเรื่องนี้ให้คนนอกฟัง นางไม่ปล่อยเจ้าเอาไว้แน่” ยิ่งคิดชวีเหวินเฮ่าก็ยิ่งปวดหัวมากขึ้น บุตรีของเขาเป็นคนมีเหตุผลและเชื่อฟังมาตลอดตั้งแต่เด็ก การที่นางตัดสินใจทำเรื่องเสี่ยงขนาดนี้ทำให้เขาตกใจมากจริงๆ
“ถ้าข้ากล้าทำแบบนี้ ข้าก็ไม่กลัวว่านางจะรู้หรอกเจ้าค่ะ ท่านพ่อ! ท่านอยากให้พวกเราเป็นแบบนี้ต่อไปจริงๆ น่ะหรือ พวกเราต้องมองดูท่านแม่และคนอื่นๆ ทนทุกข์ทรมานอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ เราไม่ได้เจอท่านแม่มานานแล้วนะ…ข้าคิดถึงท่านแม่เหลือเกิน” ชวีหลิงเย่ว์ก้มศีรษะลง น้ำเสียงของนางติดขัดขึ้นมา
แม้ว่าท่านผู้นั้นจะปล่อยคนกลุ่มหนึ่งกลับมาที่นี่ทุกเดือน แต่นางแทบจะไม่ปล่อยมารดาของชวีหลิงเย่ว์กลับมาเลย ห้าปีที่ผ่านมาพวกเขาไม่ได้เจอมารดาของชวีหลิงเย่ว์เลยสักครั้ง ดูเหมือนว่าท่านผู้นั้นจะจงใจทำแบบนั้น นางแค่ยอมให้คนที่กลับมาบอกข่าวว่าฮูหยินของท่านเจ้าเมืองยังคงปลอดภัยดี แต่ไม่เคยปล่อยนางกลับมาหาสามีและลูกเลยสักวันเดียว
ในใจของชวีหลิงเย่ว์ยังคงมีภาพความทรงจำของมารดาตอนที่นางยังเด็กกว่านี้มาก แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้พบกันมานานแล้วก็ตาม แต่โลหิตก็ยังข้นกว่าน้ำ นางจะไม่คิดถึงมารดาของนางได้อย่างไร
คำพูดของชวีหลิงเย่ว์ทำให้ชวีเหวินเฮ่ารู้สึกเจ็บปวด ฮูหยินและบุตรีคือคนที่เขารักมากที่สุดในชีวิต แต่ตอนนี้ฮูหยินของเขาถูกจับเป็นตัวประกัน และเขาก็ไม่กล้าหวังว่าพวกเขาจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีก แค่ได้มาเจอกันสักชั่วครู่ก็เป็นความหวังที่มากเกินไปแล้ว
การแยกจากกันของสามีภรรยานี้เป็นเหมือนเข็มที่ฝังแน่นอยู่ในใจของชวีเหวินเฮ่า!
“เจ้าได้คิดบ้างหรือไม่ว่าถ้าท่านยายของเจ้ารู้เรื่องนี้เข้า ผลที่ตามมาจะน่ากลัวแค่ไหน นอกจากนางจะไม่ไว้ชีวิตเจ้ากับจวินเสียแล้ว นางจะไม่ปล่อยคนที่นางจับเอาไว้ง่ายๆ ด้วยเหมือนกัน! ถ้านางโกรธจนทำร้ายคนพวกนั้น ข้าจะตอบพี่น้องของเราในเมืองนี้ได้อย่างไร” ชวีเหวินเฮ่าพูดด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดพร้อมกับหลับตาแน่น ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยคิดจะเดิมพันทุกอย่างที่มีเพื่อตอบโต้ แต่เขาต้องคิดด้วยว่าคนที่ถูกจับไปไม่ใช่แค่ฮูหยินของเขาคนเดียว
ครั้งหนึ่งคนในเมืองพันอสูรเคยคิดที่จะสู้กลับและพวกเขาได้ทำมันจริงๆ แต่วันต่อมาคนที่ต่อต้านพวกนั้นได้พบศพของฮูหยินและลูกๆ ของพวกเขากระจัดกระจายอยู่หน้าประตูเมืองพันอสูร ภาพนองเลือดในวันนั้นยังคงอยู่ในใจของทุกคนจนถึงวันนี้
เพื่อให้แน่ใจว่าคนในครอบครัวจะปลอดภัย พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากยอมทำตามคำสั่งของท่านผู้นั้น พวกเขาไม่ได้อ่อนแอหรือขี้ขลาด แต่พวกเขาต้องยอมจำนนเพื่อความปลอดภัยของครอบครัว
ตอนที่ 962 เมืองพันอสูร (8)
ชวีหลิงเย่ว์เงียบกริบ นางจะไม่รู้ถึงความกังวลในใจของชวีเหวินเฮ่าได้อย่างไร
สยงป้ามองใบหน้าเศร้าสร้อยของชวีหลิงเย่ว์แล้วรู้สึกเจ็บปวด เขาพูดกับชวีเหวินเฮ่าว่า “ท่านเจ้าเมือง คุณชายจวินเคยพูดกับพวกเรามาก่อนว่า เขาจะไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามเด็ดขาดถ้ายังไม่มั่นใจเต็มที่ว่าจะสำเร็จ คุณชายจวินเป็นคนที่ระมัดระวังและละเอียดรอบคอบมาก ข้าขอให้ท่านเจ้าเมืองเชื่อในตัวคุณชายจวินสักครั้ง ถ้ามีอะไรไม่ดีเกิดขึ้น ข้าจะรับผิดชอบเอง ถ้าท่านผู้นั้นถามเรื่องนี้ ข้าจะพูดว่าทั้งหมดเป็นการกระทำของข้าเพียงคนเดียว ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณหนูใหญ่หรือเมืองพันอสูรเลยแม้แต่น้อย”
ชวีเหวินเฮ่ามองสยงป้าอย่างประหลาดใจ เขาเห็นความเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นในแววตาของสยงป้าอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
พวกเขาควรเดิมพันครั้งใหญ่หรือไม่ หรืออยู่อย่างทนทุกข์แบบนี้ต่อไป
ชวีเหวินเฮ่าขัดแย้งในใจอย่างรุนแรง
“เอาล่ะ เรื่องนี้เจ้าต้องระมัดระวังอย่างถึงที่สุดนะ ถ้าคุณชายจวินต้องการความช่วยเหลืออะไรละก็บอกข้าได้ ข้าจะพยายามทำทุกอย่างที่อยู่ในอำนาจของข้าเพื่อช่วยเขา” ในที่สุดชวีเหวินเฮ่าก็ตัดสินใจคว้าโอกาสนี้เอาไว้ บุตรีของเขาเองกับลูกน้องที่เขาไว้ใจแสดงความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวออกมาขนาดนี้แล้ว เขาจะทำให้เสียชื่อเมืองพันอสูรได้อย่างไร
เมื่อได้รับการยินยอมจากชวีเหวินเฮ่า ชวีหลิงเย่ว์กับสยงป้าก็มีสีหน้ายินดีขึ้นมาทันที
……
ในตึกเพลิงพิโรธ ชิงอวี่ทำงานของตัวเองจนเสร็จ เขาเดินไปเคาะประตูห้องของจวินอู๋เสีย
จวินอู๋เสียเปิดประตู เมื่อนางเห็นชิงอวี่ยืนอยู่นอกห้อง นางก็มองเขาอย่างสงสัย
“คุณชายจวินเพิ่งมาถึงเมืองพันอสูร ท่านสนใจจะไปเที่ยวชมเมืองพันอสูรหรือเปล่าขอรับ” ชิงอวี่ถามจวินอู๋เสียยิ้มๆ
จวินอู๋เสียพยักหน้า ถึงแม้นางจะได้ยินเรื่องของเมืองพันอสูรมามากแล้วจากสยงป้าและชวีหลิงเย่ว์ แต่มีบางอย่างที่จำเป็นต้องเห็นด้วยตาของตัวเองก่อนที่พวกเขาจะแน่ใจได้
จวินอู๋เสียเดินออกจากตึกเพลิงพิโรธพร้อมกับชิงอวี่ พวกเขาเดินไปตามถนนใหญ่ในเมืองพันอสูร
ชิงอวี่อยากรู้เรื่องของสัตว์วิญญาณที่ดูเหมือนลูกแกะตัวน้อยที่จวินอู๋เสียอุ้มอยู่ ตั้งแต่ที่พวกเขาเริ่มออกเดินทางมาจนถึงตอนนี้ จวินอู๋เสียแทบไม่ปล่อยเจ้าตัวน้อยนี้ลงเลย นอกจากแกะน้อยนี้แล้วบนไหล่ของจวินอู๋เสียก็ยังมีแมวสีดำตัวเล็กเท่าฝ่ามือนอนอยู่ด้วย
คนของเมืองพันอสูรคุ้นเคยกับพวกสัตว์วิญญาณ พวกเขารักสัตว์วิญญาณมาก หลังจากเฝ้าสังเกตอยู่นาน ชิงอวี่ก็ยังไม่แน่ใจว่าใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะเป็นสัตว์วิญญาณชนิดใด ที่เขารู้ก็คือมันเชื่อฟังจวินอู๋เสียมากและดูเหมือนจะเข้าใจความคิดของจวินอู๋เสียด้วย ขณะเดียวกันมันก็ดูเชื่องมาก
“คุณชายจวินมีสัตว์วิญญาณที่พิเศษมาก ข้าไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย” ชิงอวี่พูดขณะมองเจ้าตัวน้อยที่นอนตาปรืออยู่ในอ้อมแขนของจวินอู๋เสีย ดูสบายเสียเหลือเกิน สัตว์วิญญาณนั้นมีขนาดตัวไม่ใหญ่ ดูเหมือนไม่ใช่สัตว์วิญญาณระดับสูง ยกเว้นดวงตาของมันที่ดูมีสติปัญญาและมีจิตสำนึก
ระดับของสัตว์วิญญาณเกี่ยวข้องกับความแข็งแกร่งและสติปัญญาของมัน ยิ่งระดับสูงก็ยิ่งมีสติปัญญาสูง พวกมันจะสามารถตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ ได้ดีกว่า มีสติสัมปชัญญะและการรับรู้มากกว่า คนของเมืองพันอสูรมีนิสัยชอบเลี้ยงสัตว์วิญญาณมาตั้งแต่เล็ก ถึงจะเป็นสัตว์วิญญาณระดับต่ำ แต่ถ้าไม่มีกำไลสะกดอสูร พวกเขาก็ต้องใช้เวลาหลายปีถึงจะสามารถฝึกมันได้
นอกจากในเมืองพันอสูรแล้ว ไม่เคยได้ยินเลยว่ามีใครสามารถฝึกสัตว์วิญญาณได้ ดังนั้นชิงอวี่จึงอยากรู้เรื่องของใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะที่อยู่ในอ้อมแขนของจวินอู๋เสียมาก
ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะเหลือบมองชิงอวี่ ดูเหมือนมันรู้สึกว่าคำพูดของเขาเป็นการดูถูกมัน
ข้าคือใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะผู้สูงส่งนะ!
เป็นหนึ่งเดียวในโลก! เจ้ามนุษย์หน้าโง่นี่ มันก็ต้องแหงอยู่แล้วสิที่จะไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน! ฮึ!
ถูกแกะน้อยมองอย่างดูหมิ่นเหยียดหยามเช่นนั้น ชิงอวี่ก็รู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก…