ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 963 ลานประลองสัตว์วิญญาณ (1) ตอนที่ 964 ลานประลองสัตว์วิญญาณ (2)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 963 ลานประลองสัตว์วิญญาณ (1) ตอนที่ 964 ลานประลองสัตว์วิญญาณ (2)
ตอนที่ 963 ลานประลองสัตว์วิญญาณ (1) / ตอนที่ 964 ลานประลองสัตว์วิญญาณ (2)
ตอนที่ 963 ลานประลองสัตว์วิญญาณ (1)
จวินอู๋เสียมองใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะในอ้อมแขนของนาง สัตว์วิญญาณและร่างวิญญาณมีความแตกต่างเฉพาะของมันเอง เจ้าแมวดำตัวน้อยทำให้คนรู้สึกว่ามันเหมือนกับภูติวิญญาณ ขณะที่ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะนั้นถึงจะซ่อนตัวตนที่ทรงอำนาจของสัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติเอาไว้แล้ว แต่คนก็ยังเห็นได้ชัดว่ามันคือสัตว์วิญญาณ
“เก็บได้จากข้างทางน่ะ” จวินอู๋เสียอธิบายหน้าตาเฉย
ก็มันเป็นความจริงนี่
ชิงอวี่ยังคงมึนงงอยู่ เขาพูดต่อว่า “ถ้าอย่างนั้นเจ้าตัวเล็กนี้ต้องมีชะตาต้องกันกับคุณชายจวินเป็นแน่ ดูจากขนาดตัวของมัน มันก็น่าจะเป็นสัตว์วิญญาณระดับต่ำ แต่สัตว์วิญญาณระดับต่ำก็ยังไม่เป็นมิตรกับมนุษย์อยู่ดี มันแทบจะไม่เข้าหามนุษย์ก่อนเลย หรือเจ้าตัวเล็กนี้ยังเด็กมากก็เลยยังไม่ได้เรียนรู้การระวังตัว”
ชิงอวี่ไม่ได้ดูถูกใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะเลย แต่เป็นเพราะสัตว์วิญญาณที่โตเต็มที่ส่วนใหญ่จะระวังตัวมากและระแวงมนุษย์ มีเพียงสัตว์วิญญาณที่ยังเล็กมากเท่านั้นที่จะยอมให้ตัวเองถูกพาไปไหนต่อไหนได้โดยไม่ต่อต้านเลยสักนิด
“แบ๊ะ!”
เจ้าต่างหากที่ยังไม่โต! ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะโตเต็มที่แล้ว! เจ้ามนุษย์โง่!
“ไม่แน่ใจ” จวินอู๋เสียตอบแบบไม่สนใจ ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะคือไพ่ตายของนาง มันต้องถึงที่สุดแล้วจริงๆ เท่านั้น นางถึงจะยอมให้คนอื่นรู้พลังที่แท้จริงของใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะ
ชิงอวี่ใช้เวลากับจวินอู๋เสียช่วงหนึ่งตอนเดินทางมาที่เมืองพันอสูร เขาจึงรู้ว่าจวินอู๋เสียมีนิสัยเช่นนี้เอง ดังนั้นเขาจึงไม่โกรธกับคำตอบห้วนๆ เย็นชาของจวินอู๋เสีย
เมืองพันอสูรเป็นสถานที่ที่คึกคักจอแจ แม้ว่าจะเทียบกับเมืองหลวงของรัฐเหยียนไม่ได้ แต่มันก็ยังมีผู้คนพลุกพล่านและเสียงดังอึกทึก
แต่นอกจากถนนจะเต็มไปด้วยผู้คนแล้ว สัตว์วิญญาณใหญ่เล็กก็พบเห็นได้ทุกแห่งหน ถ้าไม่ถูกคนอุ้มอยู่ก็เดินอยู่กับคนโดยมีสายจูง ภาพพวกนี้ทำให้จวินอู๋เสียที่อุ้มใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะอยู่จึงดูเป็นปกติมากสำหรับที่นี่
ในเมืองพันอสูร สิ่งที่เห็นได้ทั่วไปก็คือร้านขายลูกสัตว์วิญญาณตัวเล็กๆ
สัตว์วิญญาณที่โตแล้วทำให้เชื่องได้ยากมาก ถ้าอยากเลี้ยงสัตว์วิญญาณ พวกเขาก็ต้องออกไปเลือกลูกสัตว์วิญญาณที่เพิ่งเกิดพวกนี้ ทั้งสองข้างถนนมีลูกสัตว์วิญญาณมากมายถูกขังอยู่ในกรง พวกมันมองผู้คนที่ผ่านไปมาด้วยดวงตาใสซื่อไร้เดียงสา ก่อนที่จิตสำนึกและการรับรู้ของพวกมันจะเติบโตขึ้น พวกมันก็ถูกจับมาใส่กรงแล้ว และถูกเอามาแสดงเป็นสินค้ารอคอยให้คนมาซื้อไป
จวินอู๋เสียมองลูกสัตว์วิญญาณที่ถูกขังอยู่ในกรงพวกนั้นแล้วขมวดคิ้ว ชาติก่อนนางเคยเห็นภาพแบบนี้มาแล้ว เพื่อทดลองการรวมร่างกับสัตว์ คนคนนั้นจับสัตว์ป่ากลับมาหลายชนิด พอตกกลางคืนและทุกสิ่งเงียบสงัด เสียงร้องโหยหวนของสัตว์ป่าจะดังขึ้นเสมอ ในช่วงนั้นทั้งบ้านพักจะมีแต่กลิ่นคาวโลหิตรุนแรงไปตลอดทั้งวัน
สิ่งเดียวที่ทำให้สบายใจก็คือในเมืองพันอสูรนั้นห้ามทารุณสัตว์วิญญาณเด็ดขาด ถ้าพบการทำผิด ผู้กระทำผิดจะถูกลงโทษอย่างรุนแรง
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น จวินอู๋เสียก็ยังขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวอยู่ดี
บางคนพาลูกๆ มาเลือกสัตว์วิญญาณพวกนี้ พวกเขารุนแรงกับลูกสัตว์วิญญาณมาก ลูกสัตว์ที่ไร้เดียงสาพวกนี้หวาดกลัวมาก ทั้งถนนได้ยินเสียงครางเบาๆ ไปทั่ว เสียงของพวกมันเต็มไปด้วยความกลัวและหมดหนทาง
“ลูกสัตว์วิญญาณทั้งหมดนี้ถูกจับมาจากป่ารอบๆ เมืองพันอสูร บางตัวก็เกิดจากสัตว์วิญญาณที่คนเลี้ยงไว้ในเมือง ราคาของลูกสัตว์วิญญาณที่เกิดในเมืองจะสูงกว่าเมื่อเทียบกับพวกที่ถูกจับมาจากในป่า เพราะพวกมันมักจะอ่อนโยนและฝึกได้ง่ายกว่า แถมยังมีจำนวนน้อยด้วย” ชิงอวี่สังเกตเห็นจวินอู๋เสียมองไปที่กรงพวกนั้นโดยไม่ละสายตาและคิดว่าเด็กหนุ่มคนนี้คงจะสนใจพวกมัน
ตอนที่ 964 ลานประลองสัตว์วิญญาณ (2)
“คุณชายจวินชอบสัตว์วิญญาณเหมือนกันหรือขอรับ” ชิงอวี่ถาม
จวินอู๋เสียไม่ตอบ นางแพ้สิ่งมีชีวิตขนฟูตัวน้อย แต่นางเกลียดที่เห็นพวกมันถูกขังอยู่ในกรงดูหวาดกลัวมาก
นั่นไม่ใช่สิ่งที่สัตว์พวกนี้ควรจะได้รับ
ถึงแม้จวินอู๋เสียจะรักพวกมัน แต่นางไม่เคยบังคับ จากมุมมองของนางไม่ว่าจะมนุษย์หรือสัตว์ต่างก็มีชีวิตเหมือนกัน ทุกชีวิตเท่าเทียมกัน การที่มนุษย์ใช้กำลังบังคับให้สัตว์ยอมจำนนเป็นสิ่งที่นางเกลียดมาก
ไม่ว่าจะเป็นเจ้าแมวดำตัวน้อยหรือใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะ พวกมันอยู่ข้างกายจวินอู๋เสียด้วยความตั้งใจของตัวเอง และจวินอู๋เสียไม่เคยต้องการบังคับฝืนใจพวกมันเลย
ถ้าเป็นการฝืนใจพวกสัตว์วิญญาณ ไม่ว่าจะทำดีอย่างไร มันก็คือการบังคับอยู่ดี!
“ถ้าคุณชายจวินสนใจ ข้ารู้จักที่เหมาะๆ ที่จะพาท่านไปดูขอรับ” ชิงอวี่ไม่ได้รู้เอาเสียเลยว่าจวินอู๋เสียคิดอะไรอยู่ เขาพูดสิ่งที่ตัวเองคิดว่าจะทำให้จวินอู๋เสียพอใจ
“ในเมืองพันอสูรมีลานประลองสัตว์วิญญาณอยู่ขอรับ ที่นั่นจะจัดประลองระหว่างสัตว์วิญญาณทุกวัน ถ้าท่านทำผลงานได้ดี ก็สามารถได้รางวัลเป็นกำไลสะกดอสูรที่มีอยู่ในเมืองพันอสูรเท่านั้นขอรับ” ชิงอวี่พูดพร้อมกับยิ้มอย่างร่าเริง
เมื่อจวินอู๋เสียได้ยินคำว่ากำไลสะกดอสูร ดวงตาของนางก็เป็นประกายทันที
“ที่ไหน”
เมื่อเห็นว่าจวินอู๋เสียแสดงความสนใจ ชิงอวี่ก็รู้สึกโล่งอก เขาพูดว่า “คุณชายจวินโปรดตามข้ามาขอรับ”
แล้วชิงอวี่ก็พูดคุยและอธิบายให้จวินอู๋เสียฟังระหว่างทางว่าลานประลองสัตว์วิญญาณนั้นเป็นอย่างไร
เมืองพันอสูรมีประชากรอยู่มากและแทบทุกคนก็ชอบเลี้ยงสัตว์วิญญาณ เป้าหมายสูงสุดของคนที่นี่ก็คือสามารถฝึกสัตว์วิญญาณที่ระดับสูงขึ้นไปได้ แม้ว่าเมืองพันอสูรจะมีกำไลสะกดอสูร แต่อย่างไรเสียของแบบนั้นก็เป็นของหายากในเมืองนี้เช่นกัน คนทั่วไปไม่สามารถมีได้ นอกจากนั้นแค่การใช้กำไลสะกดอสูรอย่างเดียวเพื่อทำให้สัตว์วิญญาณเชื่องนั้นมันเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากกำไลสะกดอสูรไม่เหมือนกับขลุ่ยกระดูกควบคุมวิญญาณ มันไม่ได้มีพลังแบบเดียวกัน
ในการที่จะทำให้สัตว์วิญญาณเชื่องได้สำเร็จนั้น นอกจากกำไลสะกดอสูรแล้ว ยังต้องใช้อย่างอื่นด้วย
และสิ่งนั้นก็คือทักษะควบคุมอสูร!
ทักษะควบคุมอสูรเป็นสมบัติล้ำค่าที่เมืองพันอสูรเก็บรักษาไว้ นอกจากคนของจวนท่านเจ้าเมืองแล้ว ก็มีเพียงหัวหน้าตึกทั้งสี่ที่รู้ทักษะควบคุมอสูร การที่จะเรียนทักษะควบคุมอสูรได้จะต้องเป็นคนของตึกใดตึกหนึ่งก่อน และสาบานจะจงรักภักดีต่อพวกเขา ถึงจะมีคุณสมบัติเรียนรู้ทักษะนั้นได้
ด้วยทักษะควบคุมอสูรบวกกับพลังของกำไลสะกดอสูร พวกเขาก็จะสามารถทำให้สัตว์วิญญาณเชื่องได้ในเวลาสั้นๆ และมันก็ยังขึ้นกับระดับของกำไลสะกดอสูรด้วยที่จะกำหนดระดับของสัตว์วิญญาณที่ท่านผู้นั้นจะสามารถทำให้เชื่องได้
อย่างเช่นสยงป้ากับหลินเชวียที่มีตำแหน่งเป็นถึงหัวหน้าตึก พวกเขาก็จะมีกำไลสะกดอสูรที่สามารถทำให้สัตว์วิญญาณระดับสูงเชื่องได้ กำไลประเภทนั้นทั้งเมืองมีแค่สิบวง นอกจากหัวหน้าตึกแล้วก็ไม่มีสมาชิกตึกคนไหนที่มีคุณสมบัติครอบครองกำไลแบบเดียวกับพวกเขา
และถ้ามีสมาชิกตึกคนไหนทำผลงานได้อย่างเยี่ยมยอด พวกเขาก็จะได้รางวัลเป็นกำไลสะกดอสูร แต่กำไลพวกนั้นมักจะเป็นกำไลที่ทำให้สัตว์วิญญาณระดับต่ำเชื่องได้เท่านั้น เมื่อมีกำไลสะกดอสูรรวมกับทักษะควบคุมอสูร พวกเขาจะสามารถย่นระยะเวลาในการทำให้สัตว์วิญญาณเชื่องได้มากเลยทีเดียว ดังนั้นกำไลสะกดอสูรจึงเป็นของที่ล่อใจและดึงดูดทุกคนในเมืองพันอสูรได้เป็นอย่างมาก
นอกจากเข้าร่วมเป็นสมาชิกของตึกต่างๆ แล้ว ที่เดียวที่คนจะสามารถได้รับกำไลสะกดอสูรก็คือลานประลองสัตว์วิญญาณในเมืองพันอสูรนั่นเอง!
ที่นั่นไม่ว่าใครก็สามารถเอาสัตว์วิญญาณที่เลี้ยงไว้มาประลองได้ และถ้าพวกเขาชนะติดต่อกันสิบครั้ง ก็จะมีคุณสมบัติท้าประลองกับสิบอันดับแรกของลานประลองสัตว์วิญญาณได้