ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 263-2 ภูมิปัญญาชาวบ้าน
เขาอาจจะไม่กินหรือไม่เคยกินแบบนี้มาก่อน ลูกอมที่บ้านท่านลุงซื้อให้เขาล้วนมีไส้เหอเถา[1] หรือไม่ก็ซูถัง
ท่านย่าหม่ายิ้มให้เฉียนหมี่โซ่ว รู้ว่าเด็กคนนี้ชอบกินลูกอม พอได้กินก็จะเชื่อฟัง “นั่งนี่ ช่วยย่าเป่าลมหน่อย ต้มน้ำ”
“อือ”
“หมี่โซ่ว เจ้าว่าเจ้าโตขนาดนี้แล้ว ถ้าอนาคตดี เจ้าจะเลี้ยงดูท่านลุงหรือเปล่า เจ้าดูท่านลุงของเจ้าสิ ทั้งกอดทั้งหอมเจ้า”
“เลี้ยง” หมี่โซ่วเชิดหน้าขึ้น ก่อไฟพลางยิ้มพูดกับย่าหม่า
“พอถึงตอนนั้นข้าจะซื้อบ้านหลังใหญ่ๆ ท่านลุง ท่านป้า พี่สาว ข้า อาศัยอยู่ด้วยกัน ข้ายังจะสระหัวขัดตัวให้ท่านลุงด้วย ท่านลุงบอกว่า เมื่อไรที่เขาไม่อยากเดินแล้ว ต้องให้ข้าแบกเขาออกไปเดิน ข้าก็ต้องแบกเขา”
พอสังเกตเห็นว่าย่าหม่าห่อเกี๊ยวไม่หยุดพลางมองเขา หมี่โซ่ววิเคราะห์สีหน้าแบบนั้นไม่ออกว่าหมายความอย่างไร ลังเลเล็กน้อย “และก็มีท่านย่าด้วย เสร็จแล้วท่านย่าก็มาอยู่ด้วยกันนะ”
ท่านย่าหม่าหลุดหัวเราะ คำพูดตอนแรกจริงเท็จไม่รู้ แต่ก็ยังดูน่าเชื่อกว่าหน่อย แต่พอบอกจะให้นางไปอยู่ด้วย แค่ฟังดูก็รู้ว่าจอมปลอม
คืนนี้เหล่าคนส่งขนมเข้านอนเร็วอีกแล้ว
ทว่าบรรดาคนทำขนมกลับยุ่งเป็นพิเศษ
ที่ห้องทำ ‘ขนมเค้กทั่วไป’ ทั้งหกคนต่างเป็นมือใหม่ ตอนนี้ซ่งฝูหลิงยังไม่แบ่งงานทางนั้นออกจากกัน เดิมทีพวกนางก็เงอะงะอยู่แล้ว ในหนึ่งวันแต่ละคนต้องอบให้ได้เกือบยี่สิบหม้อ วันนี้ถึงแม้เก่อเอ้อร์นิวจะขายขนมเค้กวันเกิดไม่ได้ แต่นางก็ได้ยอดขนมเค้กทั่วไปมาเพิ่มยี่สิบก้อน คืนนี้คงไม่ต้องนอนกันแล้วหรือเปล่า
เพิ่งจะกี่วันเอง แขนของเหอซื่อกับต้ายาบวมหมดแล้วเพราะการตีไข่
ยิ่งเป็นแบบนี้พวกนางก็ยิ่งรู้สึกนับถือซ่งฝูหลิงจากใจ คิดว่าพั่งยาเก่งจริงๆ ก่อนหน้านี้คนเดียวทำได้ยังไง
กัดฟันอดทน นั่นเด็กที่อายุน้อยสุดตอนนั้นยังอดทนมาได้ พวกนางจะมาบ่นไม่ได้
แต่พวกนางคงไม่รู้ว่า พวกนางตีไข่ครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมงก็สู้เครื่องตีอัตโนมัติของซ่งฝูหลิงไม่ได้ ไม่กี่นาทีก็เสร็จ แถมนั่นยังต้องมีการใส่น้ำตาลหลายครั้งทำให้เสียเวลาอยู่บ้าง ไม่อย่างนั้นจะเร็วกว่านี้
แต่จะว่าไป ถึงแม้ซ่งฝูหลิงจะมีอาวุธวิเศษ แต่งานตกแต่งดอกไม้ก็เป็นงานที่ใช้ความละเอียดมาก
เฉียนเพ่ยอิ งท่านแม่ของนางลองทำดูสักพักก็บอกว่า “ไม่ไหว แม่มือสั่น แม่ช่วยเจ้านวดแป้งหรือคั้นน้ำก็แล้วกัน”
ส่วนพ่อ ซ่งฝูเซิง คนที่เห็นๆ อยู่ว่าใช้มีดแกะสลักหัวไชเท้าออกมาเป็นดอกไม้ได้ แต่พอให้บีบครีมตกแต่งเป็นดอกไม้ ไอ๊หยา ซ่งฝูหลิงวิจารณ์ไปหลายครั้ง “น่ากลุ้มใจจริงๆ ไม่เหลือเวลาให้ทำของเสียแล้วสิ”
อีกทั้งดอกไม้ที่ทำออกมา “ท่านพ่อ ดอกไม้แดงกับดอกไม้เขียวเหรอ แดงตัดเขียวเหรอ ท่านคิดว่ามันสวยเหรอ”
ซ่งฝูหลิงกุมขมับ นางทนดูไม่ได้แม้แต่นิดเดียว จะปาดออกก็ไม่ได้ เห็นทีจะต้องแก้จากรอบๆ เติมจุดรอบขนมเค้กแล้วกัน ทำเหมือนเป็นสร้อยไข่มุกล้อมรอบ ไม่อย่างนั้นจะน่าเกลียดเกินไป
ซ่งฝูเซิงไม่ยอม ไม่สวยตรงไหน สีสดใหม่ทั้งนั้น สดใสจะตาย
พอเห็นลูกสาวจะมาเติมแต่งเขาก็ไม่หลีก “เจ้าไม่ต้องแต่งเพิ่มแล้ว จะพิถีพิถันขนาดนั้นทำไม ทำแบบนี้ต่อไปคงได้เหนื่อยตายก่อน พวกเขาเคยกินเคยเห็นเหรอ ลำพังแค่นี้ในสายตาของคนโบราณพวกนั้น ก็เป็นของที่สวยงามเสียยิ่งกว่าสวยแล้ว ทำแบบไหนก็กินแบบนั้นไปนั่นแหละ”
“แต่นี่เป็นขนมเค้กที่ฉลองเด็กเกิดนะ ต้องทำให้สวยหน่อย”
“ไม่ว่ามันจะเป็นขนมเค้กอะไร สุดท้ายก็ต้องกินลงท้อง เอาไปวางเป็นของประดับไม่ได้ ทิ้งไว้นานจะบูด เจ้าก็ฟังพ่อเถอะน่า”
พูดจบซ่งฝูเซิงก็เขียนข้อความข้างล่างกอดอกไม้แดงเขียว “ฟ้าประทานบุตร”
มาจากคัมภีร์ซือจิง
ดูอักษรสี่ตัวนี้สิ ใครเขียนนะ
ซ่งฝูเซิงชื่นชม คิดในใจ ทำไมเราถึงได้เก่งขนาดนี้นะ ความรู้สูงส่งจริงๆ
เวลาตีหนึ่งกว่าเกือบตีสอง ซ่งฝูหลิงถึงกลับไปพัก
ซึ่งก่อนหน้านี้นางได้ไล่ให้ท่านพ่อกับท่านแม่กลับไปก่อนแล้ว
ส่วนห้องทำขนมอีกห้อง นางก็ได้ไปดูมาเหมือนกัน ยังขะมักเขม้นกันอยู่ ถามเล็กน้อยว่าเสร็จทันเวลาออกไปส่งใช่ไหม สตรีทั้งหกคนพยักหน้าพร้อมกัน วางใจได้
เวลาตีสามกว่า ท่านย่าหม่ากับบรรดาหญิงสูงวัยเดินเป่าไอหนาวมาพร้อมกัน
จัดการเอาขนมที่ห้องของซ่งฝูหลิงก่อน ของในห้องนี้แพง
ใช้กุญแจเปิดประตู เริ่มห่อ เตรียมเอาขึ้นรถ
ดูแค่เข่งใช้ใส่ขนมเค้กครีมที่วางอยู่บนโต๊ะกับเข่งที่ใช้ใส่ ‘ขนมเค้กทั่วไป’ ก็คนละเรื่องกันแล้ว
ส่วนล่างไม่มีก้นเข่ง ยังคงใช้ตอกไผ่สานเป็นถาดกลม
ทุกครั้งที่ซ่งฝูหลิงทำจะเอาตัวเนื้อเค้กวางลงบนถาดกลมที่สานด้วยตอกไผ่แล้วค่อยตกแต่งดอกไม้ แบบนี้ก็จะลดขั้นตอนที่ต้องย้ายมาอีกรอบ
พอเสร็จแล้วก็ค่อยทำการล้อมทีละด้านไล่ขึ้นไป อันที่จริงก็แนวเดียวกับกล่องขนมเค้กหลายชั้นของสมัยปัจจุบัน ด้านล่างเป็นถาดกลมทั้งนั้น จากนั้นก็ปิดรอบๆ ไล่ขึ้นไป
ท่านยายกัวร้อนใจอยากรีบเอา วันนี้นางต้องเอาขนมเค้กสามชั้นไปส่งให้แม่นางฝูหรง
ไม่เพียงแต่จะปิดล้อมหลายชั้น ด้านบนยังมีฝาครอบที่สานด้วยตอกไผ่ ซ่งฝูหลิงลงทุนลงแรงไปมากเพื่อยึดเค้กสามชั้นไว้ให้แน่น
ตอนแรกเพื่อที่จะยึดเค้กทั้งสามชั้นไว้ให้แน่น นางคิดแล้วคิดอีก จากบนลงล่าง เอาแท่งไม้ปักตรงลงไปสามแท่งเป็นวิธีที่ดีที่สุด
อันที่จริงปักแท่งไม้น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
อย่าว่าแต่ตอนนี้เลย ต่อให้อยู่ในยุคปัจจุบันก็มีร้านเค้กหลายร้านที่ทำแบบนี้เพื่อยึดตัวเค้กไว้ จากนั้นก็เอาตุ๊กตาสวยๆ ปักไว้ด้านบน
แต่ตอนที่ซ่งฝูหลิงอยู่ในยุคปัจจุบัน ครั้งแรกที่นางกินเค้กแบบนี้ได้เคยบ่นไว้ ‘อะไรกัน ไม่รู้จักกลัวว่าจะมีคนซื้อขนมเค้กไปเพื่อเล่นโปะหน้าเหรอ ก้านไม้นั่น ต่อให้ซ่อนอยู่ในขนมเค้ก ถ้าทิ่มหน้าจะทำอย่างไร หรือเกิดมีคนตะกละ เอาหน้าทิ่มเข้าไปกินในเค้ก แทงลูกตาเข้าจะทำอย่างไร’
นางเคยบ่นแบบนั้นไปได้ยังไงกัน
แต่ไม่มีโครงขนมเค้ก ยังไม่ทันได้ให้ลุงรองทำให้ก็ขายขนมเค้กสามชั้นออกไปได้แล้ว ปัญหาอยู่ตรงหน้า ไม่อยากใช้แท่งไม้ก็ต้องหาทางอื่น
ดังนั้น ตั้งแต่นางทราบออเดอร์ก็เริ่มวุ่น ด้านหนึ่งเสียเวลาตกแต่งดอกไม้บนเค้กมาก ส่วนอีกด้านนางก็ยุ่งอยู่กับการทำคุกกี้แท่ง
ทำคุกกี้แท่งทั้งหมดให้ยาวมาก จากนั้นก็ปักลงไปแล้วทาครีมปิด กินได้ด้วย แถมในขนมเค้กยังมีคุกกี้แท่งช่วยยึดเค้กไว้ให้แน่นอีกด้วย
ความทุ่มเทที่สองก็คือ เพิ่มความแน่นหนาระหว่างเข่งที่ใส่เค้กกับขนมเค้ก กระดาษไขข้างใต้กับส่วนถาดรองข้างใต้ที่ต้องสัมผัสกัน ทาครีมหนึ่งชั้น เพื่อเป็นการลดแรงเสียดทาน หลายคนรู้จุดนี้ อีกอย่างหนึ่งเป็นเพราะขนมเค้กแต่ละชั้นมีการทาครีมเอาไว้ จึงเป็นสาเหตุที่มันไม่ลื่นหลุดออกไปได้ง่าย
ส่วนระหว่างทางจะขนส่งอย่างไร ถ้าทำหลุดระหว่างทางจะทำอย่างไร นั่นไม่ได้อยู่ในความควบคุมของซ่งฝูหลิงแล้ว แต่เป็นความรับผิดชอบของพวกท่านย่าหม่า
แน่นอนว่าก่อนหน้านี้ตอนที่ขน ‘ขนมเค้กทั่วไป’ ซ่งฝูหลิงก็เคยเห็นวิธีของท่านย่า จึงไม่รู้สึกกังวลเท่าไร
วิธีอะไรน่ะหรือ
เห็นแค่พวกย่าหม่าจัดการกับชิ้นใหญ่ก่อน นางกับท่านยายหวังใช้กล่องขนมเค้กที่ทำมาเป็นพิเศษใส่ขนมเค้กสิบหกนิ้วที่ต้องไปส่งทยอยยกออกไปทีละก้อนด้วยความระมัดระวัง
กลไกสำคัญอยู่บนรถ
บนรถเข็นมีไม้รูปตัวแอลหนึ่งชิ้น ไม้รูปตัวแอลกลับด้านอีกหนึ่งชิ้น จับหันชนกัน ส่วนช่องว่างตรงกลางวัดขนาดไว้ลงตัว พอใส่ขนมเค้กสิบหกนิ้วได้พอดี
ไม้รูปตัวแอลที่วางตั้งก็เพื่อขวางไว้หรือค้ำเข่งเอาไว้กับค้ำแผ่นไม้สูง ส่วนไม้รูปตัวแอลที่อยู่ข้างล่าง มันไม่ได้อยู่ด้านบนรถ และก็ไม่ได้อาศัยเข่งทับเอาไว้ แต่ถูกสอดทะลุแผ่นกระดานของรถเข็น ยกกระดานรถเข็นขึ้น อาศัยการยึดติดกับกระดานรถเข็นนี้ แบบนี้จะมั่นคงยิ่งขึ้น
ยึดแน่นแบบไม่ไหวแล้ว ใช้คำพูดเดิมของท่านย่าหม่าก็คือ ฝูสี่ เจ้าต้องเอาให้แน่นที่สุด ขนมบนรถนี้ราคาเท่าไร ห้ามเกิดข้อผิดพลาดอะไรทั้งนั้น
ซ่งฝูสี่จึงเอา ‘กาวที่ใช้ในงานไม้โดยเฉพาะ’ ให้แม่ตัวเอง
กาวน้ำที่ช่างไม้สมัยโบราณใช้ อันที่จริงก็คือกาวจากกระเพาะปลา
สมัยโบราณไม่มีกาวเคมี ใช้สิ่งนี้ทาเครื่องใช้ในครัวเรือน ทาเครื่องดนตรี ทาคันธนู
อย่าได้ดูถูกกาวชนิดนี้ ถึงแม้จะไม่โดดเด่น แต่ช่างไม้สมัยโบราณใช้กาวชนิดนี้ทาเครื่องเรือนได้เนียนแนบสนิทโดยไม่ต้องใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียว
อีกทั้งมันมีจุดที่ดีกว่ากาวสมัยปัจจุบันก็คือ สามารถแยกไม้ที่ติดกาวไว้ออกจากกันได้โดยที่ไม่ทำลายเนื้อไม้
ยกตัวอย่างเช่น เก้าอี้บ้านใครขาหัก ไม่ต้องเปลืองแรงมาก เอาน้ำร้อนไปราดสักพัก พอกาวถูกความร้อนละลายก็ดึงขาเก้าอี้ที่หักออกได้เลย
ข้อเสียอย่างเดียวก็คือ ถึงแม้วัสดุทำกาวกระเพาะปลาจะราคาถูก แต่ ‘ยอดบุรุษมิอาจทำกาวกระเพาะปลาได้สองชั่ง’
หมายความว่าอะไรน่ะหรือ ก็หมายความว่าซ่งฝูสี่ทำกาวน้ำพวกนี้เหนื่อยรากเลือดเลยทีเดียว ตอนนี้มีแม่เพิ่มเข้ามาอีก ต้องการพกกาวกระเพาะปลาติดตัวไปด้วย บอกให้เขาทำมาเยอะหน่อย มันเหนื่อยมาก
วกกลับเข้าเรื่อง ทุกครั้งหลังจากเอาขนมขึ้นรถเสร็จ ท่านย่าหม่าจะใช้ผ้าห่ม เสื่อฟาง ปิดขนมเค้กทีละชั้นก่อน จากนั้นก็ใช้ไม้รูปตัวแอลสองชิ้นชนกันล็อคเข่งขนมเค้กไว้ แล้วก้มลงไปใต้ท้องรถตรวจสอบไม้รูปตัวแอลที่ยึดติดอยู่ข้างใต้
ถ้าพบว่าไม้แนวนอนหลวม ยึดไว้ไม่แน่น นางก็จะทากาว แบบนี้ไม้ตัวแอลที่วางตั้งก็จะไม่โคลงเคลงแล้วใช่ไหมล่ะ
ทุกครั้งย่าหม่าจะตรวจสอบให้ชะลอมขนมเค้กถูกยึดไว้แน่นแล้วนางถึงออกเดินทาง
ยอมไปถึงที่แล้วยกชะลอมออกมาไม่ได้ ต้องให้ที่ร้านเอาน้ำร้อนมาราดไม้ตัวแอลใต้ท้องรถดีกว่า กาวกระเพาะปลาพอเจอความร้อนหนักๆ ก็จะละลายเอง
ด้านบนสุดคลุมด้วยเสื่อผุๆ ผืนใหญ่อีกชั้น เผื่อไม่ให้คนมองออกว่าขนอะไร
แต่เช้าวันนี้ ถึงแม้ใช้วิธีนี้ของพวกนางขนมเค้กจะไม่เคยเละเลยก็ตาม แต่ท่านยายกัวไม่พอใจ เมื่อคืนหลับไม่สบายเพราะเอาแต่คิดเรื่องนี้
ท่านยายกัวคิดว่ากลุ่มอื่นเป็นขนมเค้กชั้นเดียวหมด มีแค่ของนางที่เป็นสามชั้น ราคาแพงมากกว่าด้วย ถ้าเกิดมีปัญหาขึ้นมา ทางนั้นไม่เอาแล้ว ก้อนละหนึ่งพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้า นางคงชดใช้ไม่ไหว ด้วยเหตุนี้กลางดึกนางจึงให้ลูกชายคนโตของนางไปตัดกิ่งไม้
เพราะนางต้องการใช้ตะกร้าใบใหญ่แบกเค้กสามชั้นเดิน ใช้กิ่งไม้หลายอันยึดเข่งขนมเค้กสามชั้นไว้ สอดกิ่งไม้ทะลุตะกร้าด้านล่าง
หลังขนขนมเค้กครีมราคาแพงเสร็จย่าหม่าก็ไปขนขนมเค้กทั่วไปพลางพูดกับนาง “เจ้าจะเยอะเกินไปหรือเปล่า เกิดสะดุดหกล้มขึ้นมาล่ะ”
“ถุยๆๆ รีบมาถุยพร้อมข้าเดี๋ยวนี้นะ”
………………………………………………………
[1] วอลนัท