ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 234
“ท่านพ่อ รองเท้า!” แคร๊ก แคร๊ก รองเท้าฝ้ายที่ผุพังทั้งสองข้างก็ถูกโยนเข้ามา
ซ่งฝูกุ้ยเป็นคนที่ช้าที่สุดแล้ว แต่เขาก็รีบ รีบจนใส่รองเท้าผิดข้างวิ่งออกมาด้านนอก
และยังมีผู้ชายร่างกายกำยำอีกหลายคน ลักษณะแต่ละคนไม่แตกต่างจากซ่งฝูกุ้ย
พวกเขาได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กๆ ครั้งแรกตกใจจนลืมรองเท้า วิ่งเท้าเปล่าออกมา แค่นั้นก็ยังรู้สึกว่า ทำให้เสียเวลาแล้ว
คนที่วิ่งอยู่ข้างหน้าแต่รองเท้าตกอยู่ข้างหลัง ต้องหันกลับไปเก็บรองเท้ายัดเข้าไปในเท้าเท่านั้น ทั้งโมโห โกรธจนอยากจะตาย
เด็กหนุ่มเกินครึ่งเหมือนคนบ้า บางคนหยิบของทุกอย่างในบ้าน เห็นอะไรก็รีบหยิบ รีบคว้าสิ่งนั้น ซึ่งทุกคนอยากกลับไปช่วยจัดการพวกมัน
หลานชายของท่านป้ากัวสองคนวิ่งไม่คิดชีวิตออกไป และก็หยิบฉวยของในบ้านติดมือ มีเสียม ขวาน ค้อน แม้กระทั่งเชือก ก็ถูกพวกเขาหยิบไปทั้งหมด ท่านป้ากัวจึงต้องหยิบไม้ฟืนส่งให้หลานชาย
หลานชายวิ่งออกไปแล้วก็วิ่งกลับมาเข้ามา เขาขมวดคิ้ว ถอนหายใจเร็วๆ ยกท่อนฟืนที่ยาวเรียวขึ้นดู ก่อนโยนกลับเข้าไปข้างใน “ท่านย่า ท่านเอาไม้ท่อนนี้ให้ข้าทำไม มันใช้งานไม่ได้” จากนั้นเขาจึงแบกไม้กระดานขนาดใหญ่วิ่งออกไปแทน คงจะเอาท่อนไม้ไปเป็นเขียงไว้หั่นหมูกระมัง
เหตุการณ์เพียงแค่พริบตาเดียว ทุกอย่างก็วุ่นวายขึ้นมาทันใด
คนร้อยกว่าคน ได้ยินว่ามีหมูป่าเข้ามาในรั้ว เหมือนกับนัดหมายกันไว้ก่อน ต่างคนต่างวิ่งกรูกันเข้าไป
ซ่งฝูเซิงส่งเด็กน้อยให้เฉียนเพ่ยอิงกอดไว้ จากนั้นเขาวิ่งกลับมาที่บ้านของตัวเอง ในบ้านมีมีดพกของลูกสาว เขาใช้มือหยิบขึ้นมาข้างเดียว รีบวิ่งออกไปข้างนอก เสื้อคลุมก็ลืมใส่ วิ่งตามไปไม่คิดชีวิต
ท่านลุงซ่งรู้สึกได้ว่าหมูตัวเดียวคงไม่พอกิน เขาจึงวิ่งตามซ่งฝูเซิงแล้วตะโกนเตือนว่า “บอกกับทุกคน ห้ามทำลายหัวหมูป่านะ”
หัวหมูป่ามีประโยชน์ ปีใหม่จะต้องใช้ไหว้บรรพบุรุษ ขึ้นเดือนสอง วันมะรืนถึงจะกินได้
แล้วยังพบว่าท่านลุงมีจิตใจกว้างขนาดไหน
ท่านลุงคิดว่าไม่มีอะไรที่ไม่น่าไว้วางใจ
ตอนที่ทุกคนอพยพหนีมากลับมาใช้ชีวิตใหม่ที่แตกต่างจากสิบปีก่อน ณ ที่แห่งนี้ มาเป็นชาวบ้านธรรมดา ซึ่งก็ไม่เหมือนเดิมแล้วจริงๆ
คนเรา เมื่อตกตะกอนทางความคิดแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่ปลงไม่ได้ ไม่ว่าจะลมพัดใส่ ฝนกระหน่ำผ่านพ้นไป ก็ไม่มีสิ่งไหนที่ไม่กล้าทำอีกแล้ว
ถ้ารู้ว่าระหว่างทางที่อพยพมาพวกเขาถูกใครตามไล่ล่าและจะถูกฆ่าให้ตายนับครั้งไม่ถ้วน แค่เรื่องล่าหมูป่าก็คงไม่ใช้ปัญหา
เป็นจริงเหมือนท่านลุงซ่งคิดไว้ ทุกคนก็มีท่าทีแบบนั้นเช่นกัน
ดังนั้น เมื่อซ่งฝูเซิงมาถึงจึงพบว่ามีหมูสองตัว น้ำหนักสี่ถึงห้าร้อยจิน ยืนนิ่งพร้อมให้ทุกคนเข้าไปรุมทำร้าย ถ้าไม่ใช่เจ้าตาย ข้าก็ต้องต้องเป็นรายต่อไป
ซื่อจ้วงขึ้นขี่อยู่บนหลังหมูตัวหนึ่ง บนพื้นมีไม้แตกเป็นเสี่ยงๆ น่าจะเป็นเพราะใช้ไม้ตีหมูตอนที่มีชีวิตอยู่
ตอนนี้เขาอยู่บนตัวหมู ใช้เชือกคล้องมัดไปที่คอหมูตัวนั้นที่กำลังบ้าคลั่งเพื่อหาทางเอาตัวรอด มองเห็นภาพนี้แล้วรู้สึกว่าช่างน่าเวทนาเหลือเกิน
ในละครสัตว์มีการแสดงของสิงโตตัวใหญ่ที่กำลังกัดไปที่ก้นของหมู กัดกินไปได้ครึ่งตัวแล้ว หมูป่าตัวนั้นยังดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด ภาพนั้นทำให้เขาคิดถึงเหตุการณ์ที่อยู่ต่อหน้านี้
ยังดีที่พวกเขามีคนอยู่เยอะ ซื่อจ้วงใช้เชือกรัดที่คอด้านล่าง มีชาวบ้านอีกสี่สิบกว่าคนล้อมหมูตัวนี้ไว้ พวกเขาใช้ตะขอไม้ขัดขา ใช้มีดปลายแหลมแทงไปที่ก้นของหมูตัวนี้ และยังมีบางคนใช้ขวานฟันไปที่ตัวหมูไม่ยั้ง
ตรงอีกฝั่ง หมูอีกตัวนั้นก็มีคนล้อมไว้เยอะกว่า
เพราะเป็นต่อสู้ พละกำลังไม่พอ คนหกสิบเจ็ดสิบคนพากันห้อมล้อมโจมตี เถียนสีฟาใช้ธนูยิงไปที่ขาหลังของหมูป่า เขาวิ่งตามหมูไปตลอดทางและบางครั้งลูกธนูที่เขายิงก็เปลี่ยนทิศ พุ่งออกไปทะลุบ้านของคนอื่น ทำให้หมูวิ่งวนจนไม่ไหว ไม่รู้จะวิ่งไปทางไหน เพราะวิ่งไปทางไหนก็ถูกมีดฟัน ไม้แทง ไล่ลงมาที่หลุม
เขาใช้มีดฟันฉับไปที่คอหมูหนึ่งครั้ง ทุกคนรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของหิมะ หิมะค่อยๆละลายออก ตัวหมูอ่อนลง เกาถูฮู่ตะโกนเสียงดัง “ไม่ต้องฟันแล้ว หนังหมูเอาไปขายที่ร้านยาได้ ฟันเบาๆ หน่อย”
ซ่งฝูเซิงเพิ่งคิดได้ถึงคำสั่งของท่านลุงซ่งที่บอกไว้ ต้องเก็บหัวหมูไว้ให้สมบูรณ์ ห้ามทำให้เสียหาย
เมื่อพูดเสร็จเขาก็ใช้มีดพกของลูกสาวแทงไปที่หนังหมูหนึ่งครั้ง และใช้มีดแทงซ้ำอีกครั้ง
รู้ไหมว่าหนังหมูหนาขนาดไหน มันหนาขนาดที่มีดเล็กของลูกสาวแทงลงไปเกือบมิดด้ามและดึงออกมาไม่ได้
ในขณะเดียวกัน หมูป่าก็ส่งเสียงร้องเพื่อขอความเห็นใจและดิ้นรนเอาตัวรอด เมื่อมันปีนขึ้นจากหลุมไม่ได้ มิหนำซ้ำในหลุมก็มีแต่น้ำแข็ง และที่สำคัญนอกจากน้ำแข็ง ยังมีคนอีกหลายคนล้อมอยู่ จะปีนขึ้นมาก็คงจะถูกแทงให้ตกลงไป
ในมือท่านยายหวังถือไฟ พยายมตีสั่งสอนหมูที่อยู่ในหลุม “บอกว่าอย่าร้อง ถ้าร้องอีกจะใช้น้ำด่างราดเจ้าให้ตายนะ ยอมแพ้ตรงนี้เถอะ ข้าจะได้ถลกหนังเจ้า”
ป้าใหญ่ของซ่งฝูเซิงด่าหมูป่า “เจ้าดู รั้วนี่ข้าเพิ่งทำเสร็จ แต่ถูกเจ้าวิ่งชนจนเป็นจนรูโบ๋ พวกเราต้องซ่อมใหม่อีกแล้ว เจ้านี่มันตัวทำลายล้างจริงๆ”
ป้าใหญ่ด่าเสร็จ ขมวดคิ้วถามท่านป้าทั้งหลาย “พวกมันทะลุเข้ามาได้อย่างไรกัน ดูจากเหตุการณ์นี้น่าจะเข้ามาไม่ได้ ถ้าตัวใหญ่กว่านี้อาจจะป้องกันไม่ได้”
หลายคนช่วยกันเก็บกวาดกำแพงที่พังลง ท่านลุงส่งรู้สึกสงสัย “พวกเราดื่มน้ำกันหน่อยเถอะ ตอนนี้พวกเราขุดหลุมแล้วฝังเสาแค่นั้น แค่วิ่งชนเสาก็ล้มแล้ว ยังคิดว่าถ้าเพิ่มอีกชั้นที่เป็นน้ำแข็ง แต่ชั้นน้ำแข็งยังแข็งไม่เต็มที่ มันก็บุกเข้ามาแล้ว”
มีหญิงสูงวัยหลายคนร้อง “โอ้แม่เจ้า ข้ากลัวเสียจริงๆ ยังดีที่ซ่งฝูเซิงยังคิดได้ก่อน ตอนนี้ลองคิดได้หนึ่งขั้น ต้องทำถึงขั้นที่สามแล้ว ถ้าพวกเราช้ากว่านี้ ไม่รีบขุดหลุม เด็กๆ จะยังดีอยู่หรือไม่”
คนที่มีความคิดไม่โลดโผนคงทำไม่เสร็จ อาจจะมีหมาป่ากับเสือและสัตว์ดุร้ายอย่างอื่นมาเยี่ยมถึงบ้านอีกแน่
ช่านช่าน เดินตามมาทีหลัง เขาเดินแกมวิ่งจากแม่น้ำ ซ่งจินเป่าร้องเรียก “หมูป่าตัวเป็นๆ หน้าตาอย่างไร รีบมาดูเร็วๆ เข้า”
เจ้าช่างกล้าเสียเหลือเกิน และยังพาพรรคพวกมาเต็มที่ เมื่อสักครู่ทำให้เด็กๆ ตกใจจนฉี่ราดขี้เล็ดอีก ยังมีหลายคนที่ยังอยู่เพื่อสังเกตการณ์ และเดินตามซ่งจินเป่าไปดูเรื่องสนุก
เฉียนเพ่ยอิงถามหมี่โซ่วอยู่ในอ้อมอก “เจ้าจะไปดูหรือไม่” หมี่โซ่วกอดคอท่านป้าแน่น
“ตกลง งั้นพวกเราก็กลับบ้าน ไปดูพี่สาวเจ้าสิว่าถูกทำให้ตื่นหรือยัง”
ซ่งฝูหลิงตื่นตั้งนานแล้ว นั่งบนเตียงเตา สายตาจ้องไปที่ประตู เฉียนเพ่ยอิงอุ้มเฉียนหมี่โซ่วเพิ่งกลับมา นางจึงถามว่า “ทำไมข้าถึงได้ยินว่า เห็นหมูไหม หมูอะไรหรือ มันลงมาจากภูเขาหรือ” เฉียนเพ่ยอิงยังไม่ตอบคำถาม หมี่โซ่วบอกว่า “พี่สาว ท่านคงไม่รู้ ข้าเกือบเป็นลมเพราะตกใจ ข้าคิดว่ามันน่าจะหลุดออกมาจากหลุม มันเข้ามากัดข้าด้วย”
ซ่งฟูหลิงนอนมากเกินไปจนตาบวมฉึ่ง นางยิ้มแล้วบอกว่า ที่ยิ้มเพราะไม่ได้มีเหตุผลอะไรและยังกดหมี่โซ่วไว้ที่เตียง บังคับหอมเขาฟอดใหญ่
หลังจากนั้นสองคนก็ตะโกนเสียงดัง
“พี่สาว พี่สาว ท่านทำแบบนี้ไม่ได้นะ ข้าเป็นผู้ชายนะ”
“เจ้าเป็นผู้ชายหรือ”
“ก็ข้าอย่างไรเล่า ข้า ข้าเป็นผู้ชาย”
เฉียนเพ่ยอิงหัวเราะไปด้วย และเดินไปที่ห้องทำกับข้าวเพื่อไปเอาน้ำร้อนที่ตั้งอยู่บนเตาเทใส่อ่างล้างหน้ามาให้ลูกสาวเพื่อล้างหน้า
ลูกสาวตื่นแล้ว ดูท่าคงจะนอนไม่หลับ แป้งกี่ใส่ไส้ อีกสักครู่ถึงจะเริ่มทำได้ ต้องทำไข่ตุ๋นก่อนและหุงข้าวก่อน
นางให้ลูกสาวกินไข่ตุ๋นโปะบนข้าวสวยรองท้องไปก่อน
คณะพรานล่าหมู่ป่าพากินเดินกลับมา ยิ้มไปด้วย หัวเราะไปด้วย คนนั้นพูดบ้าง คนนี้พูดบ้าง บรรยากาศคึกคักขึ้นมาเหมือนกับเทศกาลปีใหม่ และช่วยกันแบกหมูน้ำหนักสี่ร้อยถึงห้าร้อยจินกลับเข้าหมู่บ้านมาอย่างร่าเริง