ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 977 ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะแสดงอำนาจ (6) ตอนที่ 978 ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะแสดงอำนาจ (7)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 977 ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะแสดงอำนาจ (6) ตอนที่ 978 ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะแสดงอำนาจ (7)
ตอนที่ 977 ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะแสดงอำนาจ (6) / ตอนที่ 978 ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะแสดงอำนาจ (7)
ตอนที่ 977 ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะแสดงอำนาจ (6)
แต่…
หลังจากนั้นไม่นาน คนที่มั่นใจในตัวเองพวกนั้นก็ได้รู้ถึงความหมายของคำว่า…‘โดนตบหน้า’ ไปแบบเต็มๆ!
ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะยืนอยู่บนเวทีประลองและชนะการแข่งขันรวดเดียวสิบครั้ง!
สุดท้ายแล้ว…
ไม่ว่าสัตว์วิญญาณอีกฝ่ายจะมีรูปร่างเช่นไร ไม่ว่าจะแข็งแกร่งหรือสง่างามแค่ไหน เมื่อพวกมันก้าวขึ้นเวทีประลอง พอเสียงระฆังดังขึ้นแล้วใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะที่ดูโง่ไร้เดียงสานั่นส่งเสียงร้องออกมาเบาๆ แค่ครั้งเดียว สัตว์วิญญาณทุกตัวก็หันหลังกลับวิ่งหนีหางจุกตูดไปทันที…
บางตัวถึงขั้นน้ำลายฟูมปากสลบคาเวที ลูกตาเหลือแต่ตาขาว…เหมือนกับเจ้าพยัคฆ์ร้ายในตอนแรก!
สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ทุกคนที่พยายามหาข้ออ้างให้กับเหตุการณ์แปลกๆ เพื่ออธิบายข้อสันนิษฐานในตอนแรกของพวกเขาหุบปากลงฉับในทันที
หากเรื่องนั้นเกิดขึ้นกับสัตว์วิญญาณแค่ตัวเดียว พวกเขาก็คิดได้ว่ามันเป็นอุบัติเหตุ สองตัวก็ยังเป็นเหมือนเรื่องบังเอิญได้ แต่เมื่อเป็นตัวที่สาม…ตัวที่สี่…ตัวที่ห้า…
ผู้ชมก็เข้าใจแล้วว่านี่ไม่ใช่อุบัติเหตุ และไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญด้วย แต่…มันเป็นเพราะเจ้าแกะที่ดูใสซื่อไร้เดียงสานั่น!
พวกเขาเห็นกับตาว่าสัตว์วิญญาณตัวใหญ่หลายตัวหวาดกลัวจนฉี่ราด…ภาพที่น่าสมเพชพวกนั้น…ทำให้หัวใจของทุกคนแทบหยุดเต้น!
ชนะรวดสิบรอบอย่างรวดเร็ว ไม่มีการเสียโลหิตเลยสักหยด ไม่มีการฉีกกระชาก ไม่มีการต่อสู้ดิ้นรน ตั้งแต่ต้นจนจบ มันเป็นไปอย่างรวดเร็วแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
เมื่อใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะส่งเสียง สัตว์วิญญาณทุกตัวก็ล้มลงอ้อนวอนขอความเมตตา!
คนที่มาประลองที่ลานประลองสัตว์วิญญาณโดยปกติแล้วเป็นคนที่ไม่มีกำไลสะกดอสูรอยู่ในครอบครอง พวกเขามาที่นี่พยายามเอาชนะก็เพื่อจะได้กำไลสะกดอสูรจากลานประลองสัตว์วิญญาณเป็นรางวัล สัตว์วิญญาณของพวกเขาทุกตัวจึงเป็นสัตว์วิญญาณระดับต่ำ ไม่มีแม้แต่ระดับกลางเลยสักตัว!
และคนที่มีกำไลสะกดอสูรจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการประลองที่ลานประลองสัตว์วิญญาณ
เมื่ออยู่ท่ามกลางสัตว์วิญญาณระดับต่ำ ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะที่เป็นสัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติซึ่งปิดบังร่างที่แท้จริงเอาไว้จึงเป็นเหมือนนกกระเรียนที่ยืนอยู่กลางฝูงลูกเจี๊ยบ!
ตลอดการประลองทั้งสิบรอบ ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะไม่ได้ยกเท้าขึ้นจากพื้นเลยแม้แต่ก้าวเดียว ทั้งหมดที่มันทำก็แค่อ้าปากสิบครั้ง ส่งเสียงร้องออกมาสิบครั้ง แล้วก็เอาชนะคู่ต่อสู้ทั้งหมดไปได้ในเวลาไม่กี่วินาที ชนะการประลองทุกรอบไปได้อย่างง่ายดาย…
ผู้ชมที่เคยเห็นแต่การสังหารอันโหดร้ายและน่าตื่นเต้นระหว่างสัตว์วิญญาณก็พลันรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก
พวกเขาไม่สามารถสรรหาคำใดมาบรรยายความรู้สึกของพวกเขาตอนนี้ได้เลย
สิ่งเดียวที่พวกเขาอยากจะพูดก็คือ…
เจ้าแกะโง่นั่นมันเป็นตัวอะไรกันแน่!
มีสัตว์วิญญาณระดับต่ำที่แค่ส่งเสียงร้องก็ทำให้สัตว์วิญญาณอื่นๆ กลัวจนฉี่ราดด้วยหรือ
เป็นไปได้อย่างไร!
ผู้ตัดสินการประลองเองก็ตกใจจนพูดอะไรไม่ออก หลังจากการประลองรอบสุดท้ายจบลง จวินอู๋เสียก็อุ้มใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะที่ ‘ทุ่มเท’ ต่อสู้อย่างหนักลงจากเวที ส่วนผู้ตัดสินการประลองก็ยังคงไม่ได้สติ
จวินอู๋เสียอุ้มใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะเดินไปยืนข้างๆ ชิงอวี่ท่ามกลางสายตาของทุกคน ชิงอวี่ดูท่าทางไม่สบายใจอย่างมาก
เมื่อครู่เขาเพิ่งจะคิดว่าเขาต้องไปช่วยชีวิตเจ้าแกะน้อยระหว่างการประลองหรือเปล่า และผลที่ออกมา…เจ้าแกะน้อยไม่ให้โอกาสเขาได้ช่วยเลยสักครั้ง มันจบ ‘การต่อสู้’ ในชั่วพริบตาทำให้เขาเป็นห่วงเก้อ
“ข้าชนะสิบรอบแล้ว ท้าชิงกับสิบอันดับแรกได้เลยหรือไม่” จวินอู๋เสียถามชิงอวี่ขณะให้รางวัลใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะด้วยการลูบขนนุ่มๆ ของมัน เทียบกับการต่อสู้แบบเลือดสาดก่อนหน้านี้ นางคิดว่าวิธีเอาชนะคู่ต่อสู้ของใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะนั้นน่าชื่นชมกว่ามาก
อย่างน้อยมันก็ไม่มีกลิ่นคาวโลหิตน่ารังเกียจนั่น
ตอนที่ 978 ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะแสดงอำนาจ (7)
“อะไรนะ” ชิงอวี่ที่เพิ่งได้สติกลับมา เมื่อเจอคำถามของจวินอู๋เสียเข้าไปเขาก็ต้องตกตะลึงอีกครั้ง
เขาคิดว่าจวินอู๋เสียแค่อยากเล่นประลองสัตว์วิญญาณเฉยๆ แต่แล้ว…อีกฝ่ายกลับตั้งใจทำตามกฎของลานประลองสัตว์วิญญาณอย่างเต็มที่และจะไปท้าชิงสิบอันดับแรกด้วย!
“คุณชายจวินอยากท้าชิงกับสิบอันดับแรกหรือขอรับ” ชิงอวี่ไม่แน่ใจว่าเขาฟังผิดหรือเปล่าจึงถามขึ้นอีกครั้ง
จวินอู๋เสียตอบว่า “พูดให้ถูก ข้าอยากท้าชิงกับอันดับที่หนึ่ง”
ต้องได้อันดับหนึ่งของลานประลองสัตว์วิญญาณและไม่พ่ายแพ้เลยเป็นเวลาสิบวันติดต่อกันเท่านั้นถึงจะได้รางวัลเป็นกำไลสะกดอสูร เหตุผลเดียวที่จวินอู๋เสียเข้าร่วมการประลองที่ลานประลองสัตว์วิญญาณก็เพราะนางอยากได้กำไลสะกดอสูรมาตั้งแต่แรกแล้ว
“…” ชิงอวี่อ้าปากค้างจนสามารถยัดไข่เข้าไปได้ทั้งลูก!
“นั่น…นั่น…” ชิงอวี่ดูสับสนมาก
“ข้าไปท้าชิงได้ที่ไหน” จวินอู๋เสียถามแบบไม่อ้อมค้อม
ชิงอวี่พบว่าตัวเองเจอเข้ากับความดื้อรั้นของจวินอู๋เสียเป็นครั้งแรก และรู้ว่าไม่สามารถเกลี้ยกล่อมคุณชายจวินได้ด้วย เขาไม่มีทางเลือกนอกจากนำจวินอู๋เสียไปที่ห้องโถงด้านหลังลานประลอง เมื่อเจ้าหน้าที่ลานประลองได้ยินว่าจวินอู๋เสียตั้งใจจะท้าชิงกับอันดับหนึ่งคนปัจจุบัน เขาก็จ้องจนตาแทบถลนออกมานอกเบ้า สายตาตกตะลึงของเขามองไปที่ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะและจ้องอยู่นานก่อนจะย้ำถามชิงอวี่อีกหลายครั้งให้แน่ใจว่าหูเขาได้ยินไม่ผิด ก่อนจะยอมเชื่อว่าจวินอู๋เสียไม่ได้ล้อเล่น
“ถ้า…คุณชายคุณชายจวินคิดจะท้าชิงจริงๆ ทางลานประลองสัตว์วิญญาณจะแจ้งกับเจ้านายของสัตว์วิญญาณที่เป็นอันดับหนึ่งในคืนนี้ก่อน คุณชายจวินสามารถพาสัตว์วิญญาณของท่านมาที่นี่ตอนบ่ายวันพรุ่งนี้เพื่อทำการประลองได้ขอรับ” เจ้าหน้าที่แจ้งกับพวกเขา เขาได้ยินเรื่องแปลกๆ ที่เกิดขึ้นหน้าเวทีแล้วและรู้สึกว่ามันน่าเหลือเชื่อที่แกะไร้เดียงสาในอ้อมแขนของจวินอู๋เสียจะทำให้สัตว์วิญญาณมากมายหวาดกลัวจนยอมแพ้ได้ด้วยเสียงร้องของมัน
“ได้” จวินอู๋เสียตกลงและไม่ถามอะไรอีก นางหันหลังจากไปทันทีพร้อมกับใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะและเจ้าแมวดำตัวน้อย
ชิงอวี่ที่อุ้มกระต่ายหูใหญ่อยู่ตลอดเวลาก็รีบตามหลังไปด้วยสีหน้ากังวลใจอย่างมาก
“คุณชายจวินขอรับ ท่านแน่ใจหรือว่าอยากทำแบบนี้ จากที่ข้ารู้มา ถึงคนที่เป็นอันดับหนึ่งตอนนี้จะเป็นแค่ผู้เยาว์แต่บิดาของเขาก็เป็นรองหัวหน้าตึกน้ำค้างเหมันต์ เขาอาจจะยังไม่มีกำไลสะกดอสูร แต่เขาก็ได้เรียนทักษะควบคุมสัตว์วิญญาณแล้วนะขอรับ สัตว์วิญญาณที่เขามีจัดได้ว่าเป็นขั้นสูงสุดในหมู่สัตว์วิญญาณระดับต่ำ มันอาจจะต้านทานสัตว์วิญญาณระดับกลางบางตัวได้ด้วยซ้ำนะขอรับ” ชิงอวี่พูดอย่างกังวล คนที่สามารถรั้งตำแหน่งอันดับหนึ่งของลานประลองสัตว์วิญญาณได้หลายวันนั้นมีน้อยมาก ใครที่สามารถรั้งตำแหน่งได้นานเกินห้าวันถือว่าเก่งและน่ากลัวมาก
คนที่เป็นอันดับหนึ่งตอนนี้อยู่ในตำแหน่งนี้มาได้แปดวันแล้ว และถ้าเขาเอาชนะจวินอู๋เสียได้ในวันพรุ่งนี้ เขาจะได้รางวัลเป็นกำไลสะกดอสูรทันที
ชิงอวี่ไม่ได้อยู่ในเมืองพันอสูรมาช่วงหนึ่ง เขาจึงไม่แน่ใจว่าสถานการณ์ที่ลานประลองสัตว์วิญญาณตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง แต่เนื่องจากจวินอู๋เสียแสดงความสนใจในลานประลองสัตว์วิญญาณมากขนาดนี้ เขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากไปตรวจสอบเรื่องนี้มาเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย
“เข้าใจแล้ว” จวินอู๋เสียตอบอย่างรวดเร็ว ถ้าไม่ใช่สัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติแล้วละก็ จะเป็นสัตว์วิญญาณชนิดใดมาอยู่ต่อหน้าใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะก็เละเป็นโจ๊กอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ไม่จำเป็นต้องรวบรวมข้อมูลข่าวสารอะไรทั้งนั้น
จวินอู๋เสียไม่ได้อยากรู้ว่าคนที่เป็นอันดับหนึ่งครอบครองสัตว์วิญญาณชนิดใดอยู่ นางอุ้มใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะไว้ในอ้อมแขนแล้วทำตามสัญญาที่ให้ไว้ก่อนหน้านี้ นางให้เจ้าดอกบัวขาวน้อยแอบเอาใบบัวมาใส่ไว้ในแขนเสื้อนาง ชิงอวี่ไม่ได้รู้เลยว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น นางฉีกใบบัวเป็นชิ้นเล็กแล้วป้อนมันใส่ปากใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะทีละน้อย ทำให้ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะมีความสุขมากจนส่งเสียงร้องออกมาอย่างดีใจ!