ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 220
ที่ซ่งฝูหลิงไม่รู้ก็คือ นางเดินออกไปไม่นาน พ่อกับแม่ก็ตื่นตามมา
เฉียนเพ่ยอิงตื่นขึ้นมา เข้าใจว่านางไปเข้าห้องน้ำ
ตอนนี้ ก่อนถึงห้องที่พวกเขาอยู่ มุมด้านหน้ามีม่านเสื่อถักจากหญ้าแห้งแขวอยู่ ข้างในม่านเป็น “ถังส้วม”
ถังส้วมไม่ได้ทำจากไม้
แม้แต่ถังไม้ไว้ใส่น้ำดื่ม ตอนนี้ซ่งฝูสี่ก็ยังทำไม่เสร็จ บ้านไหนๆ ก็ต้องการใช้งาน เขายังต้องทำถังสำหรับตักน้ำและยังต้องทำอ่างล้างหน้าอีก จะเอาเวลาที่ไหนไปทำส้วมจากไม้ โต๊ะกินข้าวที่สั่งไว้ก็ยังทำไม่เสร็จ งานยุ่งและเร่งรีบไปเสียทุกอย่าง
ดังนั้น ซ่งฝูเซิงจึงคิดหาวิธีไม่ให้ลูกออกไปเข้าห้องน้ำข้างนอก ลดปัญหาเวลานั่งแล้วก้นเย็นเป็นน้ำแข็ง ออกไปข้างนอกก็ไม่เหมือนสมัยปัจจุบันที่มีไฟแสงสว่างเพียงพอ เมื่อถึงเวลากลางคืน ข้างนอกมืดจนมองไม่เห็น ทั้งยังต้องจุดตะเกียงไฟ ใส่เสื้อคลุมอีก ยุ่งยากเสียเวลา เขาจึงใช้ถังน้ำแร่ขนาดห้าลิตรของยี่ห้อหนงฝู ตัดปากด้านบนออก ให้ข้างบนข้างล่างมีขนาดเท่ากัน
ก่อนนอนทุกคืน เขาจะใส่ดินและถ่านจากหญ้าแห้งไว้ที่ก้นถัง จากนั้นให้นั่งยองๆ ข้างบนถังเหมือนกับเข้าห้องน้ำ เวลาปัสสาวะ ถังนี้ใช้งานได้อย่างดี นอกจากบางครั้งที่ซ่งฝูเซิงบ่นว่าเวลานั่งบนถังต้องให้ระวังอย่าให้ก้นเกินออกไปข้างนอกถัง ถังทำจากขวดน้ำแร่ ทั้งสะอาดและอนามัยดี เวลาทำความสะอาดก็ง่าย แค่ล้างแล้วเช็ดก็เหมือนกับของใหม่ทุกอย่าง
แน่นอนว่าทุกวันในตอนเช้า คนที่เอาไปเทก็คือซ่งฝูเซิง ธุระนี้เขาไม่ให้ซื่อจ้วงกับหนิวจั่งกุ้ยทำแทน เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวอย่างมาก
สกปรกไหม เหล่าซ่งคิดว่านี่ไม่ใช่สิ่งสกปรก
เพราะเป็นของลูกและภรรยาที่รักของเขาเอง และยังมีหมี่โซ่ว เป็นคนใกล้ชิดเขาทั้งหมด แค่เทถังฉี่ มีอะไรที่ต้องคิดว่าสกปรก
สาธยายมากไปแล้ว
เฉียนเพ่ยอิงนั่งลงทำธุระบนถังห้าลิตรของเขา เมื่อทำธุระเสร็จจึงเดินไปบนเตียงเตาของลูกสาว นางก้มลง ใช้มือคลำไปที่ผ้าห่ม ภายในผ้าห่มเหลือแต่พื้นที่ว่างเปล่าและอุณหภูมิอุ่นๆของร่างกายที่หลงเหลืออยู่
นางคิดว่าตัวเองรู้สึกไปเองว่ามีคนเดินออกไปข้างนอก
ลูกสาวไปที่ห้องอบขนมปังหรือ ตอนนี้เพิ่งกี่โมงเอง
เฉียนเพ่ยอิงใช้ผ้าห่มของซ่งฝูหลิงวางทับอีกชั้นบนร่างกายของหมี่โซ่ว นางเดินกลับไปที่เตียงเตาของตัวเอง ปีนขึ้นไปบนเตียง ซุกตัวลงในผ้าห่ม เฉียนเพ่ยอิงดึงผ้าห่มเข้ามาวางบนตัวอย่างระมัดระวัง และก่อนนอนทุกคืนเขาจะถอดเสื้อคลุมวางไว้บนเตียงเตา โดยใช้ความร้อนจากเตียงเตาทำให้เสื้อคลุมอบอุ่น เวลาหยิบมาใส่จะได้ไม่หนาว
แต่ข้างในห้องยังมืดอยู่ เฉียนเพ่ยอิงมองไม่ชัด ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรถึงจะไม่ทำให้ซ่งฝูเซิงตื่นขึ้นมา
ซ่งฝูเซิงปวดจี๊ดจนกัดฟัน แต่เพราะความง่วง ตาทั้งสองข้างจึงลืมไม่ขึ้น “ทำอะไรหรือ เจ้าทับผมข้าแล้ว”
จากสถานการณ์นี้ แต่ก่อนต้องเป็นคำพูดของเฉียนเพ่ยอิงที่พูด แต่ในยุคอดีตที่กลับเปลี่ยนเป็นคำพูดของซ่งฝูเซิง เพราะผมของเขาก็เริ่มยาวแล้วไม่น้อย
“ข้ามองไม่เห็น ข้ากำลังดึงเสื้อคลุม”
“เจ้าดึงเสื้อคลุมทำไมหรือ”
เฉียนเพ่ยอิงบอกว่า “ข้าจะออกไปดูลูกสาว ลูกสาวออกไปข้างนอกแล้ว เหมือนว่าจะไปที่ห้องทำขนม ข้าไม่วางใจ”
“หือ? ซ่งฝูเซิงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เขาใช้มือข้างหนึ่งขยี้ตาจากความง่วง อีกมือหนึ่งคว้าไปที่ไฟแช็คซึ่งวางอยู่บนขอบหน้าต่าง
เขาใช้มือกดไปหนึ่งครั้ง ไฟก็สว่างขึ้นมา เขารีบหลับตาเพื่อหลบแสงจ้า และพูดขึ้นมาว่า“นางไปซักเสื้อผ้าอีกแล้วหรือ”
“ไม่ใช่ ไปห้องอบขนม จะซักผ้าอะไรอีก ข้าพูดอะไรกับเจ้าก็เหมือนเป่าลม เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาแท้ๆ”
เฉียนเพ่ยอิงพูดจบ รีบใช้มือไปแย่งไฟแช็คจากซ่งฝูเซิง อาศัยไฟจากไฟแช็คจุดตะเกียงน้ำมันขึ้นมา
ตะเกียงน้ำมันนี้ซ่งฝูเซิงซื้อจากเมืองถงเหยาเจิ้น ไม่เช่นนั้นซ่งฝูกุ้ยจะตำหนิเขาหรือว่า เจ้าจะซื้อของพวกนี้ทำไม หลังจากที่แยกจากเหล่าสุ่ย ซ่งฝูเซิงก็เดินไปทั่วตลาด สุดท้ายก็เป็นอย่างที่เห็น รถของเขาเต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้าน
เขาซื้อตะเกียงสี่ดวง
ตะเกียงดวงแรกวางไว้ที่ห้องของลูกสาว และอีกหนึ่งดวงวางไว้บนระเบียงหน้าต่างห้องนอนของพวก อีกหนึ่งดวงวางไว้ที่ห้องของซื่อจ้วงกับหนิวจั่งกุ้ย และอีกหนึ่งดวงสุดท้ายให้ท่านย่าหม่า
บ้านท่านย่าหม่ามีตะเกียงอยู่แล้วหนึ่งดวง ตะเกียงดวงนั้นเป็นตะเกียงโบราณที่ซ่งฝูเซิงเอามาจากบ้านเก่า ระหว่างทางอพยพมาพวกเขาไม่ได้ทิ้ง
แต่ซ่งฝูเซิงเห็นว่าบ้านหลังนั้นมีคนอยู่หลายคน จึงซื้อให้เพิ่มอีกหนึ่งดวง
ตะเกียงน้ำมันจุดติดแล้ว เฉียนเพ่ยอิงใส่เสื้อคลุมอย่างรวดเร็ว แต่นางจะใส่เสื้อคลุมเร็วขนาดไหน ก็ยังไม่เร็วเท่าซ่งฝูเซิง
เขาลุกขึ้นนั่ง จัดเสื้อคลุมพับไปพับมาพันบนตัวเอง แล้วใช้มือสองข้างถูกันให้เกิดความอบอุ่นแล้วลูปไปที่ใบหน้า “ข้าจะไปเอง เด็กคนนี้จะอบขนมทำไมตั้งแต่เช้า
“ก็ใครที่ใช้นางไปหาเงินเล่า”
เฉียนเพ่ยอิงพูดขึ้นเบาๆ
เจ้าอย่าคิดเข้าข้างตัวเองไปเลย
นางไม่ได้ต้องการหาเงินช่วยเจ้า ลูกสาวเจ้าไม่สนใจเรื่องนี้แน่นอน
นางทำเพื่อ ‘ผม’
ย่าของนางไม่อยากใช้น้ำมันทาผมฆ่าเหา เพราะน้ำมันแพง ลูกสาวของเจ้าทำเพื่อบังคับให้ย่าสระผม จึงใช้วิธีการหาเงินมาเป็นแรงจูงใจท่านย่าชรา
ซ่งฝูเซิงหัวเราะออกมา เด็กคนนี้ช่างหาเรื่องจริงๆ ตอนกลางคืนเพิ่งดื่มน้ำนมวัวแรก มิน่า จึงใช้ผ้าโพกศีรษะตอนดื่มนม และยังใช้ผ้าพันหัวให้หมี่โซ่ว เหมือนกับท่านป้าไล่หมาป่าอีกด้วย
เฉียนเพ่ยอิงได้ยินดังนั้น ยิ่งรู้สึกว่าคงไม่มีวิธีแก้ปัญหาเรื่องนี้
“ลูกสาวเจ้าคงปล่อยผ่านไปไม่ได้…
…เจ้ามองไปที่นาง ดูความพยายามตอนนี้สิ ขนาดตอนที่นางจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย ยังไม่ตื่นแต่เช้าลุกมาอ่านหนังสือแบบนี้เลย…
…ทำไมพูดไม่ฟัง ข้าบอกนางแล้วอย่าทำขนมปังขาย มันลำบาก นางก็ไม่ยอมฟัง…
…ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ ทุกวันนี้นางไม่สนใจเรื่องอะไรเลย แต่ก่อนข้ายังเป็นห่วง มีวันไหนที่ต้องหาคู่ครอง นางจะเข้าใจผู้ชายบ้างได้ไหม และไม่รู้ว่านางจะดูแลปรนนิบัติแฟนได้อย่างดีหรือไม่สุดท้ายสิ่งที่นางไม่เคยลืม กลับเป็นเรื่องเหาที่อยู่บนหัว…
…นี่แหละลูกสาวของเจ้า คล้ายกับเจ้าไม่มีผิด มีเรื่องอะไรก็เก็บไปคิด ไม่ยอมปล่อยผ่าน”ซ่งฝูเซิงบอกว่า ลูกสาวข้าแล้วอะไรหรือ ลูกสาวข้าไม่คล้ายข้า จะให้เหมือนคนอื่นได้อย่างไร ข้าบอกเจ้าแล้ว ลูกสาวเราทำงานใหญ่ได้ คนที่ทำงานใหญ่ได้ มักจะเป็นคนที่เข้มแข็งและเด็ดเดี่ยว”
ขณะสองสามีภรรยาพูดกันเรื่องนี้ ซ่งฝูเซิงเอารองเท้าผ้าสวมเข้าเท้า ระหว่างที่จะออกจากบ้านก็ยังไม่ลืมบอกกับภรรยาว่า “เจ้ากลับไปนอนต่ออีกสักหน่อยเถิด”
เฉียนเพ่ยอิงยกมือขึ้นปฏิเสธ “ตื่นแล้วยังจะนอนอะไรอีก ข้าไม่นอน เสียเวล่ำเวลา จะมัวเสียเวลานอนซุกในผ้าห่มทำไม มีงานต้องทำอีกมากมาย”
ซ่งฝูเซิงค่อยๆ เปิดประตูออกมา ลมเย็นจากข้างนอกปะทะเข้าที่ใบหน้าของเขา ฝีเท้าของเขายิ่งก้าว ยิ่งเร็วขึ้น
เขาบอกว่าหลังจากที่ทำห้องอบขนมให้ซ่งฝูหลิงเสร็จแล้ว ซ่งฝูเซิงเพิ่งมาแค่ครั้งเดียว ครั้งนั้นที่เดินมาผ่านก็มาหลายวันแล้ว ตอนนั้นเตาอบเพิ่งทำเสร็จ เขาจึงเดินมาดูแค่ครู่เดียว หลังจากนั้นถึงแม้จะเดินผ่านก็ไม่ได้สนใจเข้าไปดู
ข้อแรกคือ มีเรื่องต้องยุ่งต้องทำมากมาย ข้อที่สองคือ นี่เป็นบ้านที่ผุพัง ใช่แล้ว จุดไฟแทบไม่ติด ยังเอาอิฐดินมาทำเตาอบอีก ของพวกนี้เอาไว้ให้เด็กๆ เล่นเถอะ
ดังนั้น เมื่อซ่งฝูซฺงมาถึงหน้าเตาอบ เขามองผ่านไปที่ช่องแตกของประตู ความรู้สึกแปลกใจกับสิ่งที่เขาเห็นข้างหน้า บอกตามตรงเขาตกตะลึงในสิ่งที่เห็นมากกว่า
มีหนูวิ่งเพ่นพ่าน จนลูกสาวต้องร้องตะโกนเสียงดัง
มันไม่ใช่แค่ห้องที่ดูจากข้างนอกว่าผุพังใช้งานแทบไม่ได้ ข้างในห้องก็ผุพังไม่ต่างจากข้างนอก
สิ่งที่ซ่งฝูเซิงเห็นก็คือ มองจากข้างนอกเป็นห้องผุพัง ข้างในใช้ดินเหนียวทำเป็นปล่องควัน ข้างในมีรูสำหรับไส่ฟืนและเปลวไฟกำลังลุกโชน คงกลัวว่าฟืนพวกนั้นจะมีฝุ่น ทั้งยังใช้น้ำรดบนดินเหนียว
และผนังห้องมักมีฝุ่นจากเถ้าถ่าน ลูกสาวเขายังรักความสะอาด จึงใช้ถุงครอบบนฟืนอีกชั้น
เตาหลายอันถูกจุดขึ้นมาพร้อมกัน ข้างในห้องอบอุ่นจนไม่รู้สึกถึงความเย็น
นอกจากนี้ซ่งฝูเซิงยังคิดไม่ถึงว่าลูกสาวของเขาทำโต๊ะสองตัวขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่
แน่นอน ไม่ใช่ว่าลูกสาวเป็นคนทำ ซ่งฝูเซิงคิดว่า การทำโต๊ะไม่ใช่เรื่องง่าย คนที่ทำได้ต้องมีทักษะช่างพอสมควร โต๊ะยาวหนึ่งตัว ขาข้างล่างใช้ไม้ทำเป็นเครื่องหมายบวกสลับคู่กัน
ของวางบนโต๊ะเป็นไข่ที่เขาซื้อมาตอนกลางวัน และยังมีกะละมังใส่นมสด ข้างๆ โต๊ะมีถังน้ำวางอยู่ ถังน้ำนี้น่าจะเป็นถังที่ลูกสาวเพิ่งถือออกมาจากบ้าน ตอนนี้ลูกสาวของเขายืนอยู่ด้านหน้าโต๊ะอีกตัว กำลังใช้มือกวนแป้ง
ซ่งฝูเซิงตั้งหน้าตั้งตามองไปที่ซ่งฝูหลิง มองไปที่ใบหน้าของลูกสาวซึ่งถูกแสงไฟจากเตาส่องไปที่ใบหน้าใบนั้น และยังมีตะเกียงน้ำมันที่ส่องแสงสว่าง จึงมองเห็นใบหน้าลูกสาวอย่างชัดเจน
ลูกสาวอันเป็นที่รักของเขา บนหัวมีผ้าลายดอกไม้สีชมพูโพกอยู่ ผ้าผืนนี้เป็นผ้าปูเตียงลายดอกไม้ที่เพ่ยอิงนำออกมาจากพื้นที่พิเศษ ลูกสาวได้นำมาโพกไว้บนหัว ผ้าสีชมพูบวกกับใบหน้าเรียวยาวของนาง ดูอย่างไรก็มีเสน่ห์
และเมื่อมองไปที่มือสองข้างที่เรียวเล็กของนาง สองมือทำงานได้อย่างคล่องแคล่ว เขาที่เป็นพ่อครัวยังคล่องแคล่วไม่เท่ากับนาง หากให้เขาทำน่าจะทำได้ไม่ดีเท่านางแน่
ท่าทางที่ลูกสาวกำลังกวนแป้ง ใช้มือสะบัดไปมาเหมือนผัดผัก คงกลัวเส้นเอ็นโตขึ้น
ซ่งฝูเซิงขยับจมูกฟุดฟิต กลิ่นหอมอ่อน ๆลอยมา สายตาของเขาจับจ้องไปที่เตาอบ
แสงไฟภายในเตาอบทำให้เห็นทุกอย่างอย่างชัดเจน
นอกจากสิ่งของที่ลูกสาวเตรียมไว้ ยังมีแผ่นเหล็กป้องกันไฟ มือสามารถควบคุมความแรงไฟได้ด้วน เด็กคนนี้ช่างฉลาดเหมือนได้พันธุกรรมของเขามา
ขนมปังถูกเอาเข้าไปในเตาอบแล้วหรือ อีกสักครู่คงน่าจะสุกพอดี
ถึงตอนนี้ ซ่งฝูหลิงเห็นพ่อของนางแล้ว
ซ่งฝูหลิงใช้เครื่องตีไข่อย่างระมัดระวัง ก่อนจะใช้งาน นางจะต้องมองซ้ายมองขวาเพื่อดูว่ามีคนอยู่ใกล้ๆ หรือแอบมองอยู่หรือเปล่า ตอนนี้ลองใช้ไปแล้ว และยังต้องคอยมองไปที่รอยแตกของผนังว่ามีคนยืนอยู่หรือไม่
“ไอ้หยา…ท่านมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ข้าตกใจหมดเลย”
ซ่งฝูเซิงผลักประตูเข้ามา หัวเราะอย่างภูมิใจ “มาได้สักพักแล้ว มาให้ข้าดู เจ้าจะทำการค้าขายดีหรือไม่ ถ้าทำยังไม่ได้ มาให้พ่อช่วยลงมือดีกว่า”
“ท่านพ่อ ข้าจะบอกกับท่านว่า” ซ่งฝูหลิงมองเห็นพ่อเดินเข้ามา รู้สึกดีใจและพูดอย่างตื่นเต้นว่า อีกสักครู่จะเสร็จแล้ว
“ทำอะไรหรือ ไข่ม้วนหรือ”
“ไม่ใช่ เป็นเค้กโบราณ”
“เค้กโบราณ ต้องสูงหลายชั้นไม่ใช่หรือ พิมพ์เค้กของเจ้ามีความสูงเพียงพอหรือ”
“สูงเพียงพอ ก่อนที่ข้าจะทำ ข้าคิดคำนวนดีแล้ว เค้กโบราณหรือเค้กชิฟฟ่อนต้องวางให้ซ้อนกันเป็นชั้น ตอนเอาออกไปขาย เมื่อโดนอากาศเย็นของหน้าหนาว ก็จะยิ่งมีความอร่อยมากขึ้น แผ่นรองพื้นขนมเป็นกระดาษมัน”
ซ่งฝูเซิงรีบเดินเข้าไปดูอย่างละเอียด “ข้างล่างไม่ใช่ใส่น้ำลงไปแล้วหรือ”
“อ๋อ…ถ้าไม่ทำอย่างนั้นคงไหม้เกรียมไปแล้ว ถ้ากินเข้าไปจะไม่มีความยืดหยุ่น นิ่มจนละลายในปากนะ”
หลังจากนั้นสองพ่อลูกก็ช่วยกันลงมือทำขนมเค้กอย่างขะมักเขม้น
ซ่งฝูซิงล้างมือเสร็จก็รีบเข้าไปช่วยลูกสาวทำเค้กโบราณ ถ้าเขาไม่แน่ใจในวิธีการจะรีบถามลูกสาว
ซ่งฝูหลิงแบ่งทำพื้นที่ว่าง จึงอยู่ข้างๆ กำลังตีเนย
เสียงสองพ่อลูกพูดคุยไม่หยุด พูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ เสียงจึงค่อยๆ เบาลงเพราะคุยเรื่องพื้นที่พิเศษ
ซ่งฝูหลิงบอกว่า
“มีดโกนหนวดของท่าน ใช้ถ่านหมดแล้ว จะมีคนชาร์จแบตให้อัตโนมัติ ทำงานเร็วกว่าท่านตั้งเยอะ…
…เครื่องตีไข่ของข้าก็เหมือนกัน แต่ก่อนเหลือแบตเตอรี่เท่าไหร่ ตอนนี้ใช้หมดก็ชาร์จแบตอัตโนมัติ ช่วยแก้ปัญหาได้เยอะ ไม่เช่นนั้น ข้าใช้มือตีไข่เอง ทำได้ไม่กี่เตา คงเหนื่อยตาย…
…รอพรุ่งนี้เช้า เครื่องล้างหน้า เครื่องแปรงฟันอัตโนมัติ ฮ่าๆๆ คงจะเหมือนกัน…
…และที่สำคัญคือ พื้นที่พิเศษของบ้านเรา มีสิ่งที่พิเศษมากกว่านั่นคือสามารถรักษาอุณหภูมิได้ เอาอาหารเข้าไปอย่างไร กลับออกมาก็ยังเป็นแบบนั้น คุณภาพคงที่ไม่มีเปลี่ยนแปลง ข้าจึงตีเนยทีละเยอะๆ แล้วเอาไปเก็บในพื้นที่พิเศษเพื่อเตรียมก่อนทำอาหาร ต่อไปก็ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องตีไข่บ่อยๆ ฮือๆ ช่างวิเศษเสียจริง”
ซ่งฝูเซิงบอกว่า “ยังดีที่พื้นที่พิเศษไม่ได้คิดคำนวณอย่างละเอียด…
…ตอนแรกข้าเริ่มกินพริก ยังคิดว่าเมล็ดพริกคงเพิ่มจำนวนออกมาไม่ได้ เพราะยังไม่กินเข้าไป…
…ต่อมาพบว่า พริก แอปเปิล เชอร์รี และองุ่น ฯลฯ จัดอยู่ในประเภทเดียวกัน พื้นที่พิเศษคงเข้าใจว่าเป็นของสิ่งเดียวกัน เมื่อกินหมดแล้วทั้งเนื้อและเมล็ดก็จะเปลี่ยนแปลง เจ้าดูตรงนี้สิ พื้นที่พิเศษคำนวณแบบละเอียดเกินไป”
สองคนพ่อลูกพูดกันไม่หยุด มีซ่งฝูเซิงช่วยงาน ถึงตอนที่จะเอาเครื่องปรุงลงกวน เครื่องปรุงทุกอย่างต้องเตรียมให้เสร็จเรียบร้อย ซ่งฝูหลิงรีบนำของที่เตรียมเสร็จไปวางไว้ในพื้นที่พิเศษก่อน
ในหลักการเดียวกัน หากทำเสร็จไม่รีบเอาไปอบก็จะใช้ไม่ได้ แต่ถ้าเอาไปวางไว้ในพื้นที่พิเศษคุณภาพก็ไม่เปลี่ยน ตอนเอาไปเก็บเป็นอย่างไร ตอนเอาออกมาก็เป็นอย่างนั้น ซ่งฟูหลิงตีเนยไปไม่น้อยและนำเครื่องปรุงทั้งหมดไปวางในพื้นที่พิเศษ เครื่องตีไข่ก็เหมือนกันเมื่อหันกลับมาสายตาของนางก็มีประกาย ท่านพ่อ ท่านดู ถ้าใช้เวลาไม่กี่วันทำของพวกนี้ทำเสร็จแล้วเอาไปวางในพื้นที่พิเศษและทุกเช้าท่านไปเอาออกมาได้หรือไม่ถ้าจะได้ไม่ต้องตื่นเช้ามาทำทุกวันแล้ว
เจ้าไม่ต้องก่อไฟทุกวันแต่มีขนมออกมาเสร็จสรรพอย่างนี้ เหมือนหลอกผีหรือไง ลูกสาว เจ้าฟังพ่อพูดให้ดี ถ้าเจ้าอยากขี้เกียจ เจ้าไม่ควรจะไปลงทุนร่วมกับท่านย่าของเจ้า อันแรกคือเจ้าคิดผิด ข้าบอกกับเจ้าตั้งแต่แรกแล้วไงว่าทำอย่างนี้ไม่ได้ แต่ว่าท่านย่าของเจ้าคงไม่เชื่อถ้าเตาอบไม่มีไฟนางต้องจับพิรุธได้แน่
หากท่านย่าหม่าได้ยินลูกสาวของเขาพูดจาลับหลังเช่นนี้ นางคงพยักหน้าสนับสนุน ใช่แล้วเป็นไปไม่ได้จะขายของกินแต่ไม่รีบตื่นแต่เช้า จะทำแบบนั้นได้อย่างไร
เช้ามืด ท่านย่าหม่าใช้สองมือหอบผ้าคลุมตัวยืนอยู่ตรงหน้าต่างใกล้กับซ่งฟูหลิง ตะโกนว่าพั่งยา พั่งยาใช่หรือไม่และตะโกนเรียกเฉียนหมีโซ่ว
หลานชายยังหลับไม่ตื่น เมื่อหลานชายสะดุ้งตื่นงัวเงียลุกขึ้นมาอิงตัวไปที่หน้าต่าง
ท่านย่าหรือ “หมี่โซ่ว ไปเรียกพี่สาวของเจ้าให้ย่าที”
เฉียเพ่ยอิงใส่รองเท้า เดินออกจากประตูไปบอกกับท่านย่า “พั่งยาไปตั้งแต่เช้าแล้ว”
ตอนนี้นางอยู่กับพ่อของนางที่ห้องอบขนม ดังนั้น ยังดีที่พั่งยาตื่นแต่เช้า พ่อของนางก็ไปหาตั้งแต่เช้า ถ้าไม่อย่างนั้น ไม่ช่วยทำงานแล้วนางเอาของส่งให้ไปเก็บไว้ที่พื้นที่พิเศษ จะต้องความลับแตกแน่นอน