ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 180
คนที่มาเดินจากไปแล้ว เมื่อเขาเดินออกไปไกลแล้ว ท่านลุงซ่งถึงรู้สึกตัว
ท่านนี้ผู้นี้แซ่เริ่น เป็นคนละพวกกับพวกคนเลวแซ่เริ่นเหล่านั้น นี่เป็นพวกคนที่ฝูเซิงบอกว่าต้องสร้างความสัมพันธ์อันดีกับพวกเขาไว้
บอกว่าต้องสร้างความสัมพันธ์อันดีกับพวกเขาจะมีประโยชน์มาก เพราะเป็นหัวหน้าตระกูลและยังเป็นคนในพื้นที่ รู้เรื่องราวในชุมชนลึกซึ้งมากกว่าพวกเขา
ท่านลุงถือไปป์จีน เดินแกมวิ่งไปข้างหน้า เขาตะโกนเรียกท่ามกลางความมืด “นั่นใคร? ท่านมาจนถึงบ้านแล้ว มาดื่มน้ำซุปร้อนๆ กันก่อนสิแล้วค่อยกลับ”
ลูกชายของเหล่าซิ่วไฉไม่หันหลังกลับมามอง แต่เขายกมือขึ้นโบกไปมา
“จะทำอย่างไรดี เขาได้ยินเรื่องหนึ่งร้อยสามสิบเก้าตำลึงไหม?” มีพวกผู้หญิงกระซิบถาม
“ใช่แล้ว เขาจะเอาไปพูดให้คนอื่นฟังไหม?” พวกชายฉกรรจ์ก็กระซิบถาม
ท่านลุงซ่ง “เขาจะได้ยินหรือไม่นั้น มันก็ไม่ใช่หนึ่งร้อยเจ็ดสิบสามตำลึงนะ พวกเรายังขายของระหว่างทางได้อีก เมื่อหักเงินค่าซื้อยารักษาโรค กินข้าว จ่ายค่าที่พัก ฯลฯ และรวมกันกับหนึ่งร้อยสามสิบเก้าตำลึง ก็เป็นเงินจำนวนหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสามตำลึง”
“ฝูเซิง หนึ่งร้อยเจ็ดสิบสามตำลึงใช่ไหม?”
ซ่งฝูเซิง: “…”
“นี่มันเรื่องสำคัญไหม?…
…ท่านลุง ท่านควรจะไปนอนได้แล้ว นอนดึกมากจะทำให้สมองท่านมึนงง สมองไม่ปลอดโปร่ง”
ซ่งฝูเซิงสบสายตากับลูกสาว สองคนพ่อลูกคิดคล้ายกัน หัวหน้าหมู่บ้านเหล่าซิ่วไฉ ไม่ได้นิ่งดูดาย ราบรื่นกว่าที่พวกเขาคาดการณ์ไว้ อาศัยช่วงกลางคืนยื่นมือให้ความช่วยเหลือก่อน
ซ่งฝูเซิงอ่านข้อความในกระดาษให้เกาถูฮู่ที่ไม่รู้หนังสือฟังแล้วให้เขาจดจำ จากนั้นพรุ่งนี้ให้เขาเดินทางไปถงเหยาเพื่อไปหาช่างเจาะบ่อน้ำ การเจาะบ่อน้ำไม่ได้ใช้เวลาเพียงแค่วันสองวัน และจะต้องทำให้เสร็จก่อนที่ผิวแม่น้ำจะกลายเป็นน้ำแข็ง
“แล้วเจ้าล่ะ?”
“พวกข้าจะไปเมืองเฟิ่งเทียน ประการแรกคือไปขายเห็ด ประการที่สองคือจะไปหาสถานที่ให้เสบียงอาหาร และจะลองสอบถามดูว่าต่อไปพวกเราสามารถมารับเสบียงอาหารบรรเทาทุกข์เองได้หรือไม่ รับเองได้หรือไม่ได้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง อย่างน้อยพวกเราจะได้รู้ว่าได้รับเสบียงอาหารเท่าไรและแต่ละคนจะได้รับเสบียงอาหารเท่าไหร่”
ขณะที่ซ่งฝูเซิงกับเกาถูฮู่พูดคุยเรื่องนี้กันแล้ว ท่านลุงซ่งก็นำเรื่องนี้ขึ้นมาพูด
ทันใดนั้นทุกคนก็พูดจากันเสียงดังเจี๊ยวจ๊าว ไม่มีกะจิตกะใจทำงาน ถึงแม้จะแจกเสบียงอาหารช่วยเหลือจริง แต่ก็ไม่พอกิน แต่มันก็สามารถช่วยพวกเขาประหยัดเงินได้ไม่น้อย
“พวกเราเพิ่งมาถึง ต้องรอพวกเขากลับมาถึงบ้านแล้วถึงจะมาแจกให้พวกเราหรือเปล่า?”
“เจ้าสมองทึบ มัวคิดอะไรอยู่ ตาแก่นั่นจะใจดีช่วยพวกเรารับเสบียงอาหารบรรเทาทุกข์แทนหรือ? เจ้าแค่ดูเขาจัดสรรบ้านให้พวกเราก็น่าจะรู้แล้ว”
“ใช่แล้ว พวกเรามีเด็กเยอะขนาดนี้ หลี่เจิ้งที่มีจิตใจดีอย่างน้อยก็ควรจัดสรรเตาที่พวกเราสามารถติดไฟทำอาหารได้ ให้พวกเด็กๆ ได้ดื่มน้ำอุ่นร้อนๆ มีที่นอนอันอบอุ่น หลังจากนั้นค่อยหาที่พักให้กับผู้ใหญ่อย่างพวกเรา มานอนบ้านกระท่อมที่ลมสามารถพัดผ่านทั่วทุกทิศข้าก็ยังไม่โอดครวญ ข้าก็ยังคิดว่าเขาเป็นคนดี”
“เขาจะต้องเอากลับไปที่บ้านของเขาเองแน่ๆ”
“เขาต้องเอากลับไปที่บ้านของตนเองแน่ ถ้าจริงใจจริงๆ ก็ต้องมาบอกให้พวกเรารับรู้ พวกเราจะได้ไปรับเสบียงอาหารเอง หรือบอกให้พวกเรารอก่อน แล้วเขาไปช่วยรับของแทนพวกเรา…
…เจ้าดูเขาสิ ไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบพาทั้งคนและรถออกไป คิดว่าพวกเราโง่หรือว่าเขาโง่กันแน่”
“ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เขาก็เป็นคนสารเลว”
“เป็นคนสารเลว เขาเป็นคนคดโกง แม้กระทั่งเสบียงอาหารบรรเทาทุกข์ยังโกงกันได้ เขาจะต้องถูกสวรรค์ลงโทษ”
“คนที่จิตใจต่ำช้าเช่นนี้ สวรรค์มีตา ไม่นานก็คงถูกสายฟ้าผ่าตาย”
ท่านย่าหม่า “ไอ้หลานเหลือเดน!”
เมื่อเด็กคนอื่นกินข้าวอิ่มแล้ว เด็กบางคนก็ออกไปวิ่งเล่นพลางหัวเราะอย่างสนุกสนาน เด็กบางคนกินเสร็จก็ง่วงนอน เด็กในช่วงวัยนี้มีทุกรูปแบบ มีเพียงหมี่โซ่วเท่านั้นที่นั่งอยู่ข้างๆ ท่านย่าหม่าและฟังเรื่องราวอย่างออกรสออกชาติ
ซ่งฝูหลิงรีบบอก “ห้ามเลียนแบบด่าคนอื่นนะ”
หมี่โซ่วส่งยิ้มให้กับพี่สาวจนเห็นฟันน้อยๆ
เถียนสี่ฟา ปกติเขาเป็นคนไม่ค่อยชอบแสดงความคิดเห็น แต่ครั้งนี้เขาก็พูดเสียงดังขึ้นมาทันที “ไปทำงานกันเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องตื่นแต่เช้าเพื่อมาทำงานอีก พวกเราพูดคุยเรื่องนี้กันก็ไม่มีประโยชน์อะไร นอกจากทำให้ท่านลุงซ่งกับน้องสามต้องคิดมากแล้วก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย และยังทำให้พวกเรากระวนกระวายใจ”
บรรยากาศเงียบสนิทในทันที ทุกคนต่างมองไปที่เขา
เถียนสี่ฟาหน้าแดง ตอนนี้เขาไม่มีความมั่นใจเหมือนเมื่อครู่ที่พูดออกไป แต่เขาก็นำคำพูดที่อยู่ภายในใจของเขาพูดออกมา
“ตาแก่นั่นถ้าไม่ยอมแจกเสบียงอาหารบรรเทาทุกข์ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และไม่ส่งข่าวแจ้งพวกเรา ถ้าน้องสามให้ไปจัดการกับคนพวกนี้ ข้าจะเป็นคนนำขบวนไปเป็นคนแรก แม้ตีหัวพวกเขาจนต้องเข้าคุก ข้าก็จะไป…
…น้องสามให้พวกเราทำงานกันก่อน ให้พวกเราคิดถึงเรื่องอาหารการกินและที่อยู่อาศัยก่อน ข้าก็จะฟังคำสั่งของน้องสาม สั่งให้ข้าทำอะไร ข้าก็ทำสิ่งนั้น…
…ข้ามีเรี่ยวแรงกับความสามารถในการดักกระต่ายบนภูเขา ส่วนเรื่องอื่นข้าทำไม่เป็น…
…อืม ครอบครัวของข้าเชื่อฟังคำสั่งของท่านลุงกับน้องสาม ข้าคิดของข้าเช่นนี้ พวกเจ้าจะคิดอย่างไรก็เป็นเรื่องของพวกเจ้า งานที่ข้าทำอยู่ยังทำไม่เสร็จ ข้าขอตัวไปทำงานก่อน หูจือส่องไฟสว่างให้พ่อหน่อย”
ต้าหลังลุกขึ้นยืน แล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ ถ่านที่เผาใหม่กำลังจะเสร็จแล้ว ต้องรีบไปเก็บออกมา ไม่เช่นนั้นไฟจะแรงเกินไป”
ทุกคนเริ่มแยกย้ายไปทำงานกัน มีเด็กหนุ่มหลายคนที่รับผิดชอบดูแลเรื่องการเผาถ่านรีบเดินออกไปเพื่อกลับไปทำงาน
พวกชายฉกรรจ์ก็แยกย้ายไปทำงานตามหน้าที่ของตนเอง ซ่งฝูสี่ก็นั่งลงเลื่อยไม้กระดานต่อ
พวกผู้หญิงก็คิดในใจ พวกเจ้าไม่เอ่ยปากก็ไม่มีผลกระทบอะไรกับการที่พวกเราด่าคน พวกเรามีความสามารถ สามารถทำงานพร้อมกับด่าไปด้วยได้
คนส่วนหนึ่งเก็บทำความสะอาดเตาและชาม ตะเกียบ และยังล้างหม้อ ล้างลูกแพร์เป็ดและต้องต้มน้ำลูกแพร์เป็ด เด็กๆ รอน้ำลูกแพร์เป็ดมาทั้งคืน เมื่อถึงเวลานี้ยังไม่มีใครอยากจะขึ้นนอนบนเตียงเพราะรอคอยกินอยู่ ส่วนพวกนางก็ด่าคนไปด้วย
หมี่โซ่วนั่งฟังอยู่ข้างๆ พร้อมกับแอบกินลูกอม
ในตอนนี้ซ่งฝูเซิงพยุงซ่งหลี่เจิ้งและพาเฉียนเพ่ยอิงมาอีกสถานที่หนึ่ง ทั้งสามคนลงไปในห้องใต้ดิน
ทั้งสามคนค่อยๆ ไต่ลงบันได ในมือถือตะเกียงส่องสำรวจทุกห้องใต้ดิน
ห้องใต้ดินมีทั้งหมดยี่สิบถึงสามสิบห้อง แสดงให้เห็นว่าเมื่อก่อนมีคนพักอาศัยอยู่ไม่น้อย ทุกบ้านต่างก็มีห้องใต้ดินไว้เก็บผัก
ห้องใต้ดินเหล่านี้ ในตอนกลางวันพวกผู้หญิงลงมาทำความสะอาดแล้ว ทำให้เดินสะดวกขึ้น
หลังจากที่สำรวจแล้ว ถ้าอยากปลูกกุยช่ายขาวก็มีห้องใต้ดินสี่แห่งเท่านั้นที่เหมาะสม
จะต้องมีช่องระบายลม ห้องใต้ดินต้องมีพื้นที่ขนาดใหญ่จนสามารถเข้ามาหลบในช่วงฤดูหนาวได้ ถ้าห้องใต้ดินอุณหภูมิไม่ถึงสิบห้าองศา พวกเราก็สามารถจุดไฟเตาผิงในห้องใต้ดินเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้ทั้งคนและผักได้
กุยช่ายขาวนี้ถึงสามารถเติบโตได้ไว ใช้เวลาประมาณยี่สิบวันก็สามารถเก็บผลผลิตได้แล้ว หลังจากนั้นยังสามารถเก็บเกี่ยวซ้ำได้สองถึงสามครั้ง
ท่านลุงซ่งถาม “ฝูเซิง สามารถปลูกได้ไหม?”
ซ่งฝูเซิงมองไปที่เฉียนเพ่ยอิง เฉียนเพ่ยอิงตอบกลับมาว่า ไม่น่าจะมีปัญหา
ซ่งฝูเซิงมีความมั่นใจมากขึ้นแล้ว “ท่านลุง ตอนนี้พวกเราเริ่มลงมือปลูกก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตช่วงอากาศหนาวในเดือนธันวาคมได้หนึ่งครั้ง ประมาณช่วงต้นเดือนมกราคมกับต้นเดือนกุมภาพันธ์เป็นช่วงที่อากาศหนาวมากที่สุดก็ยังสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้อีก ในช่วงปีใหม่สามารถสร้างรายได้มากขึ้นอีก”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ พวกข้าจะต้องทำเยี่ยงไร พวกข้าก็ต้องอาศัยเจ้า อย่างอื่นก็ทำไม่เป็น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเป็นตัวถ่วงเจ้าอีก เจ้ารีบมาดูสิ ห้องใต้ดินสี่ห้องนี้เจ้าคิดว่าสามารถปลูกได้เท่าไหร่?”
ซ่งฝูเซิงให้ท่านลุงสรรหาคนให้พรุ่งนี้ขึ้นภูเขาไปขุดดิน เลือกขุดดินที่อยู่ใต้รากต้นไม้ เพราะมีแร่ธาตุเหมาะสมกับการเพาะปลูก ถ้านำมาปลูกกุยช่ายขาวก็ไม่ต้องกังวลเลย
คืนนี้เขาจะเลือกหัวกระเทียมแล้วแช่น้ำไว้ พรุ่งนี้เมื่อกลับจากเมืองเฟิ่งเทียนแล้ว เขาจะนำพวกมันลงไปปลูกในห้องใต้ดิน
นำกระเทียมทั้งสองกระสอบไปปลูกก่อน รอให้ต้นอ่อนออกราก เขาถึงจะออกไปซื้อกระเทียมมาเพิ่มอีก