ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 971 กระต่ายหูใหญ่ (3) ตอนที่ 972 ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะแสดงอำนาจ (1)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 971 กระต่ายหูใหญ่ (3) ตอนที่ 972 ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะแสดงอำนาจ (1)
ตอนที่ 971 กระต่ายหูใหญ่ (3) / ตอนที่ 972 ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะแสดงอำนาจ (1)
ตอนที่ 971 กระต่ายหูใหญ่ (3)
บาดแผลของกระต่ายหูใหญ่ค่อยๆ ถูกเย็บติดกันทีละนิดด้วยด้ายสีใสบางๆ ของจวินอู๋เสีย หลังจากเย็บแผลเสร็จ จวินอู๋เสียก็เก็บเข็มเงินของนางอย่างระมัดระวังและหยิบเอาขวดบรรจุโอสถวิเศษออกมาอีกสองสามขวด บางขวดนางพ่นลงบนบาดแผลที่เย็บแล้ว ขณะที่บางขวดนางก็ง้างปากเจ้ากระต่ายแล้วยัดมันเข้าไป การกระทำของนางเป็นไปอย่างต่อเนื่องเป็นระบบโดยไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย
ชิงอวี่มองดูจากด้านข้างด้วยความทึ่ง แม้ว่าเขาจะไม่รู้เรื่องการรักษาเลย แต่เขาก็บอกได้ว่าการรักษาของจวินอู๋เสียที่ทำให้เจ้ากระต่ายหูใหญ่เป็นไปอย่างสวยงาม เขามองจวินอู๋เสียอย่างเคารพนับถือเพิ่มขึ้น
เด็กหนุ่มที่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดเกินใคร มีพลังวิญญาณเหนือคนอื่นที่อยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกัน แถมยังมีความสามารถทางด้านการแพทย์ที่สูงมาก เด็กคนนี้เป็นมนุษย์จริงๆ น่ะหรือ หรือที่จริงแล้วเขาคือปีศาจจำแลงร่างมา
จวินอู๋เสียมองกระต่ายหูใหญ่ที่หลับสนิทอยู่ในอ้อมแขนของนาง แม้ว่ามันจะยังอ่อนแอมาก แต่นางรู้ว่านางช่วยชีวิตมันเอาไว้ได้แล้ว
ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะที่ยืนอยู่ด้านข้างเดินเข้ามาตรงข้างหัวของกระต่ายหูใหญ่แล้วยื่นจมูกมาดมก่อนจะถอยหลังกลับไปก้าวหนึ่ง
“แบ๊ะ!” ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะชี้ขาหน้าไปที่กระต่ายหูใหญ่ตัวนั้นแล้วส่งเสียงร้องแปลกๆ ใส่จวินอู๋เสีย
จวินอู๋เสียตบหัวกลมๆ ของใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะเบาๆ แต่นางไม่เข้าใจว่าใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะกำลังพยายามพูดอะไร
แต่เจ้าแมวดำตัวน้อยกลับทำหน้าประหลาดใจก่อนจะรับหน้าที่แปลให้ฟัง
“เหมียว…”
เจ้าแกะโง่นี่พูดว่าท่านควรจะทิ้งเจ้ากระต่ายนั่นไปเสีย เพราะเจ้ากระต่ายจะแย่งอาหารมันกิน
จวินอู๋เสียเลิกคิ้วมองใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะที่ดูไม่พอใจมาก นางไม่คิดว่าใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะจะ ‘พูด’ อะไรแบบนี้ออกมา
สัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติที่แข็งแกร่งอย่างมัน ยังต้องกังวลว่ากระต่ายหูใหญ่ขี้ขลาดจะขโมยอาหารมันด้วยหรือ แปลกดี
แต่จวินอู๋เสียไม่สามารถตกลงกับมันตอนนี้ได้ หลังจากแน่ใจว่าอาการบาดเจ็บของเจ้ากระต่ายคงที่แล้ว นางก็หันไปมองชิงอวี่
“ลงทะเบียนแล้วหรือยัง”
ชิงอวี่ตอบว่า “อะแฮ่ม ข้าลงทะเบียนให้เรียบร้อยแล้วขอรับ แต่ไม่ใช่รอบต่อไป เราต้องรออีกสองรอบขอรับ มันมีสัตว์วิญญาณตัวอื่นต่อคิวอยู่ เราต้องรอจนกว่าพวกนั้นจะแข่งเสร็จ” ชิงอวี่คิดว่าหลังจากที่จวินอู๋เสียเห็นสภาพที่น่าสงสารของเจ้ากระต่ายหูใหญ่ตัวนั้น เด็กหนุ่มคนนี้จะล้มเลิกความคิดที่จะส่งใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะขึ้นไปบนเวทีประลองให้ถูกฆ่าเสียอีก เขาไม่คิดว่าจวินอู๋เสียจะยังคงยืนกรานคำเดิม
“ได้” จวินอู๋เสียพยักหน้า แล้วละสายตากลับไปมองบนเวทีประลอง
เจ้าพยัคฆ์ร้ายที่ฉีกเนื้อเจ้ากระต่ายหูใหญ่จนบาดเจ็บสาหัสยังคงใช้ขนาดตัวที่ใหญ่โตและนิสัยอันดุร้ายเอาชนะคู่ต่อสู้บนเวทีมาได้อย่างรวดเร็วโดยไม่เปลืองแรงอะไรมากมาย
แต่โชคดีที่สัตว์วิญญาณตัวนั้นไม่ได้อ่อนแอไร้พิษสงเหมือนกระต่ายหูใหญ่ ถึงมันจะได้รับบาดเจ็บแต่ก็ไม่ได้สาหัสอะไรนัก
เจ้านายของพยัคฆ์ร้ายตัวนั้นเดินยืดอกไปรอบๆ ท่ามกลางฝูงชนอย่างภาคภูมิใจ สัตว์วิญญาณของเขาแข็งแกร่งกว่าคู่ต่อสู้หลายตัว เขาพอใจกับความสำเร็จจากผลงานอันน่าประทับใจของสัตว์วิญญาณของเขา เขามีสีหน้ายิ้มเยาะและท่าทีหยิ่งยโสจนเหลือทน
การประลองอีกสองรอบต่อมา เจ้าพยัคฆ์ร้ายก็ยังเอาชนะคู่ต่อสู้มาได้อย่างง่ายดาย
“ตาเราแล้ว” จวินอู๋เสียหยิบเสื้อคลุมของนางห่อเจ้ากระต่ายหูใหญ่ที่ยังหมดสติอยู่เอาไว้ แล้ววางมันลงบนอ้อมแขนของชิงอวี่พลางพูดว่า “ดูแลมันให้ดี”
น้ำเสียงเย็นชาของจวินอู๋เสียมีความอบอุ่นที่หาได้ยากยิ่งเจือปนอยู่ ชิงอวี่ไม่มีทางเลือก เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้ากระต่ายนั่นรอดจริงๆ หรือเปล่า และจวินอู๋เสียก็เดินอุ้มใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะตรงไปที่เวทีประลองแล้ว
หลังจากชนะติดต่อกัน เจ้าพยัคฆ์ร้ายที่ยืนจังก้าอยู่บนเวทีประลองก็ยังมีพละกำลังอยู่เต็มเปี่ยม การต่อสู้ที่ผ่านมาไม่ได้สร้างความเสียหายอะไรให้มันเลย มันยังแข็งแกร่งและสง่างามเหมือนก่อนที่จะขึ้นสู้รอบแรก เจ้านายมันยืนยิ้มกว้างอยู่ข้างเวที เขาหยิบเอาเนื้อดิบโชกเลือดออกมาชิ้นหนึ่งและโยนให้มัน
เป็นที่รู้กันว่าเพื่อดึงเอาสัญชาตญาณสัตว์ป่าของสัตว์วิญญาณออกมา คนบางคนจะใช้กลิ่นและรสชาติของโลหิตมากระตุ้นพวกมัน
ตอนที่ 972 ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะแสดงอำนาจ (1)
กลิ่นคาวโลหิตกระจายไปทั่วลานประลองสัตว์วิญญาณ กลิ่นนั้นไม่เพียงแต่กระตุ้นสัญชาตญาณสัตว์ป่าของพวกสัตว์วิญญาณเท่านั้น แต่มันยังทำให้ผู้ชมรอบๆ ตื่นเต้นขึ้นมาด้วย
ภายใต้บรรยากาศเอะอะอึกทึก จวินอู๋เสียอุ้มใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะเดินตรงไปที่เวทีประลองอย่างช้าๆ และเมื่อพวกเขาเห็นคู่ต่อสู้รอบต่อไปของเจ้าพยัคฆ์ร้าย ทั้งลานประลองก็เงียบกริบในทันที
ทุกคนมองเด็กหนุ่มที่อุ้มแกะขนปุยตัวเล็กๆ อย่างตกใจและประหลาดใจ พวกเขาตกใจไปแล้วครั้งหนึ่งที่เจ้ากระต่ายหูใหญ่มาปรากฏตัวที่นี่ พวกเขาไม่คิดว่าไม่กี่รอบถัดมาจะได้เห็นเด็กหนุ่มอีกคนนำเอาสัตว์วิญญาณที่ไร้พิษภัยอีกตัวขึ้นมาบนเวทีประลอง
หลังจากเงียบกันไปชั่วครู่ เสียงหัวเราะดังลั่นก็ระเบิดขึ้นทันทีจนหลังคาลานประลองสัตว์วิญญาณเกือบถล่ม
“ไอ้เจ้าตัวจิ๋วไร้พิษภัยอีกตัวแล้วหรือ ลานประลองสัตว์วิญญาณจับคู่ประลองให้ดีกว่านี้หน่อยไม่ได้หรืออย่างไรกัน”
“เด็กนั่นจะส่งอาหารให้สัตว์วิญญาณของคู่ต่อสู้กินเปล่าๆ หรืออย่างไรกันนี่ ข้าว่าเจ้านายของเจ้าพยัคฆ์ตัวนั้นไม่ต้องให้อาหารสัตว์วิญญาณของเขาแล้วล่ะ ให้มันเขมือบเจ้าแกะนั่นเป็นอาหารได้เลย”
“เด็กสมัยนี้ทำตามใจกันมากขึ้นทุกที เล่นเอาสัตว์วิญญาณชนิดไหนก็ได้ที่ตัวเองมีมาขึ้นเวทีจริงๆ แบบนี้”
ผู้คนไม่พอใจที่เห็นใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะปรากฏตัวขึ้นในการแข่งขันรอบต่อไป พวกเขาเพิ่งเห็นกระต่ายหูใหญ่ถูกขย้ำในไม่กี่วินาที และรู้สึกว่ามันเป็นการประลองที่น่าเบื่อมาก พวกเขาไม่คิดว่าจะได้เห็นการประลองที่น่าเบื่อแบบนั้นสองครั้งในวันเดียว
แม้ว่าใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะจะตัวใหญ่กว่ากระต่ายหูใหญ่เล็กน้อย แต่มันก็ยังตัวแค่หัวของเจ้าพยัคฆ์ร้ายอยู่ดี ขนาดตัวต่างกันมากมาย
ไม่นานก็มีคนจำได้ว่าจวินอู๋เสียคือคนเดียวกับเด็กหนุ่มที่อุ้ม ‘ซาก’ ของกระต่ายหูใหญ่ออกไป พวกเขาคิดว่าเด็กหนุ่มคนนั้นมีจิตใจที่อ่อนโยนจริงๆ ดังนั้นจึงไม่คิดว่าจะได้เห็นเขาส่งสัตว์วิญญาณตัวเล็กๆ ที่อ่อนแอของตัวเองขึ้นไปตายบนเวทีประลอง
เจ้านายของพยัคฆ์ร้ายตัวนั้นสังเกตเห็นจวินอู๋เสียด้วยเหมือนกัน และเมื่อเขามองดูใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะที่ถูกอุ้มอยู่ในอ้อมแขนของจวินอู๋เสียดีๆ แล้ว เขาก็หัวเราะออกมาเสียงดังลั่น
“นี่น้องชาย เจ้าล้อข้าเล่นหรืออย่างไรกัน เจ้าอยากให้สัตว์วิญญาณตัวเล็กจิ๋วแค่นั้นมาสู้กับพยัคฆ์ของข้าบนเวทีประลองจริงๆ หรือ” ชายคนนั้นมองเจ้าแกะโง่ตัวกลมอย่างดูถูกสุดๆ สัตว์วิญญาณของเขากำลังคึกหลังจากชนะมาติดต่อกัน เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการสะสมชัยชนะให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่การเอาชนะสัตว์วิญญาณที่ไร้ประโยชน์แบบนั้นไม่ได้ทำให้เจ้าพยัคฆ์ร้ายของเขาแสดงความโหดออกมาได้อย่างเต็มที่ มันเป็นการเสียเวลาไปเปล่าๆ
“น้องชาย ข้าว่าเจ้าเอาสัตว์วิญญาณของเจ้ากลับบ้านไปเถอะ พยัคฆ์ของข้าเพิ่งชนะการประลองมาหลายรอบ ตอนนี้มันน่าจะหิวมาก เนื้อที่ข้าเอามาก็ไม่พอทำให้มันอิ่มหรอก ถ้าไอ้ตัวเล็กของเจ้าเจอกับพยัคฆ์ของข้าตอนนี้ มันจะถูกกินเอานะ คำเดียวหมดไม่เหลือแม้แต่กระดูกเลยด้วย”
คำพูดของชายคนนั้นเรียกเสียงหัวเราะจากฝูงชนทั่วลานประลอง ทุกคนคิดว่าการปรากฏของจวินอู๋เสียเป็นเรื่องตลก ก็ใครมันจะบ้าส่งสัตว์วิญญาณของตัวเองไปตายทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่าไม่มีโอกาสชนะเลยสักนิด
จวินอู๋เสียมองชายที่พูดไม่หยุดตรงหน้าอย่างเย็นชา แล้ววางใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะลงบนเวทีประลอง
ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะหันไปมองจวินอู๋เสียด้วยสีหน้าสับสน
“แบ๊ะ”
เอาใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะมาทำอะไรที่นี่ ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะไม่อยากอยู่ที่นี่ ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะอยากให้กอด!
มันไม่ชอบใจ มันเพิ่งจะ ‘ยึด’ ที่ของมันในอ้อมแขนของจวินอู๋เสียคืนจากเจ้ากระต่ายหูใหญ่ได้ แล้วตอนนี้ต้องออกห่างจากกอดอีกแล้ว ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะกระทืบเท้าน้อยๆ ของมันอย่างไม่พอใจ
เมื่อเห็นการต่อต้านของใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะ เจ้านายของเจ้าพยัคฆ์ก็หัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “น้องชาย สัตว์วิญญาณของเจ้าดูจะกลัวจนขี้ขึ้นสมองไปแล้วนะ เจ้าจะไม่เอามันกลับไปจริงๆ หรือ ถึงเจ้าอ้วนกลมขนปุยนี้จะไม่มีพลังโจมตีอะไรเลย แต่มันก็เป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารักดีออก”