ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 203 / ตอนที่ 204-1
ตอนที่ 203
ซ่งฝูเซิงพกเงินมัดใส่เอว แล้วพาคนสามคนข้ามแม่น้ำมาอีกฝั่ง
เพิ่งเดินผ่านโค้ง ข้างหน้าเป็นแม่น้ำ ภาพที่เห็นทำให้พวกเขาตกใจอย่างมาก
สิ่งที่พวกเขาเห็นในแม่น้ำเป็นซ่งฝูกุ้ยที่กำลังนำโอ่งขนาดใหญ่ใส่ในแพไม้ถ่อข้ามแม่น้ำมาอย่างทุลักทุเล
กำลังถ่อแพข้ามแม่น้ำมาทางฝั่งที่พวกเขาอยู่ เขาถ่อข้ามมาได้ครึ่งทางแล้ว
แพโยกเยกไปมา
โอ่งใบใหญ่น้ำหนักมาก ทำให้แพไม่นิ่งเมื่อใช้ถ่อ แพจึงโคลงไปเคลงมาตามคลื่นน้ำ
จะดูยังไงก็คล้ายกับว่าอีกไม่กี่นาทีแพน่าจะจมลงใต้น้ำ แพไม้ส่งเสียงดังอ๊อด…แอ๊ด…อ๊อด…แอ๊ด…
ซ่งฝูเซิงเดินไปข้างหน้าเล็กน้อย “ ช้าหน่อย ช้าหน่อย!”
ซ่งฝูกุ้ยยืนอยู่บนแพไม้ถ่อตรงมาฝั่งที่มีซ่งฝูเซิงยืนอยู่ ทุกคนหัวเราะ นาทีต่อมาเขาเกือบตกลงไปในแม่น้ำ จึงรีบแยกขาทั้งสองข้างเหยียบเรือสองแคม ใช้แรงเท้าทั้งสองรักษาให้สมดุลแพไว้
หวังจงอวี้รู้สึกแปลกใจ “ไอ้บ้านั่นทำอย่างไรถึงเอาโอ่งใบใหญ่ขึ้นแพได้นะ แค่แพเก่าๆ ก็แทบจะล่องเองก็ไม่ไหวอยู่แล้ว ยังเอาโอ่งใบใหญ่ขึ้นแพข้ามแม่น้ำจากฝั่งโน้นย้ายมาฝั่งนี้ แพไม่พลิกคว่ำก็เป็นบุญแล้ว”
ซ่งฝูลู่ ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของซ่งฝูเซิง เขามองไปฝั่งตรงข้ามแม่น้ำ ชาวบ้านกำลังขนย้ายแผ่นหินซ่อมสะพาน เขาสบถออกมาว่า “สะพานเฮงซวย ไม่รู้เมื่อไหร่จะซ่อมเสร็จ ทำให้เสียเวลาเสียจริง” หนิวจั่งกุ้ยกับพวกออกเดินทางตั้งแต่เช้าใช่หรือไม่ ใช้เวลาตั้งหนึ่งชั่วยามเพื่อเดินอ้อมภูเขา ตอนนี้ยังเดินไม่ถึงฝั่งตรงข้ามแม่น้ำเลย”
กัวคนรองพูดขึ้น “ใช่แล้ว ไม่อย่างนั้นหนิวจั่งกุ้ยกับพวกใช้รถเข็นขนจะได้สะดวก เวลาไปอำเภอถงเหยาซื้อของกลับมา เดินทางตอนนี้ต้องอาศัยถ่อแพเท่านั้น นั่นคือรถขายฟักทองใช่ไหม พวกเราจะเอากลับอย่างไร ต้องใส่แพถ่อกลับทีละเที่ยวหรือ ถ้าสะพานไม่หักก็คงดี คนขายฟักทองจะได้เข็นไปส่งถึงบ้าน”
ซ่งฝูเซิงไม่เข้าร่วมสนทนาหัวข้อนี้ เพราะเขาเพิ่งพบว่าเสื้อคลุมของซ่งฝูกุ้ยทำไมขาดรุ่งริ่งขนาดนี้ เขาจึงหันไปบอกซ่งจินเป่าให้รีบวิ่งกลับบ้านไปก่อน บอกเฉียนเพ่ยอิงให้นำเสื้อคลุมกลับมาหนึ่งตัว
ดังนั้น เมื่อซ่งฝูกุ้ยที่ตัวเต็มไปด้วยเหงื่อถ่อแพถึงฝั่ง หวังจงอวี้กับพวกรีบไปรับโอ่งใบใหญ่ ทางซ่งฝูเซิงกำลังถอดเสื้ออยู่
ซ่งฝูเซิงกำลังถอดเสื้อของตัวเองส่งให้ซ่งฝูกุ้ยเปลี่ยน
ต่อไปต้องเปลี่ยนมาเป็นเสื้อขนเป็ดของคนยุคปัจจุบันแล้ว
ไม่มีเสื้อคลุมใส่แล้ว เสื้อขนเป็ดตัวนี้เจ้าเอาไป เฉียนเพ่ยอิงกำลังคิดว่าจะซื้อผ้าสีดำมาเย็บบุเสื้อขนเป็ดทางด้านนอก จะได้ไม่เป็นที่น่าสนใจและยังดูยากจน จนมีเสียงเงินเหรียญกระทบกัน ตอนนี้ยังไม่ได้เย็บ ก็จะถูกนำออกไปใช้งานแล้ว จริงๆ ที่บ้านไม่มีเสื้อคลุมเหลือแล้ว ทุกคนมีแค่คนละหนึ่งตัว ตอนนี้ต้องแบ่งให้ซ่งฝูเซิงหนึ่งตัว
ยังดีที่เอาเสื้อจากพื้นที่พิเศษมา ไม่ใช่ยี่ห้อนิกส์ เสื้อยี่ห้อนิกส์ของซ่งฝูเซิงช่างมีรสนิยมเหลือเกิน
ด้านนอกตัวเสื้อทอด้วยเส้นขนแกะ ดูจากข้างนอกเหมือนกับเสื้อคลุมผู้ชายธรรมดา แต่ด้านในเสื้อของนิกส์เป็นขนมิ้งสีดำยาวทั้งตัว คอเสื้อเป็นขนมิ้งสีดำสั้นทั้งหมด ราคาตอนนี้ ต้องใช้เงินถึงสี่หมื่นหยวนซื้อมา
ถ้านำออกมา เมื่อวานที่ลูกชายของท่านโหวมาที่หมู่บ้าน เสื้อขนจิ้งจอกที่เขาใส่คงเทียบไม่ได้ เสื้อที่ซ่งฝูเซิงใส่ยังราคาแพงกว่าเสื้อของแม่ทัพเล็กอีกด้วย
จะใส่ได้อย่างไร พวกเราไม่มียศฐาบันดาศักดิ์ ถ้าใส่เสื้อผ้าราคาแพงแบบนั้น จะหาเหตุผลโกหก คงไม่มีใครเชื่อ
เพราะอย่างนี้ แค่เสื้อขนเป็ดยี่ห้อโคลัมเบียธรรมดา ซ่งจินเป่ายังรู้สึกแปลกใจ ถามว่า “ลุงสาม เสื้อกันหนาวทำไมบางแบบนี้ จะให้ความอบอุ่นได้หรือ ท่านหนาวหรือไม่ ใส่เข้าไปรู้สึกบางเบาหรือ”
ซ่งฝูกุ้ยได้ยินดังนั้นเขาจึงรีบเข้ามาแย่ง แย่งไปด้วยพูดไปด้วย “ไม่ต้องแบ่งเสื้อแบบหนาให้ข้า ข้าไม่กลัวหนาว ข้าต้องการเสื้อแบบบาง ใส่แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ส่วนเสื้อคลุมเจ้าใส่กลับเข้าไปเถอะ”
ซ่งฝูเซิง “ไม่ ไม่ ไม่ เสื้อตัวนี้ข้าใส่ตอนที่อยู่ที่บ้านจนติดตัว ให้เจ้าไม่ได้ กลับไปข้าจะให้แม่ของพั่งยาเย็บผ้าบุข้างนอกก็หนาเพียงพอแล้ว”
ซ่งฝูกุ้ยไม่ยินยอม เขาจะเอาเสื้อกันหนาวขนเป็ดยี่ห้อโคลัมเบียให้ได้
ซ่งฝูเซิงไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร จึงทำได้เพียงแค่ออกคำสั่ง “ฟังคำสั่งข้า”
โอ่งใบใหญ่ขึ้นฝั่งเสร็จแล้ว ซ่งฝูเซิงนำคนขึ้นแพเพื่อถ่อไปช่วยกันแบกฟักทอง มีกัวคนรอง ซ่งฝูเซิง หวังจงอวี้ที่นั่งแพไม้ถ่อไป ระหว่างที่เขาถ่อเขารู้สึกซาบซึ้งใจจนตาแดงก่ำ
หวังจงอวี้ถือเงินที่ซ่งฝูเซิงมอบให้เพื่อซื้อฟักทอง เขาหันมาเห็นพอดี จึงถามขึ้น “เป็นอะไรหรือ”
“ซ่งฝูเซิงเป็นเสมือนน้องชายข้า น้องชายแท้ๆ ของข้า ต่อไปข้าจะต้องทำงานให้มากขึ้น เพื่อตอบแทนบุญคุณเขา
หวังจงอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะขึ้น
และซ่งฝูเซิงที่อยู่บนฝั่งกำลังช่วยกันกับซ่งจินเป่าเคลื่อนย้ายโอ่งใบใหญ่ สุดท้ายย้ายไม่ไหวจึงวางโอ่งลงบนพื้น แล้วใช้เท้ายันเพื่อให้โอ่งกลิ้งไปตามพื้นแทน
ซ่งฝูเซิงเหนื่อยจนแทบยืนไม่อยู่ ยิ่งรู้สึกว่าคนของพวกเขาทำงานเก่งมาก
เรื่องอื่นไม่ต้องกล่าวถึง แค่เรื่องขนฟักทองสี่คันรถกลับหมู่บ้าน ต้องถ่อแพขนทีละเที่ยว จากนั้นเดินเท้าแบกฟักทองทยอยขนกลับ แค่นี้ก็เหนื่อยจนแทบหมดลมหายใจ
โอ่งใบแรกมาถึงแล้ว เมื่อถ่อแพขนฟักทองข้ามแม่น้ำเสร็จ ยังมีโอ่งใบเก่าอีกหลายใบและไหที่ต้องขนกลับ
ซ่งฝูหลิงวิ่งไปวิ่งมา ทำงานช่วยแม่และท่านย่า ล้างโอ่ง ขัดโอ่ง ล้างผักกาดขาว จากนั้นก็ดองผักต่อ
ตอนที่ 204-1
หน้าบ้านหลังคามุงจาก ตอนนี้ซ่งฝูสี่พร้อมด้วยช่างไม้อีกสามคนกำลังใช้หมึกสีดำทาแผ่นไม้ ทุกคนกำลังตั้งหน้าตั้งตารองานที่พวกเขาทำอยู่
ต้องทำชั้นวางของในห้องใต้ดิน
ถ้ารู้ว่าผักที่เก็บไว้กินหน้าหนาว แค่จับโยนลงห้องใต้ดินรวมกันเป็นกองก็พอ ผักอาจจะเน่าเปื่อย? จำเป็นต้องทำชั้นวางของอย่างง่ายวางไว้ในห้องใต้ดิน แล้วใช้แผ่นไม้หรือแผ่นหินวางเป็นชั้นๆ เพื่อใช้เก็บผักสำหรับหน้าหนาว
หลังจากนั้นไหและโอ่งที่ซ่งฝูกุ้ยรับซื้อกลับมา ชาวบ้านจะต้องนำมาใส่ถั่วหมัก ดองผัก ซ่งฝูสี่ที่เป็นช่างไม้ ยังต้องทำฝาโอ่ง ฝาไหปิดทับไว้ ไม่เช่นนั้นหนูจะลงไปในผักดอง
ทุกอย่างเร่งรีบไปหมด เวลาแค่หนึ่งชั่วยาม เขาจะต้องทำงานพวกนี้ให้เสร็จ
เด็กๆ รวมกลุ่มกันเป็นขบวน วิ่งจากเชิงเขากลับมาที่หมู่บ้าน และวิ่งจากหมู่บ้านไปที่
เชิงเขา
ยายาหลานสาวของท่านลุงซ่งวิ่งตามขบวน ผมที่รัดเป็นสองกระจุกไว้ มีกระจุกหนึ่งขาดหลุดลุ่ย ผมเผ้าปลิวกระเซอะกระเซิง
เด็กเล็กกำลังยุ่งอยู่กับการเก็บหินกลับบ้าน
เพราะท่านย่าหม่าบอกว่า จะต้องนำก้อนหินไปวางไว้ในห้องใต้ดินเพื่อทำชั้นวางผักให้แข็งแรง และอีกอย่างจะต้องมีหินขนาดใหญ่วางทับฝาโอ่งหมักผักดอง
หินบางก้อนมีขนาดใหญ่ เด็กเล็กๆ แบกกลับมาไม่ไหวก็ไม่เป็นไร พวกเขามีหน้าที่แค่ออกไปหาก้อนหินแล้วเรียกให้คนไปช่วยแบกกลับมา พวกเขาอยู่เฉยๆ ก็ไม่ได้ทำอะไร มีแต่วิ่งเล่นไปเรื่อยจึงต้องหางานให้ช่วยทำ
เด็กเล็กๆ บางคนมักจะถูกแม่ดึงคอเสื้อไว้
เมื่อจับเด็กได้ คนเป็นแม่จะเอาผ้าเช็ดหน้าเก่าๆ ที่ไม่ค่อยสะอาดออกมาจากเอว ใช้ผ้าเช็ดบนหน้าเด็กๆ “เช็ดน้ำมูกก่อน เช็ด เช็ดแรงๆ”
เมื่อเช็ดน้ำมูกเสร็จ แม่ก็จะปล่อยให้เด็กกลับไปวิ่งต่อ และยังตะโกนออกคำสั่งตาม “ห้ามกลับมามือเปล่า หาก้อนหินไม่เจอไม่เป็นไร แต่เก็บหญ้าแห้งกลับมาแทนด้วยนะลูก”