ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 16 เอาสิ่งของออกมาไม่ง่ายเลย
ทำอย่างไรที่จะป้องกันยุงใหญ่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงได้นะ เจ้ายุงอัปลักษณ์ แค่กัดก็ทำให้คนเลือดไหลแล้ว
เหล่าหนิวเอ่ยขึ้น “นายท่าน ต้องโทษข้าน้อยที่ไม่คิดให้รอบคอบ แต่เมื่อถึงบ้านเกิดของท่านแล้วก็จะดีขึ้น คนชนบทส่วนใหญ่จะเก็บไอ้เฉ่า นำมาตากแล้วสุมไฟ”
ซื่อจ้วงก็ใช้มือทำท่าทางขีดเขียน
เหล่าหนิวอธิบาย “เขาอยากจะบอกว่า นำไอ้เฉ่ามาต้มน้ำแล้วมาถูตามตัวก็ใช้ได้ผลเหมือนกัน”
“อื้อ อา” ซื่อจ้วงรีบพยักหน้า
เฉียนเพ่ยอิงงุนงง “เจ้าเด็กนี่เรียกยุงมามากกว่าคนอื่น เจ้าดู ข้าไม่เห็นจะโดนกัด” และก็ชี้ไปที่เฉียนหมี่โซ่ว “เรื่องแปลกแต่จริง เด็กคนนั้นก็ไม่เห็นถูกกัดนิ?”
เฉียนหมี่โซ่วนั่งขัดสมาธิเอ่ยขึ้น “พี่สาวนั่งอยู่ตรงประตูรถนั้น ข้าก็ตามท่านไปข้างหน้าตลอด ใช้เตารมควัน แค่กๆ” ความหมายคือ ควันไฟสามารถแก้ปัญหาเรื่องยุงได้
ซ่งฝูเซิงมองบุตรสาวตลอด เห็นลูกบิดตัวไปมาอย่างทุรนทุราย เปลือกตาบวมขนาดนั้นยังอยากเกาแต่ก็ไม่กล้าเกา ในใจได้แต่คิดขึ้นมาหนึ่งประโยค
โอ้ย ลูกสาวน่าสงสาร ลูกช่างน่าสงสารเหลือเกิน
คนพวกนี้ ตอนนี้พูดเรื่องพวกนี้มาจะมีประโยชน์อะไร? ต้องเดินทางอย่างน้อยสามชั่วโมงกว่าจะถึงที่หมาย อีกอย่างถ้าถูกกัดแล้วคงไม่ต้องฝืนทนเช่นนี้หรอกนะ
จัดการ จำเป็นต้องจัดการ ต้องหาวิธีการแก้ปัญหานี้
ก่อนที่ซ่งฝูเซิงจะพูดได้ส่งสายตาไปให้เฉียนเพ่ยอิง “ข้าจำได้ว่า ก่อนที่ข้าจะไปสอบ มีเพื่อนนักเรียนดูเหมือนจะส่งครีมทากันยุงมาให้ บอกว่าให้ลองใช้ตอนสอบดู”
“เออ?” เฉียนเพ่ยอิงงุนงง
ถึงแม้จะเข้าใจว่า สามีส่งสายตาเป็นสัญญาณให้เพื่อที่จะเข้าไปพื้นที่พิเศษ แต่ที่บ้านมันไม่มียากันยุงนะสิ ใช้หมดไปตั้งแต่ปีที่แล้ว
อีกอย่าง ตอนที่จะทะลุมิติเวลามาตอนนั้นเป็นช่วงหน้าหนาว นางก็ไม่รู้ว่าตอนปัจจุบันเป็นฤดูหนาว พอย้อนเวลามากลับกลายเป็นฤดูใบไม้ร่วง ไม่เพียงแค่เปลี่ยนช่วงเวลา ยังเปลี่ยนฤดูกาลด้วย
ซ่งฝูเซิงเริ่มขมวดคิ้ว เริ่มทนรอไม่ไหว “เจ้าไม่ได้เอามา? เจ้าลืมแล้ว?” ความหมายแฝง เจ้ารีบคิดดูดีๆ ว่าวางไว้ที่ไหน
เฉียนเพ่ยอิงจ้องตากับซ่งฝูเซิง คำว่า “ไม่” ยังไม่ได้พูดออกมา ทันใดนั้นแววตาก็เปล่งประกาย
รอสักพัก เมื่อสักครู่สามีเพิ่งพูดว่า ไปสอบ ใช้ตอนสอบ
บุตรสาวสอบสนามเล็กหรือใหญ่ เข้าสู่สนามสอบก็พกไป ใช่ ในบ้านมีน้ำมันเย็น
“อ๊าห์ ข้าลืมไป เมื่อก่อนข้าดูแลรักษามันอย่างกับเป็นสิ่งของล้ำค่า เมื่อก่อนยังวางไว้บนหัวนอนบนเตียงของบุตรสาว…” เฉียนเพ่ยอิงอยากจะบอกว่าอยู่บนชั้นตรงหัวนอน แต่ยุคโบราณดูเหมือนไม่มี “อยู่ตรงหัวเตียง วางไว้บนโต๊ะเตี้ย รู้แล้วหรือยัง ตรงมุมด้านหน้าต่างไง”
ซ่งฝูเซิงเข้าใจทันที กำลังค้นหาสองชั้นบนหัวเตียง แล้วก็พูดสมทบ “เอามาแล้ว?”
“เอามาแล้ว” เฉียนเพ่ยอิงรีบนำกระเป๋าอาดิดาสที่วางไว้ด้านในมายื่นให้ “อยู่ในนี้แหละ”
อยู่ไหนกัน ยังไม่ได้เอาออกมาเลยนะ
“ทำไมข้ารู้สึกเหมือนเวียนหัว? ร้อน ข้าร้อน”
เฉียนเพ่ยอิงรีบเอ่ยขึ้น “ถ้างั้นเจ้ารีบนอนสักงีบก่อนเถอะ ข้าจะนั่งอยู่ข้างเจ้า คอยบังแดดให้ท่าน พอดีข้าจะได้พัดให้ลูกสาวหยุดคัน”
ตอนนี้ซ่งฝูหลิงไม่รู้สึกคันแล้ว คิดว่าหากจะต้องทรมานอีก นางก็คงทนได้
ไม่ต้องอย่างอื่น แค่พ่อแม่แสดงละครเพื่อที่จะเข้าไปพื้นที่พิเศษเพื่อเอาน้ำมันเย็นมาให้นาง และคำพูดที่วางแผนกัน นางก็…
อยากจะหัวเราะมาก “ฮ่าๆ”
เสียงหัวเราะของซ่งฝูหลิงทำให้เฉียนหมี่โซ่วตกใจ
นางหัวเราะจนเหล่าหนิวกับซื่อจ้วงต้องรีบหันกลับไปมอง
หัวเราะจนหน้าของเฉียนเพ่ยอิงเริ่มแดงระเรื่อ แต่เดิมนางเป็นคนไม่ชอบโกหก นี่ไม่มีวิธีอื่นแล้ว นางหันไปพูดกับบุตรสาว “ท่านพ่อของเจ้าร้อนจนจะสลบแล้ว เจ้ายังจะหัวเราะอีก เจ้ารบกวนการนอนหลับของเขานะ”
“ฮ่าๆ” ซ่งฝูหลิงไม่ได้อยากหัวเราะ แต่นางกลั้นไว้ไม่อยู่
เพราะนางคิดถึงผลงานหนึ่งของจ้าวเปิ่นซาน ในบทมีอยู่หลายประโยค คนร่ำรวยต้องมีความขยัน คนร่ำรวยมีโอกาสที่ดีในการลงทุน คนรวยอาศัยการหลอกลวง คนรวยชอบความเสี่ยง ฉันจะรวยก็ไม่ต้องเสียเวลาทำอะไรทั้งนั้น แค่อาศัยสองคำ นอนฝัน!
พ่อของนางก็เหมือนกัน อยากจะเอาอะไรออกมาตอนนี้ก็ต้องนอนฝันก่อน