ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 244
พวกผู้ชายหลายคนที่ยืนฟังอยู่ด้านนอกไม่เข้าใจความหมายของคำว่า ความหวัง แต่สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนเมื่อยามได้ยินเสียงของเด็กๆ ท่องหนังสือพร้อมกัน แต่ละคนก็รู้สึกอบอุ่นใจ
“พวกเจ้าไปหาบน้ำ มายืนทําอะไรกันอยู่ตรงนี้ มัวแต่ชักช้าอืดอาด” ลุงซ่งออกมาจากโรงพริกแล้วเอ่ยขึ้นมา
“นั่นไง ท่านลุง ท่านได้ยินหรือไม่? ท่านรีบมาฟังสิ”
“…มา” เป็นช่วงจังหวะที่ไม่ดีที่พวกเด็กๆ ท่องมาจนถึงคำสุดท้ายแล้ว พวกเขาท่องไปสี่รอบแล้ว ต้องพักหายใจบ้าง พี่พั่งยาคอยดูแลจัดหาน้ำให้พวกเขาดื่ม
หรือจะพูดได้ว่า ท่านลุงซ่งไม่ได้ยินอะไรเลย “…”
เขาอยากจะเตะพวกชายฉกรรจ์นี้สักที “รีบไปทํางานโดยเร็ว ไม่ตั้งใจทํางานจะหักคะแนนงานของพวกเจ้า!”
“รับทราบ” หลังจากที่พวกเขาโดนตำหนิ พวกเขาก็รีบยกถังน้ำขึ้นทีละถัง ทยอยเดินกันไปยังโรงปลูกพริกด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
ในขณะเดียวกัน ด้านฝ่ายผู้หญิงก็กำลังทําดินผสมไว้ฉาบสิ่งก่อสร้างกับถักเสื่อด้วยตนเอง พวกนางกำลังยุ่งอยู่กับงานที่ทำ
ตอนนี้ดินผสมที่จะต้องเอามาก่อสร้างยังคงทําอยู่ แม้ว่าตั่งจะสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผนังเตาผิงก็สร้างเสร็จสมบูรณ์ ตอนนี้เสื่อก็มีมากพอสำหรับใช้แล้ว
แต่ถ้าจะทำตามคําพูดนี้ของซ่งฝูเซิงกับท่านลุงซ่งก็คือ
เรื่องนี้ไม่ต้องเป็นกังวลว่ามันจะมีมากเกินไป ต้องรีบสร้างบ้านช่วงเริ่มฤดูใบไม้ผลิ ถ้าเกิดอยากได้อะไร แต่ขาดแคลนขึ้นมาจะลำบาก พวกเราเริ่มต้นด้วยสองมือเปล่าตั้งแต่แรก ต้องเริ่มทำสะสมทีละเล็กทีละนิดเพื่อเตรียมความพร้อมล่วงหน้าไว้ก่อน
ตอนไหนที่ได้นำดินกับหญ้ามา ก็จะนําไปทําเป็นเสื่อ ผสมดินสำหรับก่อสร้าง รวมทั้งดินเหนียวที่เหลือจากการเผาอิฐก็ทำกันไปเรื่อยๆ
อย่าว่าแต่พวกผู้หญิงนี้เลย แม้แต่พวกชายฉกรรจ์ก็ทำงานเผาถ่านอยู่ข้างนอกไม่ได้หยุดพัก ท่ามกลางอากาศอันหนาวเหน็บ
อย่างไรก็ตาม คงจะเผาถ่านได้ต่อไปอีกไม่กี่วันเพราะไม่สามารถเผาไม้จนหมดได้ ต้องเก็บกักตุนไว้บ้างเพราะต้นไม้ที่ตัดมีจำนวนจำกัด จำเป็นต้องเก็บไว้ส่วนหนึ่ง
ดังนั้นคาดว่าเด็กๆ จะหยุดทํางานก่อนพวกผู้หญิง
วันนี้เหอซื่อทํางานอย่างขยันขันแข็งเป็นพิเศษ นางตื่นแต่เช้าก็ลุกมาทำงานแล้ว
นางเป็นคนแรกที่มาถึง ส่วนเถาฮวามาเป็นคนที่สอง
ทั้งสองคนมองสบตากันด้วยรอยยิ้ม เถาฮวาทักทายท่านป้าใหญ่ก่อนจะนั่งลงบนตั่งที่มีเสื่อปูรองไว้แล้วเริ่มถักเสื่อ
เหอซื่อไม่พูดอะไรอีก นางเริ่มนำดินมาทําเป็นก้อนอิฐ วางไว้อยู่ด้านข้าง
สองคนนี้ต่างคิดในใจว่า วันนี้จะตั้งใจทําผลงานออกมาให้ดี ให้คนที่ทํางานด้วยกันเห็นว่าเราไม่ได้ทํางานน้อยไปกว่าคนอื่น จะได้ไม่มีใครมานินทาลับหลังได้
ถ้าทำเช่นนี้แล้ว ตอนเที่ยงก็สามารถหยุดพักงานได้เร็วหน่อย ช่วงหยุดพักสามารถออกไปต้อนรับท่านย่าหม่ากับซ่งอิ๋นเฟิ่ง
ส่วนจูซื่อหลังจากวุ่นวายใจมาตลอดทั้งคืน ตอนนี้นางก็คิดได้แล้ว
ต่อให้คิดไม่ได้ก็ไร้ประโยชน์
เมื่อคืนนางนอนอยู่บนเตียง คลุมผ้าห่มผืนเดียวกันกับซ่งฝูสี่ นางบ่นพึมพําว่าท่านย่าของจินเป่าลําเอียง คอยใช้แต่พี่สะใภ้ใหญ่ ไม่ยอมใช้นาง นางจึงโดนซ่งฝูสี่ต่อยไปหนึ่งหมัด
นางเกือบจะร้องด้วยความเจ็บปวด ราวกับถูกทุบที่ซี่โครงแปดซี่ ตอนนั้นร่างกายเจ็บจนต้องขดตัว
ซ่งฝูสี่กลับไม่ถามสักคํา เมื่อเขาเห็นนางเจ็บเช่นนั้น เขาก็พลิกตัวนอนและพูดออกมาว่าถ้าไม่นอนก็ไสหัวออกไป ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ถ้ายังกล้าพูดจาไม่ดีกับแม่ของข้าอีก ข้าจะถีบเจ้าลงพื้น
หลังจากนั้นจูซื่อก็หยุดไปสักพัก
อีกอย่างนางก็เคยคิดคํานวณบัญชีไว้ นางมีความคิดเป็นของตัวเอง
จูซื่อคิดในใจ ต้ายาเอ้อร์ยาเป็นลูกสาวแท้ๆ ของนาง ท่านย่าหม่าก็พูดไว้ให้นำเงินครึ่งหนึ่งส่งมอบให้กับครอบครัว
ถ้าเช่นนั้นเงินที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งของต้ายาเอ้อร์ยา นางก็สามารถเอามาเก็บไว้ได้
เงินครึ่งหนึ่งของเด็กทั้งสองคนได้เท่าไร? หากเป็นไปตามที่ท่านย่าหม่าบอกเมื่อวาน คนหนึ่งทำงานเต็มเดือนก็สามารถหาเงินได้สองตำลึงกว่า มอบเงินครึ่งหนึ่งให้ครอบครัวจำนวนหนึ่งตำลึงกว่า ลูกสาวสองคนของนางถูกเลือก ในเดือนหนึ่งนางก็จะได้รับเงินสองตําลึงครึ่ง
เงินก้อนนี้เป็นเงินที่เหลือเพื่อเก็บสะสมไว้ ดีกว่าที่นางทำงานหาเงินโดยที่ต้องใช้คะแนนการทำงานเพราะมันเป็นเงินอาหารส่วนกลาง นางทำงานได้เงินมาก็ต้องมามอบให้กับท่านย่าหม่า
จูซื่อเพียงแค่ได้คิดว่า ทุกเดือนนางจะได้ถือเงินจำนวนสองตําลึงกว่าอยู่ในมือ โดยที่ท่านย่าหม่าไม่สนใจที่จะจัดการกับเงินจำนวนนี้ นางก็รู้สึกตื่นเต้น
เมื่อคืนนางตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ นางโตมาขนาดนี้แล้วยังไม่เคยถือเงินจำนวนสองตําลึงกว่าเลย หลังจากนี้ในแต่ละเดือนก็เก็บเงินเดือนละครั้ง
วันนี้เมื่อจูซื่อพบว่าพี่สะใภ้ใหญ่ลุกขึ้นมาทํางานแต่เช้า แววตาของนางก็เป็นประกาย นางเดินเข้าไปถามด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้ ทําไมวันนี้ท่านมาถึงแต่เช้าเลย? คนอื่นยังไม่มาเลยนะ เถาฮวา เจ้าทําเพื่ออะไรกัน?”
พี่สะใภ้ใหญ่ไม่สนใจนาง ตอนนี้พี่สะใภ้ใหญ่มักจะพูดคุยกับน้องสะใภ้สาม ยิ่งนานวันก็ยิ่งไม่อยากจะมีปฏิสัมพันธ์กับน้องสะใภ้สอง
แต่เถาฮวาไม่สามารถทำเป็นไม่สนใจป้ารองได้
นางพูดตามตรงว่า อยากเลิกงานไวๆ จะได้ไปรับท่านยายกับท่านแม่ คอยช่วยเข็นรถเข็น แต่ตอนนี้พวกเรายังต้องทำงานจึงไม่อยากให้ลุงสามลําบากใจ นางจึงออกมาทํางานเร็วหน่อย ทำงานให้ได้มากขึ้นเพื่อคนอื่นจะได้ไม่คิดว่านางกําลังเกียจคร้าน
จูซื่อคิดในใจ ดูภายนอกไม่ออกจริงๆ แต่ละคนรู้จักแบ่งเวลาเก่งเหมือนกัน
“ต้ายาเลิกซักผ้าได้แล้ว เอ้อร์ยาเจ้ามัวแต่ทำอะไรอยู่อีก”
เอ้อร์ยากำลังหอบฟืนเดินผ่านนางไปพอดี จูซื่อจึงดึงหูเอ้อร์ยาไว้
“เจ้าดูพี่เถาฮวาสิ เจ้าสู้พั่งยาไม่ได้แล้วยังจะสู้เถาฮวาไม่ได้อีกหรือ รู้จักแต่กินกับนอน ดูคนอื่นสิ เขาฉลาดกว่ามาก...
…ไปซะ พวกเจ้าสองคนทำให้ไวหน่อย วันนี้รีบทํางานที่อยู่ในมือให้เสร็จแล้วจะได้ไปรับย่าของพวกเจ้าก่อนหน้าเถาฮวา…
…พวกเจ้าสองคนช่างโง่เง่านัก ทําไมถึงไม่ใช้ความคิดบ้าง เจ้าจะส่งเงินให้ครอบครัวไปเท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของย่าเจ้า เจ้าสองคนทำไมไม่รู้จักคิดบ้าง” นางพูดจบก็ปล่อยหูเอ้อร์ยาแล้วหันมาตบหลังต้ายาหนึ่งที
ไม่มีใครคิดว่าต้ายากับเอ้อร์ยาโง่ แต่จูซื่อกลับรู้สึกว่าลูกสาวสองคนของนางโง่เง่าจะตาย
ในเวลานี้จึงมีเหอซื่อเป็นคนนําตามด้วยเถาฮวา ต้ายากับเอ้อร์ยาทั้งหมดหยุดงานที่กำลังทำอยู่ในมือ
เหอซื่อชี้ไปที่แถวของก้อนดินที่วางตากอยู่ ก่อนเอ่ยขึ้นว่า วันนี้นางทําไปแค่นี้ น่าจะเพียงพอแล้ว นางต้องการพักผ่อนแล้ว
เถาฮวาสองมือจับชายเสื้อกันหนาวด้วยสีหน้าแดงก่ำพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเบา “ข้าก็ถักเสื่อมาห้าผืนแล้ว อยากจะพักก่อนสักหน่อย”
ภายใต้สายตาที่บีบคั้นของจูซื่อ ต้ายากับเอ้อร์ยาก็บอกว่า พวกนางเองก็ทําไปไม่น้อย แล้ว ทํางานมากกว่าปกติ
แท้จริงแล้วในหมู่พวกผู้หญิงที่ทำงานในรอบนี้ไม่มีหัวหน้าคุมงาน ก่อนหน้านี้ก็ไม่มี
ซ่งฝูเซิงขี้เกียจมาคอยควบคุม ท่านลุงซ่งก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับเรื่องนี้นัก
ท่านลุงซ่งคิดว่าไม่จําเป็นต้องแต่งตั้งใครเป็นหัวหน้าคุมงาน เพราะรวมกลุ่มคนเหล่านี้ก็มีซ่งฝูเซิงเป็นผู้นำมิใช่หรือ จะแต่งตั้งหัวหน้าแยกไปต่างหากทำไมกัน ทั้งหมดฟังซ่งฝูเซิงก็ถูกต้องแล้ว
กล่าวอีกนัยหนึ่งว่า ถ้าพวกนางจะลางาน จะต้งลากับใคร? ไม่มีใครดูแลเรื่องนี้ เพียงแค่แจ้งให้ทราบและดูว่าพวกนางไม่ได้ขี้เกียจ หลังจากนั้นแล้วก็สามารถเดินออกไปได้เลย
ลูกสะใภ้คนเล็กของท่านยายหวังกล่าวขึ้น “พี่สะใภ้ไปเถอะ วันนี้ตอนเช้าท่านมาเมื่อไหร่กัน ข้ายังอยากจะถามท่านอยู่เลย นี่ข้าทำเอง ท่านทำก้อนดินจัดเรียงไว้เต็มไปหมดแล้ว”
ผู้หญิงหลายคนทำงานด้วยและพูดไปด้วย “ไปสิ ไปทําสิ่งเหล่านี้กัน คงต้องเหนื่อยอีกแล้ว”
มีเพียงหลี่ซิ่วที่มีสายตาเปล่งประกาย
ขณะที่คนอื่นกําลังก้มหน้าทํางานอยู่นั้น นางก็ฉวยโอกาสที่คนอื่นไม่ทันสังเกตจงใจขยับตัวมาที่ประตู นางมองด้านหลังของเหอซื่อกับเถาฮวาที่รีบออกไปอย่างรีบร้อนด้วยอารมณ์เหม่อลอย
บนถนนด้านนอกของหมู่บ้าน เมื่อมองไกลออกไปก็เห็นพวกท่านย่าหม่ากำลังเข็นรถบรรทุกอิฐ เหอซื่อก็รีบวิ่งออกไป
“ท่านแม่!”
นางขอบคุณแม่สามี ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ที่ท่านย่าหม่าพูดประโยคนั้นไป นางก็รู้สึกขอบคุณแม่สามีมาก นางไม่เคยรู้สึกอบอุ่นใจมากกว่านี้มาก่อน
อีกทั้งบางเรื่องก็เพียงแค่ปรับเปลี่ยนมุมมองทางความคิด
เมื่อก่อนที่เคยครุ่นคิดกังวลใจเป็นอย่างมาก พอได้เปลี่ยนมุมมองทางความคิดก็ทำให้เข้าใจได้มากขึ้น
เมื่อคืนเหอซื่อก็นอนไม่ค่อยหลับ นางครุ่นคิดแต่ว่า ถ้านางเป็นท่านย่าหม่าในสถานการณ์ที่กําลังรีบร้อนเพื่ออพยพหลบหนีเอาตัวรอด นางก็คงจะตบหน้าตนเองไปสักฉาดใหญ่ คนเป็นแม่จะไม่ยอมให้เรื่องอะไรหรือทางบ้านของลูกสะใภ้ มาทำให้ลูกชาย หลานชายเสี่ยงอันตราย ในช่วงสถานการณ์อันคับขัน
“ท่านยาย ท่านแม่” เถาฮวาก็วิ่งตามหลังท่านป้าใหญ่มา
ต้ายา เอ้อร์ยา “ท่านย่า ท่านป้า”
เมื่อท่านย่าหม่าได้ยินเสียงว่ามีคนมา นางก็ถึงกับถอนหายใจ ในที่สุดก็มีคนมารับหน้าที่เข็นรถแล้ว ตอนนี้นางนั่งลงบนพื้นอย่างหมดแรงโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
นางเมื่อยล้าจนแขนทั้งสองข้างไร้เรี่ยวแรงจนไม่สามารถยกขึ้นมาได้