ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 251
ท่านย่าหม่ามองเพื่อนสาวทั้งเจ็ด นางพยักหน้าพร้อมกับเอ่ยขึ้น
“ถ้าตัดสินใจไปแล้วก็ห้ามถอยหลัง พวกเรามาเริ่มพูดเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า…
… เมื่อวานข้าสอบถามลูกสามว่าจะไปเมืองเฟิ่งเทียนและเมืองอื่นๆ เพื่อขายกุยช่ายขาวเมื่อไหร่ เขาบอกว่าอีกสามวันให้หลัง…
…ถ้านับตั้งแต่วันนี้ ก็เหลืออีกสองวัน…
… เมื่อถึงตอนนั้น พวกเราแปดคนรวมทั้งข้าด้วยต้องแบ่งเป็นกลุ่ม กลุ่มละสองคน แต่ละกลุ่มคอยตามหลังพวกเขาไปตามสถานที่เหล่านั้น เมืองเฟิ่งเทียน อำเภอจยา อำเภออวิ๋นจงและตำบลถงเหยา…
…อีกสักครู่ข้าจะแบ่งกลุ่มให้ว่าใครไปเมืองไหน พวกเจ้าต้องจดจำเส้นทางไว้ให้ดี เดินตามหลังพวกหลานๆ ก็อย่ามัวแต่ก้มหน้าก้มตาเดิน ต้องจดจำเส้นทางถนนไว้นะ…
…จดจำว่าเดินอย่างไร เลี้ยวทางไหน ต้องเดินอีกนานไหม จำเป็นต้องจำไว้ให้แม่น...
…พวกเขาขายกุยช่ายขาว ไม่สามารถอยู่เป็นเพื่อนพวกเราได้ตลอด…
…พวกเราอาจจะต้องออกไปขายทุกวัน ไม่เหมือนกับพวกเขาที่ออกไปขายไม่ต่อเนื่อง”
ท่านยายทั้งเจ็ดรีบพยักหน้า “วางใจได้ พวกข้ารู้แล้ว”
ท่านย่าหม่ายังกล่าวต่อไป
“อย่างแรก เดินตามขบวนของพวกเขาไป อีกอย่างหนึ่งข้าจะให้เค้กสี่ก้อนกับพวกเจ้าแต่ละกลุ่ม พวกเจ้าตามหลังพวกเขาเข้าไปในโรงเตี๊ยม ลองซ้อมมือดู และยังมี…”
“สี่ก้อนพอหรือ?” ลูกสะใภ้คนโตโจวซื่อของลุงซ่งถามขึ้น
“เพียงพอแล้ว” ท่านย่าหม่าบอกกับโจวซื่อว่า ตอนแรกนางกับหลานสาวคนเล็กก็นำเค้กเพียงสี่ก้อนไป
เมื่อนางตอบคำถามเสร็จ นางก็พูดต่อในหัวข้อพูดคุยก่อนหน้านี้
“สิ่งที่พวกเจ้าควรจะกังวลก็คือ เค้กสี่ก้อนนี้จะขายได้หรือไม่…
…เค้กสี่ก้อนไม่สามารถขายให้กับโรงเตี๊ยมทั้งหมดได้ เจ้าต้องให้เขาลองชิมก่อนแล้วค่อยสั่งจองของ อย่าเสียดายที่จะให้คนอื่นได้ลองชิม ถ้าอยากให้ถึงเป้าหมายที่คาดหวังไว้ ก็ต้องรู้จักเสียสละก่อน…
…ถ้าเจ้าจะนําเค้กไปส่วนหนึ่งโดยที่ไม่มีหลานเหล่านั้นอยู่เป็นเพื่อน พวกเจ้าก็ต้องใช้สมองคิดว่าจะเข้าไปในโรงเตี๊ยมกับหอนางโลมได้อย่างไร นี่สิถึงเป็นเรื่องสำคัญ”
ท่านยายหวังพยักหน้า “ใช่แล้ว พี่หม่า พวกข้าเคยขายไข่ ขายถุงหอม แต่ไม่เคยขายของที่มีราคาเช่นนี้มาก่อน เมื่อครุ่นคิดอย่างละเอียดแล้วก็เริ่มรู้สึกกลุ้มใจจริงๆ”
“ไม่ต้องกลัว” หลังจากนั้นการฝึกอบรมของท่านย่าหม่าก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
หญิงชราเรียนรู้มาจากซ่งฝูเซิง มีการประชุมก่อนหน้าที่ซ่งฝูเซิงจะขายกุยช่ายขาวหนึ่งวัน สอนวิธีการขายและสอนถึงขั้นตอนการสั่งจองว่าควรจะพูดอย่างไร
“รอสักครู่นะ ข้าต้องไปเติมฟืนก่อน” ท่านย่าหม่าจะลงจากเตียงเตา มิเช่นนั้นไฟที่อยู่ใต้เตียงเตาอาจมอดดับได้ หากพวกลูกสามกลับมานอน เตียงเตาก็จะไม่ร้อนแล้ว
“ไม่ต้องๆ” หญิงสูงวัยหลายคนที่นั่งอยู่ด้านข้างตั่งต่างแย่งกันไปเติมฟืน
หลังจากนั้นก็มีเสียงเล็ดลอดออกมาจากบ้านของซ่งฝูเซิง
“ข้าจะบอกพวกเจ้า หอนางโลมนั่นเป็นสถานที่ที่ดี เมื่อเจ้าไปถึงที่นั่นแล้ว ถ้าไม่อนุญาตให้เจ้าเข้าไปได้ พวกเจ้าก็…”
“ในโรงเตี๊ยม เจ้าสามารถบอกกับเถ้าแก่ว่า ร้านเค้กย่าหม่าของพวกเราไม่ได้ขายแค่เค้กไข่เพียงเท่านั้น หลานสาวคนเล็กของข้าบอกแล้วว่า สามารถเปลี่ยนรูปแบบได้ ถ้าอยากจะเพิ่มพุทราแดงหรือใส่ถั่วเขียว นางสามารถทำได้”
“โอ้ พั่งยา ทําไมถึงมีความสามารถขนาดนี้นะ เจ้าพูดสิ”
“ข้าพูดมานานแล้ว ยังต้องให้เจ้าพูดอีกหรือ”
“ฟังข้าพูดนะ ทั้งหมดฟังข้าสิ ประชุมอยู่นะ ทำอะไรกัน ต่อไปข้าจะพูดแล้ว ห้ามพูดแทรก”
“ได้สิ เจ้าพูดมา”
“ถ้าเพิ่มถั่วเขียวกับพุทราแดงก็ต้องเพิ่มเงิน ตอนนั้นพวกเจ้าก็ต้องคุยกับพวกเขาแบบนี้…”
“จดจําได้ทั้งหมดหรือไม่?”
“จดจําไว้แล้ว”
“เอาล่ะ ตอนนี้ข้าจะแบ่งกลุ่มให้กับพวกเจ้า คนพูดเก่งจับคู่กับคนที่พูดไม่เก่ง คนที่มีแรงจับคู่กับคนที่ไม่ค่อยมีแรง ส่วนคู่ของข้าคือ แม่ของลูกเขย พวกเราสองคนรับผิดชอบเมืองใหญ่สุด คือเมืองเฟิ่งเทียน ข้าจะพาเจ้าไป ผ่านไปหลายวันเจ้าจะชำนาญเอง” ท่านย่าหม่าเอ่ย
ส่วนตำบลถงเหยาที่ได้รับการพัฒนาแล้ว ท่านยายหม่าก็ชี้ไปที่ท่านยายกัวแล้วกล่าวว่า “เจ้าอายุมากแล้ว ข้าจัดให้เจ้าคู่กับท่านยายซ่งเอ้อร์ พวกเจ้าสองคนไปตำบลถงเหยาด้วยกัน เส้นทางถนนถงเหยาอยู่ใกล้หน่อย พวกเจ้าจะได้เหน็ดเหนื่อยน้อยลง…
…นอกจากนี้แล้ว หลังการประชุมเสร็จข้าจะลองถามพั่งยาดูว่ามีผ้าโพกศีรษะลายดอกไม้สีชมพูไหม ถ้าไม่มี พรุ่งนี้ข้าจะไปหาผ้าลายดอกไม้ที่คล้ายๆ กันให้กับพวกเจ้า”
หญิงสูงวัยหลายคนถามขึ้น “ทําไมต้องใช้ผ้าลายดอกไม้ด้วย?”
“หลานสาวคนเล็กบอกว่า เมื่อสวมใส่ผ้าลายดอกไม้เข้าร้าน เถ้าแก่กับหุ้นส่วนจะได้รู้ว่ามาส่งเค้ก นี่เป็นส่วนหนึ่งของพวกเรา เรียกว่าอะไรนะ? อ้อ สัญลักษณ์…
…มา ข้าให้พวกเจ้าคนละหนึ่งกระป๋อง”
“นี่คืออะไร?”
ท่านย่าหม่าชี้ไปที่กระป๋อง นี่เป็นน้ำมันกำจัดเหาที่ทุกคนนำหนังหมูป่าที่จับได้ไปแลกมา พวกเขาไม่เอาเงิน อย่างน้อยก็มีหลายสิบครัวเรือน หญิงสูงวัยแปดคนก็แปดครอบครัวแล้ว นางแบ่งให้คนละหนึ่งกระป๋องก็ถือว่าไม่ได้เอาเปรียบส่วนกลางแล้ว
“จําไว้นะ อย่านำกลับไปเก็บเพราเสียดายจนไม่กล้านำออกมาใช้ สิ่งนี้สามารถกําจัดเหาได้สะอาดนัก เป็นสินค้ามีค่า ขายให้กับคนมั่งมี เวลาพวกเจ้าไปส่งเค้กให้ลูกค้า อย่าให้เขาเห็นเหาปีนป่ายอยู่บนหัวของเจ้า อาจทำให้คนอื่นคิดว่าในเค้กของพวกเราก็อาจจะมีเหาอยู่ อย่าทำให้คนอื่นขยะแขยง”
หญิงสูงวัยหลายคนได้ยินก็ต่างพากันบอกว่าจะไม่เอาไปเก็บซ่อนแน่นอน นี่ก็มีเหตุผล ขายของกินก็ต้องดูสะอาดสะอ้าน
และยังบอกว่า หลังจากเลิกประชุมคืนนี้จะเข้มงวดเรื่องสุขอนามัยในบ้าน มิเช่นนั้นเวลาพวกนางใช้ยากำจัดเหากำจัดเรียบร้อยแล้ว หากคนในครอบครัวติดเชื้ออีกก็จะระบาดขึ้นมาอีกได้ เมื่อถึงเวลานั้นจะไปเอาหนังหมูป่าที่ไหนมาแลกกับน้ำมันเหาได้
ผ้าปูที่นอนอะไรก็ต้องตากแดด ต่อไปต้องจับพวกหลานๆ มาชำระล้างร่างกายให้สะอาด
สรุปแล้ว การประชุมครั้งแรกของพวกป้าเหล่านี้ พูดพล่ามไม่หยุด พูดตั้งแต่เส้นทางการเดิน ธุรกิจ การตลาดไปจนถึงเรื่องสุขอนามัย พูดจนครบทุกด้าน
พวกนางพูดคุยจนคนในครอบครัวของซ่งฝูเซิงไม่มีที่จะไปอีกต่อไป พวกเขากับคนอื่นนําอิฐที่นํากลับมาสร้างเตาอบสองเตาจนเสร็จ ถึงกลับมาที่บ้าน พวกนางถึงพูดคุยกันเสร็จสิ้น
ท่านย่าหม่าก็จะกลับบ้านแล้ว
ตอนนั้นเฉียนเพ่ยอิงยังเรียกนางด้วยความเกรงใจว่า ท่านย่าหม่า ท่านอยู่พักผ่อนที่นี่เถอะ แต่นางบอกว่าไม่อยู่ที่นี่ แค่เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงบ้านแล้ว
แต่ท่านย่าหม่าไม่รู้ว่า หลังจากที่นางกลับบ้านแล้ว พวกเพื่อนพี่สาวของนางยังไม่เลิกชุมนุมกันเลย
เก่อเอ้อร์นิวเป็นคนจัดชุมนุม
เก่อเอ้อร์นิวเสนอสองประเด็น ประเด็นแรก พวกเราต้องไปลาออกนะ เรื่องการทำงานร่วมกันเพราะหลังจากสองวันพวกนางก็ต้องทิ้งหน้าที่การงานนี้แล้ว
ลูกสะใภ้ใหญ่ของลุงซ่งพยักหน้า คืนนี้นางจะกลับไปบอกกับพ่อสามีว่าจะไม่ทํางานนั้นแล้ว อยากจะให้ใครไปทำก็จัดไป นางต้องบอกให้พ่อสามีรับรู้ก่อน
เก่อเอ้อร์นิวพูดขึ้นอีก “น้องสะใภ้ข้าไปขนอิฐกลับมา พวกเจ้าหลายคนก็คงเห็นแล้ว อ่าห์ พวกเราก็ไม่ต้องใช้เงินทุนเลย แค่เข็นออกไปขายก็สร้างรายได้แล้ว น้องสะใภ้ก็สอนตัวต่อตัวว่าจะต้องขายอย่างไร พวกเราก็อย่าได้แต่มองดูอย่างเดียว”
ท่านยายหวังมีไหวพริบดี นางเข้าใจความหมายในคําพูดของเก่อเอ้อร์นิวทันที นางรีบพูดต่อ “ใช่แล้ว พวกเราทําอาหารกันเจ็ดคนไม่ใช่หรือ พรุ่งนี้สามคนนี้อยู่ทำอาหาร ส่วนอีกสี่คนให้ตามพี่หม่าเข็นรถไปเอาอิฐจากตำบลถงเหยา”
ท่านยายเถียนก็พูดขึ้น “แต่พวกเรายังต้องทำงานของซ่งฝูเซิงอีกสองวัน ต้องทำอาหารให้สองร้อยกว่าคน เหลือคนทําอาหารเพียงแค่สามคนจะสามารถทำไหวไหม? ต้องทำอาหารสองมื้อนะ แค่ปอกหัวไชเท้าต้องใช้เวลามากแล้ว อย่าทำให้เสียเวลากินข้าว เดี๋ยวลุงซ่งจะด่าได้และทําให้ฝูเซิงเสียหน้า”
ทั้งเจ็ดคนคำนวณเวลาแล้ว ก็คิดว่าสามารถกัดฟันลงมือทำได้
คนที่ต้องไปตัวตำบลมีท่านยายกัว ลูกสะใภ้คนโตโจวซื่อของลุงซ่ง และท่านยายหวังกับป้าใหญ่เก่อเอ้อร์นิวของซ่งฝูเซิง
คนที่เหลืออยู่บ้านทำอาหาร
หญิงสูงวัยทั้งเจ็ดก็ใช่ว่าจะไร้สมอง พวกนางเลือกคนเหล่านี้เพราะในวันข้างหน้าก็ต้องเป็นคนไปขายของในพื้นที่ต่างๆ
สองวันมานี้ช่วยกันขนอิฐและยังช่วยท่านย่าหม่าส่งของ เป็นช่วงเวลาที่ตนเองสามารถเรียนรู้ว่าท่านย่าหม่าพูดกับคนอื่นอย่างไรในสถานการณ์จริง เพื่อป้องกันไม่ให้ตนเองรู้สึกประหม่าเวลาขายของ