ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 241-2
ท่านย่าหม่ากล่าวขึ้น “เมื่อข้าซื้ออิฐกลับมาแล้ว ทําเตาจนเสร็จเรียบร้อย พวกเจ้าก็ไม่ต้องทำงานอื่นแล้ว”
หลายคนที่คุกเข่าอยู่อดไม่ได้ที่จะเบนสายตามองไปยังซ่งฝูเซิง
ซ่งฝูเซิงยืนมองอยู่ตรงประตูเพื่อดูสถานการณ์
“พั่งยาจะสอนวิธีทําเค้กให้กับพวกเจ้า รู้หรือไม่ว่าได้รับการถ่ายทอดงานฝีมือนี้หาโอกาสได้ยากเพียงใด? พวกเจ้ารู้ไหมว่างานฝีมือนี้จะสามารถทําให้อนาคตของพวกเจ้ามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จะสอนให้พวกเจ้าทำเป็น…”
ท่านย่าหม่าเริ่มพูดต่อไปไม่ไหวแล้ว ได้แต่ปลอบใจตนเองอย่างเงียบๆ ไม่เป็นไร คนพวกนี้ไม่มีทางที่จะหักหลังนางได้ คงไม่ถ่ายทอดฝีมือนี้ออกไปให้คนนอกได้รับรู้
นางจะคอยสังเกตแต่ละคนอยู่บ่อยๆ หากใจกล้าเกิดความโลภขึ้นมา ยกตัวอย่างเช่น ต้ายา เอ้อร์ยา เมื่อถึงตอนนั้นนางก็จะไม่ยอมให้พวกนางได้แต่งงานออกไป
อีกอย่าง หลานสาวคนเล็กก็พูดถูก หลานสาวได้ศึกษาวิธีทำเค้กวันเกิดแล้ว ไม่เป็นไร อันนั้นยิ่งดีมากกว่า ถ้าเกิดมีข่าวรั่วไหลออกไปก็ไม่มีทางที่จะทำได้เกินหน้าเกินตานางกับหลานสาวคนเล็กคนนี้ได้
“ถ้าพวกเจ้าไม่รู้คุณค่าว่ากว่าจะได้เรียนวิธีทำนี้ได้มันยากแค่ไหน ข้าจะอธิบายกับพวกเจ้าอย่างละเอียด ถ้าพวกเจ้าทําเค้กได้หนึ่งเตา ก็จะให้เงินพวกเจ้าแปดเหวิน พวกเจ้าไม่ใช่คนโง่ ในวันหนึ่งคนหนึ่งสามารถทําเค้กได้อย่างน้อยสิบเตา หนึ่งคนจะมีเงินแปดสิบเหวินต่อวัน ในหนึ่งเดือนเต็ม พวกเจ้าอย่างน้อยหนึ่งคนก็จะได้รับเงินสองตําลึงครึ่ง”
“ท่านแม่” จูซื่อคุกเข่าลงข้างเอ้อร์ยา นางมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรวดเร็วมาก เงยหน้าอันแดงก่ำกล่าวอย่างตื่นเต้น “ท่านแม่ ทำไมท่านไม่ให้ข้าทำด้วย”
ท่านย่าหม่าทำตาเหลือกใส่ “รีบไสหัวไปซะ”
“ท่านแม่ ข้าไม่ลุกขึ้น” นี่เป็นครั้งแรกที่ให้จูซื่อออกไป แต่จูซื่อยังอยากจะคุกเข่าต่อไป
ซ่งฝูสี่เตะก้นภรรยาไปหนึ่งทีทำให้จูซื่อล้มลง หลังจากนั้นเขาก็ถลึงตาใส่นาง จูซื่อจึงจำใจลุกขึ้นอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
ท่านย่าหม่าไม่ค่อยพอใจนักที่จูซื่อขัดจังหวะการอบรมของนาง จึงถลึงตาใส่ก่อนจะเอ่ยต่อ “เถาฮวา ต้ายา เอ้อร์ยา พวกเจ้าสามคน ปีหน้าก็ต้องแต่งงานแล้ว หากโลภมาก กล้านำงานฝีมือที่ทำเป็นอาชีพที่พั่งยาสอนให้บอกคนภายนอก ตั้งแต่นี้ไปพวกเจ้าจะไม่มีครอบครัวทางฝั่งนี้คอยช่วยเหลืออีก...
…และอย่าคิดว่าข้าพูดเล่นๆ อีกสักครู่ให้กรีดนิ้วจนเลือดออกแล้วประทับรอยนิ้วมือไว้ คนที่เป็นพ่อกับแม่ก็ต้องปั๊มรอยนิ้วมือไว้เช่นเดียวกัน”
ขณะที่นางพูด นางก็หยิบมีดทําครัวที่วางอยู่ด้านหลังนางออกมา
“ท่านย่า” ใบหน้าของซ่งฝูหลิงแดงก่ำ สองมือโบกไปมา นางอ้ำอึ้ง ไม่ต้องถึงขนาดนี้ก็ได้ นี่จะทําอะไรกันน่ะ
ทำอะไร?
เพื่อยับยั้งเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้นได้
“ลูกสะใภ้ใหญ่ ข้าไม่รู้ว่าในอนาคตเจ้าจะสามารถตามหาครอบครัวของแม่เจ้าเจอหรือไม่ แต่ข้าต้องขอพูดก่อน หากเจ้าหาเจอ ถ้าเจ้ากล้าเปิดเผยวิธีทําเค้กให้คนนอกรับรู้ ข้าจะให้ลูกคนโตของข้าหย่ากับเจ้า ตระกูลซ่งไม่ต้องการลูกสะใภ้แบบนี้ ลูกสาม อีกสักพักเจ้าเขียนกฎข้อนี้ไว้ด้วย”
ซ่งฝูเซิงรู้สึกกระดากใจต้องมาเขียนกฎที่ให้พี่ชายใหญ่หย่ากับพี่สะใภ้
“อิ๋นเฟิ่ง”
“ท่านแม่”
“ช่วงนี้เจ้ายังต้องไปส่งของกับข้าอีก”
“รับทราบ”
“แต่เมื่อสร้างเตาเสร็จแล้ว เจ้าก็ต้องเรียนรู้วิธีทำจากพั่งยา หลังจากนั้นเจ้าก็ไม่ต้องไปส่งของแล้ว แต่ถ้าเจ้ากล้า?”
“ท่านแม่ ข้าไม่ทำเช่นนั้นแน่ ข้าขอสาบานด้วยอายุขัยของข้าเอง” ซ่งอิ๋นเฟิ่งโขกศีรษะลงกับพื้น นางไม่อยากได้ยินจากปากของท่านแม่อีกว่า ต่อไปจะไม่มีครอบครัวของฝั่งนี้ แม้ว่าจะเป็นการยกตัวอย่างก็ตาม แต่นางก็ไม่อยากจะได้ยินอีก
อีกทั้งนางยังดึงบุตรสาวพูดกับลูกด้วยน้ำตา “เถาฮวา แม่อยากให้เจ้าสาบาน อย่าคิดว่าคําพูดนี้ของท่านยายดูเหมือนจะโหดร้าย ท่านยายให้พวกเราเรียนวิธีทำเค้กก็เพื่อให้พวกเรามีบ้านอยู่อาศัย ใช้ชีวิตได้ดี ไม่แย่ไปกว่าคนอื่น ท่านยายรักเจ้านะ”
“ท่านยาย ข้าไม่ทำเช่นนั้นแน่ ข้ากับท่านแม่รู้ว่าท่านดีกับพวกเรามาก แล้วยังต้องขอบคุณน้องพั่งยาด้วย” เถาฮวารีบโขกศีรษะลงกับพื้นทันที
เถียนสี่ฟาก็ก้าวเท้าไปยืนอยู่ข้างหน้าเช่นกัน “ท่านแม่” เรียกท่านแม่ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้งและหันหน้าไปมองซ่งฝูเซิง
ซ่งฝูเซิงตบไหล่พี่เขยเบาๆ พลางส่งรอยยิ้มให้ หมายความว่ าไม่เป็นไรแล้ว แค่สอนทำเค้กจะเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร ครอบครัวเดียวกัน ไม่จําเป็นต้องทำเช่นนั้น
ท่านย่าหม่าเห็นเหตุการณ์นี้แล้วก็ทําให้นางเสียจังหวะ แสร้งทำตัวโหดร้ายไป
นางถอนหายใจยาวๆ เอ่ยกับเถาฮวา ต้ายาและเอ้อร์ยา ด้วยคำพูดที่นางเคยสอนซ่งฝูหลิงไป
“ในอนาคตของพวกเจ้าจะเป็นอย่างไร แม้ว่าจะหารายได้มาให้ครอบครัวของแม่สามีก็อย่าได้เปิดเผยวิธีการทำงานฝีมือนี้ออกไป ทํางานหาเงินให้มากหน่อย…
…อีกอย่างหนึ่ง ต้ายา เอ้อร์ยา ย่าให้เจ้านำเงินครึ่งหนึ่งมอบให้ครอบครัว ส่วนที่เหลือพวกเจ้าทําได้มากแค่ไหนก็เอาไปตามที่ทำได้ นำมาเก็บไว้ เตรียมเป็นสิ่งของที่ไว้ใช้ในงานแต่งงานเองเหมือนกับพั่งยาเลย มีของอร่อยกิน มีเสื้อผ้าดีๆ สวมใส่ ย่าพูดได้ก็ทําได้…
…ลูกสะใภ้ใหญ่ เจ้าก็เช่นเดียวกัน มอบเงินครึ่งหนึ่งให้กับครอบครัวก็พอแล้ว”
ท่านย่าหม่ายังถามลูกสะใภ้ใหญ่เหอซื่อว่า “เจ้ายังคงคิดถึงครอบครัวทางฝั่งพ่อแม่ของเจ้าอยู่ซิ มีใครบ้างที่ไม่มีครอบครัว ก็มีพ่อแม่ที่คอยเลี้ยงดูลูกจนเติบใหญ่…
…ถ้าสวรรค์มีตาให้โอกาสเจ้าได้พบกับพ่อแม่และพี่น้องอีกครั้ง เจ้าก็นำเงินที่เก็บได้ครึ่งหนึ่งนั้นนำมามอบให้ครอบครัวของแม่เจ้าทั้งหมด ข้าจะไม่พูดอะไรอีก หรือลูกสะใภ้ใหญ่จะหาเงินเพิ่มเพื่อนำเงินมาจ้างคนช่วยค้นหาพวกเขาก็ได้”
“ท่านแม่” เหอซื่อพลันร่ำไห้ขึ้นมาแล้วโขกศีรษะลงกับพื้น “ขอบคุณท่านแม่ ขอบคุณท่านแม่มาก”
ซ่งฝูไฉได้ยินภรรยาร้องไห้ ใบหน้าฉายแววยินดี แต่ดวงตากลับแดงก่ำ นี่เป็นเรื่องที่ภรรยาของเขากังวลใจมากมาโดยตลอด มันเป็นเรื่องที่เขารับรู้ตลอดมา แท้จริงแล้วเขาก็เป็นห่วงครอบครัวของพ่อตา พ่อตาของเขาไม่เหมือนกับทางบ้านแม่ของจูซื่อภรรยาของน้องชายคนรอง
จูซื่อกับครอบครัวฝั่งมารดาของนางไม่ได้ไปมาหาสู่กันมาหลายปี
แต่ทางบ้านพ่อตาของเขา ตระกูลเหอ ในแต่ละปีที่หาปลามาได้ก็มักจะส่งปลาหลายตัวมาให้ภรรยาของเขาและดีกับเขามาก
ปัญหาเรื่องกําลังคนตอนนี้เพิ่มจำนวนคนเข้ามาชั่วคราวโดยได้รับการยืนยันในการประชุมครั้งแรกของครอบครัวตระกูลซ่ง
วันรุ่งขึ้น ท่านย่าหม่ากับซ่งอิ๋นเฟิ่งก็ออกเดินทาง ครั้งนี้หลังจากที่พวกนางไปส่งเค้กยี่สิบสามหม้อเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ไม่ได้รีบร้อนกลับบ้านอีก
สองคนแม่ลูกเดินทางมาถึงตลาด
จะเห็นได้ว่าสองแม่ลูกหยิบป้ายขนาดใหญ่จากบนรถเข็นออกมาตั้งไว้ บนป้ายเขียนว่า รับซื้ออิฐขาวในราคาสูง
นี่เป็นข้อเสนอแนะที่ซ่งฝูหลิงออกความเห็น
ซ่งฝูหลิงบอกกับย่าของนาง ซื้ออิฐขาวไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ท่านต้องจำคําพูดสองประโยคนี้ของหลานสาว
สิ่งแรกเลย คือเรื่องอะไรที่สามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยเงิน นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่
สอง จะต้องมีความกล้าที่จะปลุกระดมกลุ่มคน
ท่านตะโกนบอกลดราคาลงที่ไหน กลุ่มฝูงชนก็จะพากันแห่ล้อมมา
เหตุผลเดียวกัน ถ้าท่านตะโกนรับซื้อสิ่งของในราคาสูงที่ไหน ผู้คนก็จะแห่พากันมาอย่างแน่นอน