ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 199
ถึงวันนี้ สุดท้ายทุกอย่างก็สงบลง
คืนนี้เป็นคืนที่สามที่มาถึงหมู่บ้านเหรินจยา และแผนที่จะหาเงินของพวกเขาก็กำลังเป็นรูปเป็นร่าง
เริ่มต้นเดินทางอพยพจนถึงตอนนี้ ซ่งฝูเซิงก็ใจจดใจจ่ออยู่กับกลุ่มคนอพยพของเขา
โดยเฉพาะเมื่อมาถึงหมู่บ้านเหรินจยา สองวันครึ่งมานี้ ไม่ว่าเหตุการณ์เล็ก เหตุการณ์ใหญ่ คนพวกนี้มักจะถามเขาเพื่อให้ช่วยแก้ปัญหา เขายิ่งต้องคิดมากยิ่งขึ้น
ถ้าเป็นคนธรรมดา คงทำไม่ได้อย่างซ่งฝูเซิง
เวลาสองวันครึ่งที่จะต้องหาที่พัก ขายถั่วเมล็ดสน และเรื่องข้าวสารบรรเทาทุกข์ ทั้งยังพาภรรยาและลูกไปซื้อของที่เมืองเฟิ่งเทียนที่ใหญ่ที่สุด
สิ่งที่สำคัญที่สุดหลังจากขายถั่วเมล็ดสน พรุ่งนี้จะต้องเริ่มปลูกกระเทียมเหลือง หลังจากนั้นต้องทำกระโจมให้เสร็จเพื่อปลูกพริกต่อ เหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ ทุกอย่างมีรายละเอียด ทุกนาทียิ่งมีค่ามาก
ดังนั้นเงินเดือนที่ซ่งฝูเซิงจะได้รับนั้น ต้องสูงกว่าทุกคน ซึ่งเหมาะสมแล้ว
น้ำร้อนสำหรับล้างเท้าถูกยกมาไว้ข้างหน้า เอ้อร์หลังยกมาให้ลุงสาม
ซ่งฝูเซิงกำลังเดินเข้าห้อง ต้ายารีบส่งผ้าเช็ดหน้าอันใหม่ให้เขาเช็ดหน้า เถาฮวายกน้ำอุ่นมาวางไว้ตรงหน้า เตรียมให้อาสามดื่ม
ท่านย่าหม่ายังให้ผู้หญิงวัยกลางคนช่วยกันจัดบ้าน “รีบจัดการภายในห้อง ช่วยกันขนอิฐดินไปไว้ตรงกำแพงอย่าให้ลูกข้าต้องเหนื่อยอีก ทำเสร็จแล้วทุกคนออกไปให้ลูกสามของข้ารีบขึ้นเตียงเตานอนหลับพักผ่อน เขาเพลียจนจะทนไม่ไหวแล้ว”
พอสิ้นเสียงท่านย่าหม่า ผู้หญิงวัยกลางคนที่อยู่ในห้อง มือไม่ว่างเท้าไม่เว้นช่วยกันขนอิฐดินกับเสื่อหญ้าถัก ทั้งยังช่วยปูผ้าห่มฝ้ายเตรียมที่หลับที่นอน และยังกำชับให้ลูกๆ ของตัวเองนอนให้ดีๆ ห้ามไปรบกวนซ่งฝูเซิง
สุดท้ายก่อนที่ทุกคนจะออกไป ผู้หญิงเหล่านี้ยังช่วยกันเพิ่มถ่านในเตา ส่วนเตาที่อยู่ด้านนอกก็เพิ่มฟืนเพื่อทำให้ความร้อนมากขึ้น เสร็จทุกอย่างแล้วทุกคนจึงค่อยๆ ย่องออกไป แม้กระทั่งท่านย่าหม่าก็ย่องออกไป เหลือไว้ให้ซ่งฝูเซิงพักผ่อนในห้อง ไม่รบกวนเขา
แต่ว่าผู้ชายคนอื่นๆ ต้องนอนบนพื้นในห้องผุพัง บ้างก็นอนบนไม้กระดานหรือนอนบนเสื่อหญ้าถัก ใช้เพียงผ้าห่มฝ้ายเก่าๆ ห่อตัวไว้แล้วหลับไป
พวกเขาอย่าเพียงคิดว่าจะมีน้ำอุ่นแช่เท้าแล้ว ผู้ชายบางคนแม้แต่ผ้าห่มฝ้ายเก่าๆ ก็ยังไม่มี ต้องนอนขดตัว อาศัยความอบอุ่นจากเตาไฟหลับไป
ผู้ชายหลายคนในที่นี้ แม้กระทั่งท่านลุงของซ่งฝูเซิงก็ต้องนอนบนแผ่นกระดานรวม อีกทั้งหลานของซ่งฝูเซิงคือต้าหลัง กับเอ้อร์หลัง เพราะเตียงเตามีพื้นที่จำกัด ผู้ชายคนที่มีสิทธิ์ได้นอนบนเตียงเตาที่อบอุ่นมีแค่ซ่งฝูเซิงกับท่านลุงซ่งเท่านั้น
แต่ซ่งฝูเซิงในตอนนั้นในใจอยากพูดว่า ไม่ต้องคิดว่าพวกเขายกตำแหน่งหัวหน้าอันสูงส่งให้เขา มันไม่สามารถทดแทนบาดแผลในร่างกายของเขาได้
เหตุผลเพียงเพราะอยากให้ทุกคนร่ำรวย หาเงินได้เยอะขึ้น ดังนั้น เพื่อให้ลูกสาว ภรรยาและหมี่โซ่วมีชีวิตที่มีความสุข ตอนนี้เขาจึงกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
ถ้ามองจากตรงนี้ เด็กที่อยู่บนเตียงเตานอนหลับสนิท หมี่โซ่วนอนเหมือนกับหมูน้อย มีแค่ซ่งฝูเซิง เฉียนเพ่ยอิงและซ่งฝูหลิงที่ยังไม่หลับ พวกเขาสามคนนั่งอยู่บนเตียงเตา แอบหยิบไฟฉายออกมาจากพื้นที่พิเศษ วางไว้ในผ้าห่มเพื่อให้แสงสว่าง
ในผ้าห่มมีถุงหนึ่งถุงวางอยู่ ในถุงมีเมล็ดพริกหลายเมล็ดอยู่ในนั้น
ซ่งฝูหลิงอ้าปากแลบลิ้นออกมาตลอด นางดื่มเป๊ปซี่ขวดใหญ่จนหมดจึงไม่สามารถหยุดอาการซ่าของเป๊ปซี่ได้ ในขณะเดียวกันก็รู้สึกเผ็ดจนไม่กล้าที่จะหายใจเข้า-ออกแรงๆ นางถามเฉียนเพ่ยอิง “ท่านแม่ ทำไมต้องเป็นพริกแห้ง น่าจะใช้พริกแดงสดมากกว่า”
เฉียนเพ่ยอิงรู้ว่าลูกสาวไม่เข้าใจวิธีทำการเกษตร ลูกสาวยังไม่เคยเห็นทุ่งนา เมล็ดพันธุ์ก็ไม่รู้จัก จึงอธิบายอย่างละเอียด “จะมีเพียงแค่พริกแดงที่นำไปตากจนแห้งจึงจะใช้เมล็ดเป็นเมล็ดพันธุ์เพื่อนำไปปลูกได้ พริกเขียวพวกนั้นทั้งหมดปลูกไม่ได้ พริกเขียวคือพริกที่ยังโตไม่เต็มที่ เมล็ดของพริกเขียวที่ได้เจ้าจะปลูกได้อย่างไร มันไม่สามารถเติบโตเป็นต้นพริกได้”
ซ่งฝูหลิงพยักหน้าเข้าใจแล้ว จากนั้นก็ใช้มือเล็กๆ ชี้ไปที่ท่านพ่อของนาง “ท่านกินเถอะ ข้ากินไม่ไหวแล้ว ข้ากินพริกสองเมล็ดก็ถึงที่สุดแล้ว นอกจากท่านจะใช้น้ำมันผัดพริกจนกรอบเหมือนกับผัดเมล็ดถั่วดิน ข้าถึงจะกินได้”
ซ่งฝูเซิงคิดวิเคราะห์ “เด็กคนนี้ ทำไมเจ้าถึงกินได้”
ใครจะคิดว่าเอาพริกแห้งไปผัดแล้วมันจะหอม ทั้งห้องคงเต็มไปด้วยกลิ่นพริก เขาจะย่างพริกยังไม่กล้าเลย
สีหน้าเฉียนเพ่ยอิงเต็มไปด้วยความกังวล หลังจากคิดดีแล้วจึงเกลี้ยกล่อมซ่งฝูเซิง “แต่ก่อนข้ากินเผ็ดไม่ได้ และไม่ค่อยกินเผ็ด ข้ารู้เจ้าใจร้อน แต่ก็อย่ารีบร้อน อย่าโง่กินเยอะ เดี๋ยวกระเพาะเป็นแผล ค่อยๆ กินค่อยๆ เก็บเมล็ดก็ได้”
ซ่งฝูเซิงพูดในใจ ถึงจะค่อยๆ กิน ข้าก็ต้องกินพริกเหมือนเดิมนั่นแหละ
ถ้าทำช้า ช้า ค่อยๆ เก็บสะสม เมื่อไหร่จะได้เมล็ดพันธุ์ ฤดูหนาวพืชผักที่มีสีเขียวจะมีราคาแพง ยิ่งพริกสีเขียว คนในที่นี้ไม่เคยเห็นก็ยิ่งมีราคา ก่อนปีใหม่จะต้องปลูกออกมาให้จงได้
เขาเคี้ยวพริกแห้งแล้วคายเมล็ดพริกลงในถุง จากนั้นโยนเมล็ดพริกที่เหลือแต่เปลือกเข้าไปในปากเคี้ยว จั๊บ จั๊บ จั๊บ
เคี้ยวแบบหยาบหยาบสองคำก็กลืนลงคอ พริกทำให้ซ่งฝูเซิงเผ็ดจนอยากอ้าปากกินเป็บซี่ที่เหลือของลูกสาวทั้งหมดแล้วอ้าปาก น้ำลายไหลออกมาเป็นทาง เผ็ดจนเขามีสภาพเป็นแบบนี้ ซ่งฝูเซิงเผ็ดน้อยลงจึงพูดออกมาไม่หยุด ทรมานจริงๆ
ถ้ากินไม่พริกทั้งสองเมล็ดไม่หมด เขาก็จะไม่มีทางปลูกพริกต้นออกมาได้ ต้องกินให้หมดสองเมล็ดถึงจะมีพริกสองต้น ยังไม่เคยเห็นใครงกแบบนี้
แต่ถ้าเขาต้องการเมล็ดพันธุ์พริกที่ดี เขาจะต้องกินมากเท่าไหร่ถึงจะสะสมเมล็ดพันธุ์มากพอ
อ๊าย…เขาบ่นว่า “เผ็ดจนเหงื่อออกท่วมตัวแล้ว”
……
ฟ้ายังมืดอยู่ ตอนนี้ตีห้ากว่า นอกจากเด็กที่อายุน้อยกว่าแปดขวบ ที่เหลือทุกคนตื่นหมดแล้ว ผู้หญิงวัยกลางคน บ้างถือกะละมัง บ้างถือถังไปที่แม่น้ำเพื่อตักน้ำ น้ำที่ตักได้จะนำมาเทลงในถังที่ซ่งฝูหลิงทำที่กรองรอไว้ น้ำที่ผ่านการกรองจะใสขึ้น จากนั้นจะต้มน้ำให้เดือดเพื่อรอไว้ทำกับข้าว
ทำกับข้าวสำหรับคนสองร้อยคน แค่เวลาหุงข้าวก็ต้องใช้ไปหนึ่งชั่วยามแล้ว
ท่านยายทั้งหลายนั่งอยู่ในห้อง ก่อไฟ ดังฟืน ไฟติดจนทั่วเตา แล้วนำอิฐดินวางเรียงทีละก้อน พลิกไปมาเพื่อย่างอิฐให้แห้ง
เกาเถี่ยโถวกับต้าหลังเป็นผู้นำทีม มือหนึ่งใช้มีดถางทาง อีกมือหนึ่งถือตะกร้าขึ้นไปบนภูเขา เพื่อขุดดินส่งไปด้านข้างล่างสำหรับการปลูกผัก
เด็กผู้ชายอายุระหว่างแปดขวบถึงสิบสี่ปี และเด็กผู้หญิงที่โตแล้วเหมือนกับเถาฮวา พวกเขาใช้ผ้าห่มที่ทำจากหญ้าถักให้ความอบอุ่น วิ่งไปที่พื้นที่ห่างจากบ้านพักหลังคามุงจาก ใช้หลุมดินที่เหลือจากเมื่อวานมาเผาถ่าน
ช่างไม้อย่างซ่งฝูสี่อยู่ในห้อง เริ่มต้นผ่าไม้ซีกเพื่อทำงานแล้ว
ท่านลุงซ่งกับลุงของซ่งฝูเซิง รวมทั้งชายชราอีกสองคน ทั้งสี่คนยกไฟฟืนนำทางให้ผู้ชายร่างกายกำยำหกคนก่อเตียงเตา นอกจากนั้นผู้ชายร่างกำยำทั้งหมด ก็ถือเครื่องมือทำนาตามผู้เฒ่าทั้งสี่ไปยังที่ดินเปล่าเพื่อปรับหน้าดิน
ไม่ว่าจะปลูกอะไร สิ่งแรกที่ต้องทำต้องคือปรับหน้าดิน
ที่ดินทั้งสี่ผืนรวมเป็นพื้นที่ไม่น้อย พวกเขาจะต้องรีบไถพรวนให้เสร็จ พวกเขาไถพลิกดินได้สักพัก ซ่งฝูเซิงค่อยเดินมาถึงเมื่อสายแล้ว
และยังเดินเหมือนกับเดินไม่คล่อง ตัวบิดเบี้ยวไปมา เพราะเมื่อคืนก่อนนอนเขากินพริกเข้าไป อาการเผ็ดไม่ได้เกิดเฉพาะปาก แต่เวลาเข้าห้องน้ำยังแสบจนไม่รู้จะพูดอย่างไร
ในขณะเดียวกัน คนในชุมชนก็คึกคักกันมาก
คนจำนวนมากแบกสิ่งของไปที่แม่น้ำ
ที่ฝั่งแม่น้ำมีเสียงคนพูดเสียงดังขึ้น
ที่มาของเรื่องก็คือ เมื่อวานตอนเย็น เริ่นหลี่เจิ้งบอกให้เริ่นจื่อเฮ่าประกาศเรียกชาวบ้านให้มาช่วยกันซ่อมแซมสะพานนั่นเอง