ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 212
ในห้องครัว ไฟจากสองเตากำลังลุกโชนเป็นสีแดง หนิวจั่งกุ้ยเอาหม้อใบใหญ่ที่กำลังต้มน้ำเดือดๆ ที่มีควันลอยอยู่เทลงในกะละมังไม้ไม่หยุด
เพิ่งรู้ว่าในบ้านมีกะละมังไม้รวมกันแค่สามใบ มีถังน้ำหนึ่งถัง
ตอนนี้ พวกเขายังรู้สึกว่ามีภาชนะใส่น้ำอยู่เยอะ และเพราะบ้านเขามีคนน้อยจึงเพียงพอสำหรับใช้งาน
ถ้าเปลี่ยนไปเป็นบ้านคนอื่นล่ะ ตัวอย่างบ้านท่านย่าหม่า กะละมังไม้มีเยอะกว่าบ้านลูกสามของนางแค่หนึ่งอัน ได้รับส่วนแบ่งถังน้ำก็เยอะกว่าบ้านลูกสามของนางแค่หนึ่งอัน แต่คนในบ้านจำนวนเยอะกว่ามาก
บ้านท่านย่าหม่ากำลังต้มน้ำด้วยเตาฟืน แต่ให้สระผมไม่ไหว โดยเฉพาะหากคนทั้งบ้านจะสระผมในคืนนี้ คงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก น้ำสระผมต้องรอตามคิว ตอนนี้คิวยาวจนถึงกลางคืน อาบน้ำคนหนึ่งต่อด้วยอีกคนหนึ่ง ถ้าไม่มีกะละมังคงจะไปอาบในหม้อไม่ได้
ซื่อจ้วงไปรับเสื่อสองผืนจากเออร์ยาและเอาไปแขวนไว้ตรงหน้าต่าง
เมื่อเอาเสื่อแขวนไว้หน้าต่าง ห้องหนึ่งห้องก็จะถูกแบ่งออกเป็นสองห้อง และเริ่มต้นอาบน้ำแล้ว
ซ่งฝูเซิงพาหมี่โซ่วไปที่ห้องเล็กของซื่อจ้วงกับหนิวจั่งกุ้ย
เขาวางกะละมังไว้บนเตา พื้นดินกำลังเย็นจึงกลัวหมี่โซ่วเป็นหวัด
อาบน้ำบนเตา จะทำให้น้ำกระเด็นออกไปเปียกเสื่อจนเกิดความชื้น จะชื้นก็ชื้นไปเถอะ เดี๋ยวค่อยเอาไปผึ่งทีหลัง
“ท่านลุง หอมมาก” หมี่โซ่วใช้มือแตะไปที่ยาสระผมเล็กน้อยแล้วดมหลายครั้ง
ยาสระผมถูกเทลงที่ศีรษะของซ่งฝูเซิง แล้วพูดโกหกว่า “จะไม่หอมได้อย่างไร ข้าซื้อของสิ่งนี้มาราคาแพงมากนะ”
“ท่านลุง ท่านออกไปจากบ้านครั้งนั้นเลยซื้อมาหรือ”
“ออกไปซื้อมาครั้งนั้นแหละ”
“ซื้อมาแพงไหม”
“แพง แต่ไม่มีวิธีอื่น พี่สาวของเจ้าชอบของแบบนี้ แพงกว่านี้พวกเราก็ต้องซื้อ พวกเราเป็นผู้ชายจะให้รัดเข็มขัดยังไงก็ทำให้ผู้หญิงทำบากไม่ได้”
“พูดถูกแล้ว ท่านลุงต้องใช้ให้น้อยลง” หมี่โซ่วคิดว่ายาสระผมมีราคาแพง ต้องใช้อย่างประหยัดมัธยัสถ์
ซ่งฝูเซิงมองไปที่ฟองบนหัว เขาใช้มือลูบฟองที่อยู่บนตาออก แล้วใช้มือจับหมี่โซ่วลงไปในกะละมัง และใช้ฟองสระผมให้หมี่โซ่ว
“เจ้ายังมีเวลาสนใจว่าแพงไม่แพงอีกนะ พวกเราสองคน เป็นผู้ชายต้องอาบน้ำให้สะอาด ไม่อย่างนั้นท่านน้าจะไม่ให้พวกเราขึ้นเตียงเตา หลับตา หลับตาเร็ว”
ผู้ชายสองคนมองไปที่ฟองยาสระผม ซ่งฝูเซิงให้หมี่โซ่วหลับตา อดทนไว้ แล้วตะโกนออกไปข้าง “ซื่อจ้วง เอาน้ำเข้ามาให้หน่อย เจ้าก็เข้ามาสระผมด้วย”
ซื่อจ้วงรู้สึกอาย
ซ่งฝูเซิงบ่นเขาว่า “เจ้ารีบมา เร็วเข้า”
แล้วซ่งฝูเซิงค่อยๆ ใช้น้ำล้างฟองที่หัวออก และเอาน้ำล้างฟองที่หัวหมี่โซ่วออกด้วย “หนิวจั่งกุ้ยหรือ”
“ใช่แล้วน้องเขย”
“รีบยกน้ำเข้ามา” เขาชี้ไปที่กะละมังใบที่สองที่เต็มไปด้วยฟอง “ท่านรีบอาบน้ำเร็ว”
หนิวจั่งกุ้ยไม่ลังเล เพราะเขาเพิ่งได้ยินเสียงบ่นซื่อจ้วง เขาหมุนตัวเข้ามาเพิ่มฟืนไฟให้กับเตาไฟ ขณะเดียวกันปล่อยผมและเข้ามาอาบน้ำในห้องอาบน้ำไปด้วย
เขาอาบน้ำทั้งยังบอกซื่อจ้วงไปด้วย “ซื่อจ้วงเจ้ามาเร็วเข้า เจ้าอาบเสร็จแล้วต้องไปกดดันคนที่มาขุดบ่อน้ำ”
ก่อนพูดคำนี้ เขาหันไปมองซ่งฝูเซิง
เขาก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมน้องเขยถึงทำน้ำสบู่อีกแล้ว เมื่อครู่อาบไปสองครั้งแล้วไม่ใช่หรือ
น้ำที่ใช้หมดไปอย่างรวดเร็ว ไม่กล้าทำให้เสียเวลา
หนิวจั่งกุ้ยพบว่าน้ำถูกใช้ไปอย่างรวดเร็ว แค่ซื่อจ้วงอายคนเดียว ต้องใช้น้ำเยอะจนรอให้น้ำเดือดคงไม่ไหว จึงรีบสระผมให้เสร็จ
ใช่แล้ว ฝูเซิงเอายาสระผมไปตีให้เกิดฟองและใช้มือเกาไปที่ศีรษะที่มีฟอง แล้วรูดเอาฟองออกมา ตอนนี้ฟองทั้งหมดไปอยู่ที่หัวของหมี่โซ่วแล้ว
หมี่โซ่วรีบหลับตา เขาไม่ระวังจึงลืมตามอง ฟองไหลเข้าไปในดวงตาจนแสบ จึงไม่กล้าที่จะลืมตาอีก
แต่เขาไม่อยากหลับตาตลอดไป
เขาจึงได้ต่อต้านเบา “ท่านลุง ข้าอาบน้ำสะอาดแล้ว”
ซ่งฝูเซิงบอกว่า “เจ้าสะอาดได้อย่างไร เจ้าเด็กจอมสกปรก เพิ่งอาบได้ไม่ถึงไหนเลย”
ขณะนั้น ซื่อจ้วงอาบจนเสร็จ บนหัวเขามีผ้าผืนนึงที่ไว้เช็ดผม เขาเช็ดผมยังไม่แห้ง ฝั่งโน้น ซ่งฝูเซิงก็ต้องการเพิ่มน้ำอีก
ซ่งฝูเซิงบอกว่า “ซื่อจ้วง ก่อนที่เจ้าเอากะละมังไปตักน้ำ ให้เอากะละมังที่มีฟองส่งไปที่ห้องตรงข้ามที่มีพี่สาวเจ้าอยู่ เอาไปเทลงถังของพี่สาว ให้นางอาบจนเสร็จจากนั้นค่อยไปตักน้ำมาใหม่นะ”
หนิวจั่งกุ้ยใช้เสื้อเก่าพันที่หัวเพราะกลัวถูกความเย็นมากระทบ เขาบอกว่าเขาเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ต้องออกไปเทน้ำทิ้งให้น้องเขย แล้วตักน้ำสะอาดเข้ามา
สุดท้ายซ่งฝูเซิงและหมี่โซ่วล้างฟองที่หัวตัวเองออก ผู้ชายสองคนใช้น้ำกะละมังนี้อย่างคุ้มค่า ที่หัวของหนิวจั่งกุ้ยมีผ้าเก่าๆ พันอยู่ ผมยังเปียก ดูคล้ายกับคนฝั่งอาหรับที่มีผ้าพันหัว เขายกน้ำในกะละมังที่มีฟองส่งไปที่บ้านเกาถูฮู่
ทำไมไม่ไปส่งที่บ้านท่านลุงซ่ง เพราะว่าบ้านท่านลุงซ่งห่างจากที่นี่อีกไกล
หนิวจั่งกุ้ยกับซื่อจ้วงช่วยกันต้มน้ำ ตักน้ำ เพราะว่าน้องเขยต้องการอาบน้ำอีกครั้ง
ทำไมไม่ส่งไปบ้านหลังถัดไปจากแปลงปลูกพริก ที่เป็นบ้านของท่านย่าหม่า
เพราะบ้านท่านย่าหม่า มีน้ำที่มีฟองของซ่งฝูหลิงกับเฉียนเพ่ยอิงส่งไปแล้ว
แต่ว่าเฉียนเพ่ยอิงกับซ่งฝูหลิงชักช้า สองแม่ลูกใช้ถังใบเดียวกันอาบน้ำสระผม และเป็นอ่างอันเดียวที่อยู่ในบ้าน พวกเขาให้กะละมังสามอันกับฝั่งผู้ชายแล้ว และตอนนี้ยังอาบไม่เสร็จ ยังไม่รู้ว่าในห้องนั้นชักช้ากำลังทำอะไรอยู่
บ้านเถียนสี่ฟาได้รับน้ำที่มีฟองของซ่งฝูเซิง และยังมีบ้านเกาถูฮู่ สองบ้านนี้ไม่เคยเห็นของแปลก
เถียนสี่ฟารับกะละมังจากซื่อจ้วงแล้วหัวเราะออกมา เขามองไปที่ซ่งอิ๋นเฟิ่ง “พวกเจ้าแม่ลูกไปอาบเถอะ”
ซ่งอิ๋นเฟิ่งบอกว่า “ข้ากับเถาฮวาเพิ่งใช้ถ่านจากท่านย่าสระผม ท่านแม่ยังไม่ได้อาบ เจ้าเอาไปให้ท่านแม่สระผมเถอะ”
ท่านยายเถียนยิ้มจนหน้าย่น วันนี้นางดีใจมาก จะต้องย้ายที่แล้ว พวกบ้านเราจะมีบ้านเป็นของตัวเอง จึงรีบปฏิเสธ “แม่ของหูจื่อ เจ้าพาเถาฮวามาใช้น้ำนี้สระผมอีกครั้งสิ น้ำนี้ถูกยกมา ยังมีกลิ่นหอมแต่ไกล พวกเจ้าแม่ลูกต้องดูสวยงาม ข้าอายุเยอะแล้ว หอมไม่หอมคงไม่สำคัญ ข้าใช้ผงถ่านจากหญ้าอาบก็พอแล้ว”
เมื่อพูดเสร็จ ท่านยายเถียนหัวเราะ เหอะๆ ไปเทน้ำและยังเอาน้ำไปเทเพิ่มในกะละมังที่มีฟอง กลัวว่าถ้าลูกสะใภ้และหลานสาวอาบน้ำจะได้รับความเย็น มองไปที่ผมของเถาฮวาาที่ถูกแกะออก นำผมไปวางบนน้ำที่หอมที่มีฟอง ท่านยายเถียรช่วยหลานสาวสระผมและพูดขอบคุณ “ลุงสามของเจ้าเป็นคนจริงใจ มีอะไรก็คิดถึงพวกเรา”
เกาถูฮู่ยื่นมือไปรับน้ำที่มีฟองเหมือนกันเป็นปกติ
บ้านเกาถูฮู่มีอะไรดีจะต้องแบ่งให้ลูกแฝดก่อน สะใภ้คนโตแบ่งน้ำในกะละมังให้เด็กสองคน และสุดท้ายแบ่งให้เกาถูฮู่
แต่ครั้งนี้ เกาเถี่ยโถวรีบแย่งไปแล้ว เขารอให้หลานสองคนอาบเสร็จ เขาจึงจะอาบต่อจึงหัวเราะออกมาบอกว่า “ของบ้านลุงสามต้องเป็นของดี”
ครั้งก่อนบ้านเขาผ่านไปในเมืองที่มีกะละมังสระผมที่มีฟอง แต่เขาไม่มีคิว พอถึงคิวเขาก็เป็นน้ำเหลือก้นถัง สกปรกแล้ว ครั้งนี้ต้องขออาบก่อน
ภรรยาเกาถูฮู่กำลังต้มน้ำในห้องครัว พูดกับสามีของเขาด้วยเสียงเบา “ต้องให้ลุงรองอาบก่อน น้ำนั้นกำลังหอม พวกเราตัวหอมหรือไม่หอมไม่มีปัญหา ลุงสองจะถึงวัยที่จะมีครอบครัวแล้ว ตัวจะต้องหอมๆ เหอะๆ”
สามีของนางได้ยินก็หัวเราะเหมือนกัน ในห้อง เกาเถี่ยโถวกำลังสระผมและยังไม่ลืมที่จะพูดกับพ่อของเขา หอมจริงๆท่านพ่อ “ท่านคิดว่าของนี้ราคาแพงใช่หรือไม่ อันนี้แน่นอน เราทั้งคู่เห็นตรงกัน แค่ไม่กี่หยดราคาคงหลายเหวินแล้ว”
“นั่นคือสิ่งที่ลุงสามซื้อมาหรือ”
“เป็นเพราะคนตระกูลเฉียน คนตระกูลเฉียนสถานะอะไรเล่า พวกเขาเป็นคุณหนู…
…คนตระกูลเฉียน ในทุกปีจะต้องเข้าไปอยู่ในเมือง ต้องใช้ของพวกนี้…
…ลุงสามของเจ้า เจ้ายังไม่รู้จักเขาหรือ…
…ช่วงเวลานี้ ข้ารู้แล้ว ลุงสามยอมให้ท้องตัวเองหิวได้ ยอมรับความลำบากทุกอย่าง แต่ไม่ยอมให้ภรรยากับลูกสาวต้องลำบากไปด้วย น่าจะเป็นเวลาเข้าไปในเมืองครั้งนี้ซื้อกลับมา”
“แต่ว่าพี่สะใภ้สาม นางไม่มีท่าทางเป็นคุณหนูเลยนะ แถมยังทำงานเก่งอีกด้วย ถ้าลุงสามของข้าต้องซื้อของแพงให้นางใช้ พี่สะใภ้สามก็คงไม่เลือกเขา สิ่งของของพวกนี้ ราคาแพงเหมือนที่พ่อเขาบอก ลุงสามไม่น่าจะหน้าใหญ่เพื่อให้ตัวเองดูมีเงินเลย”
เกาถูฮู่บอกว่า
“เถี่ยโถว เรื่องนี้เจ้าไม่เข้าใจแล้ว ที่ข้าพูดเรื่องลุงสามกับพี่สะใภ้สามเป็นคนมีรสนิยม…
…พี่สะใภ้สามของเจ้าเป็นคุณหนู เมื่อมาอยู่ที่นี่ก็ทำงานเก่ง เรื่องนี้บ่งบอกว่าคนตระกูลเฉียนสอนลูกสามมาดี ท่านลุงเฉียนมีวิธีสอนลูกสาวอย่างดี…
…สะใภ้ไม่สามจึงไม่มีท่าทางยิ่งยโส ตั้งหน้าตั้งตาใช้ชีวิตกับลุงสามของเจ้า ไม่เหมือนกับผู้หญิงบางคน บ้านมีเงิน เมื่อไปอยู่บ้านปู่กับย่า ต้องวางอำนาจ ต้องได้รับความสุขเหมือนกับบ้านตัวเอง ทุกคนในบ้านต้องประเคนให้ทุกอย่าง…
…เพราะพี่สะใภ้สามของเจ้าเป็นอย่างนี้ ลุงสามของเจ้าจึงต้องเคารพนาง…
…แต่ว่าลุงสามของเจ้าก็เป็นคนมีรสนิยม…
…มีรสนิยมขนาดที่เมื่อถึงเวลา ไม่ต้องรอให้ทางบ้านฝ่ายหญิงร้องขอสิ่งใด เขาจะรู้และจะทำทุกอย่างเพื่อให้ภรรยากับลูกเขามีความสุข”
เพื่อไม่ให้ลูกสาวกับภรรยามีชีวิตที่ลำบาก ไม่เหมือนแต่ก่อน
ทุกวันต้องหาวิธีหาเงินให้พวกเขามีชีวิตที่ดี
ห้องข้างนอกได้ยินเสียงสองคนคนสนทนา พูดถึงลูกสะใภ้คนโต แค่ได้ยินก็รู้สึกอิจฉา ดูสามีของเขาและดูสามีของนาง บอกว่าจะทำงานตามท่านลุงสาม ต่อไปจะซื้อยาสระผมที่มีฟองให้นางใช้
พอถึงตอนนี้ ลูกสามของตระกูลเกากลับเข้ามา เมื่อมาถึงบ้านบอกว่า “ท่านพ่อ ข้าไปถามมาแล้ว นอกจากท่านลุงสาม มีแค่บ้านพวกเรา กับบ้านตระกูลเถียนที่ได้น้ำสระผมที่มีฟอง”
เกาเถี่ยโถวบอกว่า “ท่านพ่อ ข้ารู้สึกว่าลุงสามให้ความสำคัญบ้านพวกเราเหมือนกันนะ”
“แน่นอน” เกาถูฮู่พูดอย่างภาคภูมิใจ น้องสามกับความสัมพันธ์กับเขาเหมือนกับเครื่องกระเบื้องที่วางติดกัน ดังนั้นน้ำที่มีฟองสระผมที่ถูกส่งออกไปทำให้สองคนเข้าผิดแต่กลายเป็นเรื่องดี
หนึ่งคือบ้านทั้งสองบ้าน ไม่ว่าตอนนี้หรืออนาคต มีโอกาสใช้น้ำที่มีฟองสระผม ต้องคิดว่าซ่งฝูเซิงเป็นคนส่งให้
ไม่ใช่การเอายาสระผมเทลงบนหัวโดยตรง และไม่ใช่น้ำยาสระผมที่ซ่งฝูเซิงใช้แล้ว
พวกเขาคิดว่าเมื่อเขาซื้อยาสระผมกลับมา เขาได้เอายาสระผมเทลงในน้ำ ตีออกมาให้เป็นฟองเพื่อใช้
พวกเขาเข้าใจว่าน้ำผสมยาสระผมที่ซ่งฝูเซิงส่งมาให้เป็นของใหม่
มีแค่เฉียนหมี่โซ่วกับซื่อจ้วงที่เห็นด้วยตาตัวเอง จึงรู้ว่าเรื่องนี้เป็นมาอย่างไร
ข้อที่สอง การเข้าใจผิดที่กลายเป็นเรื่องดี คือหากใครได้รับน้ำที่มีฟอง แสดงให้เห็นว่าคนนั้นสนิทสนมกับซ่งฝูเซิง ถูกมองว่ามีความสำคัญอันดับต้นๆ ถึงตอนนั้น ซ่งฝูเซิงคงไม่ทำให้ลำบาก เพราะเขายอมส่งน้ำที่มีฟองไปให้ คนเรามักยุ่งกับการพูดถึงเรื่องของคนอื่น
ในใจก็เข้าใจว่าคงส่งให้ทุกบ้านไม่ไหว น้ำนี้ก็ไม่ใช่ยาสำหรับฆ่าเหา ยังทำให้เขายุ่งยากขึ้นอีก
ขณะนี้เขาอยากให้ทุกคนระมัดระวังเรื่องความสะอาด โดยอาศัยตัวเอง
ตอนนี้เขากำลังขัดตัวให้หมี่โซ่ว ใบหน้าของหมี่โซ่วเป็นสีแดง อยู่ในมือขอซ่งฝูเซิง ถามขึ้น “ท่านลุง นี่คืออะไร”
ผ้าเช็ดตัว
ซ่งฝูเซิงดึงเด็กเข้ามาอยู่ในมือ ใช้ผ้าเช็ดตัวถูกไปมา “โอ้ย..อย่า..อย่า”เขาเอาผ้าเช็ดตัวให้หมี่โซ่วดู “เจ้าดูนี่ สกปรกไหมล่ะ”
หมี่โซ่วมองไปที่เศษดิน ก้อนดินบนผ้าเช็ดตัวยังรู้สึกรังเกียจตัวเอง
เขาใช้สองมือปิดปากตัวเองพร้อมพูดว่า “สกปรก”
ซ่งฝูเซิงบอกว่า “สกปรก เจ้าต้องอดทนเจ็บ ลุงจะเช็ดให้เจ้าให้สะอาด เช็คครั้งนี้เสร็จแล้วน้ำหนักเจ้าต้องลดสองจิน เจ้าจะตัวเบามากขึ้น”
ซ่งฝูเซิงยังอาบน้ำให้ตัวเองไม่เสร็จ เขาอาบให้เด็กน้อย อาบน้ำร้อนที่อยู่ในะละมัง ค่อยๆ เช็ดตัวให้หมี่โซ่วอย่างใจเย็น
“หมี่โซ่ว เจ้าจำเรื่องพวกนี้ได้ไหม”
“จำอะไรหรือ”
“จำว่า ข้าเช็ดให้เจ้าอย่างไร ต้องเช็ดตรงนี้ก่อน แล้วค่อยเช็ดตรงนั้น รอให้เจ้าโตกว่านี้ แขนมีแรงแล้ว เจ้าต้องเช็ดให้ลุง เมื่อถึงตอนนั้น บ้านเราเปลี่ยนไปเป็นบ้านใหญ่ ในห้องมีเตียงนอน ลุงจะไปนอนบนนั้น จะให้เจ้าเช็ดให้ทั้งตัว พวกเราผู้ชายสองคนช่วยกันเช็ดตัวหลังอาบน้ำเสร็จแล้ว”
“ดี ข้าจะช่วยท่านลุงเช็ดเอง”
ถึงตอนนี้ ห้องนอนใหญ่ได้ยินเสียงซ่งฝูหลิง ตะโกนเรียกเหมือนกับตกใจอะไรบางอย่าง