ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 262 ตัวเอกที่ไม่ได้อยู่ว่าง / ตอนที่ 263-1 ภูมิปัญญาชาวบ้าน
- Home
- ทะลุมิติทั้งครอบครัว
- ตอนที่ 262 ตัวเอกที่ไม่ได้อยู่ว่าง / ตอนที่ 263-1 ภูมิปัญญาชาวบ้าน
ตอนที่ 262 ตัวเอกที่ไม่ได้อยู่ว่าง
“คนขี้เกียจ” ซ่งฝูหลิงเอามือเท้าเอวมองท้องฟ้า
ท่านเทพ ท่านกำลังทำตัวเป็นศัตรูกับข้าใช่หรือไม่
ข้าทำอะไรให้หรือ ทำไมยอดจองถึงได้เยอะขนาดนี้
อีกอย่าง ข้าไม่เข้าใจ เพื่อป้องกันการเกิดเรื่องแบบนี้ ข้าถึงได้จงใจตั้งราคาขนมเค้กวันเกิดไว้สูงมาก แต่กลับยังเอาไม่อยู่
คนที่นี่ควรจะจนมากไม่ใช่หรือ ทำไมถึงได้ยอมจ่ายเงินซื้อขนมเค้กที่ราคาเทียบเท่าหลักพันหลักร้อยหยวนในโลกปัจจุบันล่ะ ไม่คิดว่ามันไม่คุ้มกันบ้างหรือ
ฮือๆ ข้าพยายามเต็มที่แล้ว ขายแพงขนาดนั้นแต่กลับห้ามปริมาณมากไม่ได้
ขายแพงจริง
เอาแค่ยอดสั่งจองของวันนี้
ท่านย่าหม่ารับออเดอร์ขนมเค้กหนึ่งชั้นสิบหกนิ้วมาเก้าก้อน ราคาก้อนละหกร้อยเก้าสิบเก้าเหวิน
ท่านยายกัวรับออเดอร์ขนมเค้กสามชั้นที่ใหญ่สุด
สามชั้นใหญ่สุด ตอนนี้ก้อนที่ฐานขนาดสิบหกนิ้ว ตรงกลางสิบสองนิ้ว บนสุดแปดนิ้ว
ขนมเค้กสามชั้น ตอนนั้นซ่งฝูหลิงกัดฟันตั้งราคาไปที่หนึ่งพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าเหวิน
ตอนนั้นนางยังคิดอยู่ว่า ตั้งราคาสูงขนาดนี้ไม่น่าจะมีคนโง่ยอมจ่ายเงินขนาดนี้เพื่อซื้อขนมเค้ก
อย่างไรเสีย ต่อให้ยอมจ่าย แต่มันก็แค่ของกิน ราคาตั้งขนาดนั้น ไหนจะยังมีโรงเตี๊ยมที่เป็นคนกลางยังต้องตั้งราคาส่วนต่างอีก คาดว่าคงตั้งราคาสูงลิ่วทีเดียว
น่าจะ น่าจะไม่มีออเดอร์แบบนั้นไปสองสามเดือนได้ แต่กลับนึกไม่ถึง…
ใช่ นึกไม่ถึงว่า พอหลิ่วเยี่ยที่อยู่หอนางโลมได้รับขนมเค้กวันเกิด แม่นางฝูหรงก็เกิดความไม่พอใจ ออดอ้อนพี่ชายที่นางไปอยู่เป็นเพื่อน พี่ชายหอมนางหนึ่งทีแล้วพูดด้วยความเอ็นดู “ซื้อๆ ซื้อก็ซื้อที่ใหญ่สุดดีสุด”
ต่อมาออเดอร์ที่ท่านยายหวังรับมาวันนี้ ของนางเป็นขนมเค้กสิบหกนิ้วสี่ก้อน หนึ่งในนั้นเป็นขนมเค้กที่เจ้านายโรงเตี๊ยมจองไว้จะเอาไปส่งเป็นของขวัญ
ส่วนอีกสามก้อน ต้องบอกว่าท่านยายหวังกับสะใภ้ใหญ่ลุงซ่งดวงดี ไปเจอเศรษฐีของอำเภอจยาที่มาสั่งอาหารในโรงเตี๊ยมพอดี เด็กที่ครอบครัว ทั้งเด็กเล็กและคนแก่ต่างรอคอย ได้คลอดออกมาแล้ว พอเห็นโมเดลขนมเค้กก็รู้สึกแปลกใหม่จึงถามดู
ตอนนี้ตามโรงเตี๊ยมของแต่ละอำเภอมีโมเดลขนมเค้กหนึ่งชั้นหมด ยกเว้นโรงเตี๊ยมในถงเหยาเจิ้นที่มีโมเดลขนมเค้กสามชั้นตั้งโชว์ไว้
ซึ่งก็หมายความว่า ลูกค้าคนนั้นไม่เห็นแบบสามชั้น ถ้าเห็นแบบสามชั้น ดีไม่ดีคงโบกมือด้วยความดีใจ พร้อมบอกว่าเอาแบบสามชั้นมาสามก้อน ไม่เห็นใช่ไหมล่ะ ก็สั่งได้แค่เอาแบบชั้นเดียวมาสามก้อน บ้านตัวเองกินหนึ่งก้อน ไว้รับแขกหนึ่งก้อน ส่งให้บ้านแม่ยายไปฉลองอีกหนึ่งก้อน
ตอนนั้นยายหวังดีใจมาก จะไม่ให้นางดีใจได้รึ เสนอขายขนมเค้กวันเกิดออกไปได้หนึ่งก้อน กำไรที่ได้ไม่เหมือนกับขนมเค้กทั่วไป กำไรเพิ่มขึ้นตามขนาดของขนม
อย่างเช่น ขนมเค้กหนึ่งชั้นขนาดสิบหกนิ้วที่นางขาย รู้ว่าจะได้ส่วนแบ่งเท่าไร ขายออกไปได้ด้วยความดีอกดีใจ แค่เอาไปส่งถึงที่อย่างปลอดภัย หนึ่งก้อนได้ส่วนแบ่งห้าสิบเหวิน สี่ก้อนก็ได้ก้อนเงินสองก้อน
ดีใจไม่ไหว ตอนนั้นพูดกับคนสั่งขนมเค้กด้วยความตื่นเต้นว่า “พอเด็กน้อยเกิด ความสุขก็โอบล้อม เด็กน้อยงอแง โชคดีมาเยือน เด็กน้อยยิ้ม ยิ้ม?”
ท่านยายหวังยิ้มมองสะใภ้ใหญ่ลุงซ่ง พอยิ้มแล้วยังไงต่อ แย่ละ แต่งต่อไปไม่ออก
แต่ลูกค้าท่านนี้ก็เป็นคนมีความรู้ เขาทำไม้ทำมือ “เด็กน้อยยิ้ม ดาวแห่งปัญญามาสถิตย์!”
ชมได้อย่างตรงไปตรงมามาก พูดไปตั้งมากขนาดนี้ ฟังแล้วก็รู้สึกพอใจ นายท่านคนนี้จึงโยนเงินให้จำนวนหนึ่งเพื่อเป็นรางวัล
เวลานี้ซ่งฝูหลิงอยู่ในสภาพมองท้องฟ้าอย่างเหม่อลอย ท่านย่าหม่าหัวเราะเสียงดัง ท่านยายหวังดึงท่านย่าหม่า อยากจะพูดด้วยให้ได้ “พี่ข้า ดูสิ เจ้านายคนนั้นตกรางวัลให้ข้าด้วย”
“เขาให้พวกเจ้า เก็บไว้สิ”
“ท่านไม่เอาเหรอ”
“ไม่เอาหรอก”
“อ้อ ขอบคุณนะท่านพี่” ท่านยายหวังยังทำท่าโค้งคำนับให้ท่านย่าหม่าเหมือนเป็นการหยอกล้อ จากนั้นก็หันไปเธอตีฉัน ฉันตีเธอกับสะใภ้ใหญ่ลุงซ่ง หัวเราะอย่างมีความสุข
ท่านยายกัวก็หัวเราะไม่หยุดอยู่ข้างๆ หัวเราะให้กับลูกไม้เดิมๆ ข้าก็แค่รอข่าวคราวจากแม่นางฝูหรง รอเวลาก็เท่านั้น
ทุกคน “…” นี่กำไรเท่าไรกันเนี่ย เหมือนเป็นบ้าไปแล้วหลายคน
กำไรเท่าไรน่ะเหรอ ขายก้อนละหกร้อยเก้าสิบเก้าเหวินใช่ไหมล่ะ หักต้นทุน หักส่วนแบ่งที่ยายๆ พวกนี้เอาไปขาย ก้อนเดียวกำไรเน้นๆ ห้าร้อยห้าสิบเหวิน สิบสามก้อนก็ได้กำไรเจ็ดตำลึงกว่า
รู้หรือเปล่าว่าแบบสามชั้นกำไรเท่าไร
เท่าไร
ขนมเค้กสามชั้น ก้อนละหนึ่งพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าเหวิน ให้ส่วนแบ่งพวกท่านยายกัวหนึ่งร้อยเหวิน หักต้นทุน คิดจากตัวเลขกลมๆ ก็ได้กำไรหนึ่งตำลึงครึ่ง
ลำพังแค่ขนมเค้กพวกนี้วันนี้ก็ได้กำไรไปแล้วแปดตำลึงกว่าเกือบเก้าตำลึง นี่ยังไม่ได้นับรวมขนมที่ส่งไปขายสี่ที่ ขนมเค้กทั่วไปร้อยกว่าชิ้นกับขนมปังกรอบม้วนสิบกว่าเตาของวันเดียว
วันนี้กำไรสิบกว่าตำลึงในชั่วพริบตา แล้วจะไม่ให้บ้าได้อย่างไร
ซ่งฝูหลิงมองพวกยายๆ หัวเราะ คิดในใจ นางเป็นตัวเอกที่น่าเศร้าขนาดไหนกัน เศร้าขนาดนี้ไม่มีใครเห็น
“ลูกพ่อ เจ้าทำได้ไหม”
ไม่รอให้ซ่งฝูเซิงพูดจบ ซ่งฝูหลิงก็ส่ายมือ “ข้าทำได้ ไหวอยู่” จากนั้นก็เดินตรงไปยังห้องทำขนม
ฮือๆๆ ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว
โชคดีที่ช่วงไม่กี่วันมานี้เวลาว่างๆ ได้ทำเนยจืดเอาไว้ พอว่างก็ทำเนยจืด อุตส่าห์เก็บไว้ ครั้งนี้ได้ใช้หมดแน่
อีกทั้งนางพบว่านางจะทำตุนไว้ไม่ได้แล้ว รู้สึกไหมว่าพอตุนไว้จะเป็นลางไม่ดี
ตอนที่ 263-1 ภูมิปัญญาชาวบ้าน
ในสายตาของซ่งฝูเซิง การที่บุตรสาวของเขาทำของอย่างพวกเนยจืดเอาไว้ หรือตุนพวกวัตถุดิบ ล้วนเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย
ทั้งต้องทำให้มันแยกตัวกัน ทั้งมีเงื่อนไขเรื่องอุณหภูมิ ไม่กล้าก่อไฟให้ในบ้านร้อนเกินไป
เนย ของสิ่งนี้ไม่กลัวความเย็น แต่กลัวความร้อน
หาห้องเก็บความเย็น เดี๋ยวเอาไปใส่ เดี๋ยวก็เอาออกมา ผ่านไปหลายสิบนาทีตี ผ่านไปหลายสิบนาทีก็เอามาตีอีก
เอาเป็นว่าแต่ละวันลูกสาวเขายุ่งไม่ได้หยุด
แถมลูกสาวของเขายังต้องทำตัวขนมเค้กอีก คั้นน้ำ คั้นเสร็จเอาน้ำผักเข้มข้นที่ได้มากรอง ใช้ขวดเล็กเก็บสะสมไว้ทีละนิด ไหนจะต้องหาเวลาว่างทำโมเดลอีก
ยกตัวอย่างเช่น โมเดลสายรุ้งที่ง่ายที่สุด นั่นต้องตัดกระดาษสีแปะลงไปทีละนิดเลยนะ ใครไม่มีความอดทนทำงานแบบนั้นไม่ได้ น่าหงุดหงิดจะตาย
โดยเฉพาะพื้นที่พิเศษสามารถรักษาความสดได้ใช่ไหมล่ะ
เอาจากข้างนอกใส่เข้าไปในสภาพไหน พื้นที่พิเศษก็จะเก็บรักษาความสดให้อยู่ในสภาพนั้นได้ตลอด
ไม่มีการเสียหรือเปลี่ยนสภาพ ก็คือใส่เข้าไปในพื้นที่พิเศษนานแค่ไหน พอเอาออกมาอีกครั้งก็ยังเหมือนเพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ
ดังนั้นซ่งฝูเซิงรู้ว่าลูกสาวของเขาทำงานเก่งมาก คิดแค่ว่าตอนนี้เหนื่อย แต่เดี๋ยวก็พักได้
ตอนที่เขายังไม่ออกเดินทางไปซื้อวัวตัวที่สอง ฝูหลิงก็พูดกับเขาอย่างมีความสุขว่า
“ไว้ข้าตุนวัตถุดิบได้อีกมากหน่อยก็จะทำตัวขนมเค้กแต่ละขนาดไว้มากหน่อย ข้าจะเอามันเก็บไว้ในพื้นที่พิเศษ ไม่ต้องกลัวเสีย ทั้งยังเอาออกมาตอนไหนก็ได้ พอถึงตอนนั้นเดือนๆ หนึ่งทำขนมเค้กไม่กี่ก้อน พอข้าจะใช้ ท่านพ่อก็ช่วยเอาออกมา ข้าเอามาทาครีม ตกแต่งดอกไม้สักหน่อยก็เสร็จแล้ว สบายๆ”
ดูเอาแล้วกัน ยังจะสบายๆ ได้ไหม
หันไปมองท่านย่าของนาง ขายออกไปเยอะพอสมควร
คาดว่าของที่ตุนไว้ในช่วงไม่กี่วันมานี้ เพิ่งตุนได้ไม่เท่าไร นี่เพิ่งผ่านไปไม่กี่วัน ขนมเค้กสิบกว่าก้อน เนยที่ตุนไว้ได้ใช้หมดแน่
ซ่งฝูเซิงยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกผิด
ตอนนั้นเขาไปซื้อวัวนมทำไม นี่ไม่เท่ากับอยู่ดีไม่ว่าดีรึ แล้วยังจะไปซื้อวัวกลับมาอีกหนึ่งตัว
“ลูกพ่อ รอก่อนนะ” มือข้างหนึ่งของซ่งฝูเซิงหิ้วถุงกระสอบใส่ขึ้นฉ่ายแข็ง จากนั้นก็เรียกพี่รอง ให้ซ่งฝูสี่ตามเขาไป จากนั้นก็หันตัวจะเดินออก
“เอ๊ะ เอ๊ะ?” ลุงซ่งชี้ไปที่รถ
“ให้พี่กัวเล่าให้ฟังอย่างละเอียดแล้วกัน ต้าหลังก็รู้เรื่อง ข้าจะให้พี่รองไปช่วยงานหน่อย”
ภายในห้องทำขนม ซ่งฝูสี่กับซ่งฝูเซิงยกโต๊ะกลมออกไป
ต้องเอาไปทำข้างนอก ไม่อย่างนั้นเศษไม้จะปลิวว่อน ถึงแม้ห้องนี้จะไม่มีอะไรพิเศษ แต่ก็เป็นห้องที่ใช้ทำของกิน
หลังจากที่ซ่งฝูเซิงอธิบายกับพี่รองให้เข้าใจแล้วว่าจะใส่ถาดเหล็กกลมอย่างไร เขาก็เดินกลับไปหาลูกสาว
“มา พ่อช่วย เลิกทำหน้าเศร้าได้แล้ว”
ในขณะเดียวกันเฉียนเพ่ยอิงก็ล้างมือเสร็จแล้วอยู่ที่โรงเพาะปลูกพริก คิดอยู่ว่าจะกลับบ้านไปทำของอร่อยให้ลูกสาวกิน
เย็นนี้ทำหมูน้ำแดงกินกับข้าวสวย
ลูกสาวของนางชอบเอาน้ำแกงของหมูน้ำแดงราดข้าวกินที่สุด ต้องกินของดีๆ บ้าง
หยิบแม่กุญแจลงมาจากบนผนังอุ่น เฉียนเพ่ยอิงจัดการล็อคประตูโรงเพาะปลูกพริก
พอกลับถึงบ้านก็พบว่าในบ้านถูกยึดพื้นที่อีกแล้ว ย่าหม่ากำลังนวดแป้งพลางคุยกับหมี่โซ่ว
พอเห็นสะใภ้สามกลับมาแล้ว ท่านย่าหม่าก็รีบถาม “เนื้อที่ข้าซื้อมาก่อนหน้านี้ยังเหลือหรือเปล่า”
“เหลืออยู่นิดหน่อย”
“งั้นเจ้ารีบไปเอาออกมาทำให้หายแข็ง ข้าจะสับเอามาทำไส้เกี๊ยว” กลัวลูกสะใภ้คิดมาก ประมาณว่าซื้อเนื้อมาให้ยังจะมาเอาคืนอีก ท่านย่าหม่าจึงอธิบาย
“ข้าไปเอาเนื้อหมูป่าจากลุงใหญ่ของเจ้ามา แต่ว่าเนื้อหมูป่าน่ะ ข้าก็กลัวว่าจะเหม็นสาบ พั่งยากินไม่เป็น เอามาผสมกับเนื้อที่พวกเราซื้อมา ทำเป็นไส้น่าจะดีหน่อย เดี๋ยวพรุ่งนี้มาบ้านข้า คราวนี้จะซื้อหลายจินหน่อย ค่อยเอาให้บ้านเจ้า”
เฉียนเพ่ยอิงบอกไม่ต้องๆ สามีนางชอบซื้อของเข้าบ้านอยู่แล้ว พลางเดินไปหยิบเนื้อ ทั้งยังถือโอกาสเหลือบมองก้อนแป้งที่อยู่ในมือท่านย่าหม่า
ก้อนแป้งมีสองแบบ แบบหนึ่งเป็นก้อนเล็กสีขาวล้วน ส่วนอีกแบบเป็นก้อนใหญ่ผสมหลายอย่าง
คาดว่าก้อนที่เป็นสีขาวล้วนคงพอสำหรับลูกสาวของนางกินคนเดียว ดูท่าคนอื่นห้ามแตะต้องอีกแล้ว
เฮ้อ หมี่โซ่วของนางที่น่าสงสาร ต้องนั่งมองพี่สาวกินของดีกว่าอยู่ตลอด
เรื่องที่เฉียนเพ่ยอิงไม่รู้ก็คือ มีแค่แป้งที่ไม่เหมือนกันที่ไหนล่ะ แม้แต่ไส้ก็ต่างกัน
ของซ่งพั่งยาเป็นไส้ที่เนื้อล้วนผสมต้นหอม ของคนอื่น อย่าว่าแต่หมี่โซ่ว ต่อให้เป็นซ่งฝูเซิง อีกเดี๋ยวต้มเกี๊ยวเสร็จก็ได้กินแค่เกี๊ยวที่มีไส้หัวไชเท้าอัดแน่น ผสมวิญญาณเนื้อสัตว์
เอาเป็นว่า ในเมื่อทำเกี๊ยวแล้วก็ทำหมูน้ำแดงไม่ได้แล้ว เฉียนเพ่ยอิงเองก็ไปที่ห้องทำขนม เป็นลูกมือให้ลูกสาว
เดิมทีหมี่โซ่วจะตามไปด้วย สองมือของย่าหม่าห่อเกี๊ยวอยู่ มือไม่ว่างดึงเด็กไว้ จึงยื่นขาข้างหนึ่งออกไปขวาง “เอ๊ะๆๆ มานี่ ล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อกันหนาวของย่าสิ”
มือน้อยๆ ล้วงเข้าไปหยิบลูกอมที่ห่อด้วยกระดาษไว้
“เอาออกไปหนึ่งเม็ดแล้วห่อให้ดี ใส่กลับเข้ากระเป๋า”
“อือ”
“อร่อยไหม”
เฉียนหมี่โซ่วกระพริบดวงตากลมโต พยักหน้ารักษาน้ำใจ
นี่เป็นลูกอมที่รสชาติแย่ที่สุดตั้งแต่เขาโตมา