ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 270 ล้อมจับชุดน้ำเงิน / ตอนที่ 271 แย่แล้ว
ตอนที่ 270 ล้อมจับชุดน้ำเงิน
บุตรสาวของซ่งฝูเซิง
ดูท่าซ่งฝูหลิงจะเป็นผู้หญิงคนนั้น ที่แค่ถามประโยคเดียวก็กลอกตาเป็นลมล้มพับไป
ถ้าแค่เป็นลมจริงๆ ยังไม่เท่าไร
ไม่สามารถดึงดูดความสนใจจากเขาได้
ทว่านางเป็นลมตอนที่ชาวบ้านหลายร้อยคนร้องไห้คร่ำครวญ แตกตื่นลนลาน คุกเข่าอธิบายแทนนาง
พอเรื่องทุกอย่างคลี่คลายหมดแล้ว นางก็ฟื้นทันที
ถ้าแบบนี้ไม่เรียกแกล้งเป็นลม ลู่พั่นก็ไม่รู้จริงๆ ว่ายังจะมีอะไรที่เป็นจริงได้อีก แบบนี้เห็นเขาตาบอดซื่อบื้อหรืออย่างไร
อีกทั้งอยู่ตั้งไกลก็ยังสัมผัสได้ หลังจากผู้หญิงคนนั้นฟื้นก็ไม่ได้สนใจว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นกับทุกคนเครื่องยืนยันอีกอย่างว่านางแกล้งเป็นลมก็คือนางแอบดึงท่านแม่ของนางลับหลังคนอื่น อย่าคิดว่าเขาไม่เห็น สีหน้าดีอกดีใจ ไม่รู้ว่าพูดอะไร ทั้งพูดทั้งทำท่าทาง
ตอนที่เด็กคนนั้น (เฉียนหมี่โซ่ว) ทวงไข่มาให้นาง นางที่เป็นพี่สาวกลับทำท่าคารวะขอบคุณน้องชาย รับไข่ไก่ไปอย่างเต็มใจ แกะเปลือกแล้วกินด้วยสีหน้าเบิกบานใจ
รวมถึงตอนที่มองบนถนน
ตอนนั้นแค่อยากดูให้แน่ใจว่า พอรอดพ้นจากความหิวโหยแล้วนางจะชะล้างใบหน้าที่สกปรกมอมแมมหรือไม่ แต่กลับรู้สึกเหนือความคาดหมายที่นางประสาทสัมผัสไว รู้สึกตัวทันทีว่ามีคนมองนางอยู่
เรื่องที่กล่าวมานี้เป็นความทรงจำที่ลู่พั่นมีเกี่ยวกับซ่งฝูหลิง
เวลานี้ลู่พั่นนั่งพิงเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย
อ่านจดหมายพลางเหลือบมองขนมเค้ก
เล่นเอาซุ่นจื่อก็มองกลับไปกลับมาด้วยเช่นกัน
ทว่าเขามองไม่เห็นข้อความในจดหมาย ทำได้เพียงคาดเดาไม่หยุดอยู่ในใจ ข้อความในจดหมายเขียนอะไรมา อีกทั้งคุณชายยังให้เอาขนมเค้กไว้ข้างตัวด้วย หรือว่าในขนมเค้กก้อนนี้มีของดีอะไร ซ่อนกลไกอะไรไว้ สอดไส้อย่างนั้นรึ
ซุ่นจื่อปฏิเสธความคิดตัวเองในทันที เลิกความคิดนี้เถอะ คนผู้นั้นจะซ่อนอะไรได้ ก็แค่คนปลูกกระเทียมเหลือง ใครจะเพี้ยนถึงขั้นสอดไส้กระเทียมเหลืองมา
แต่พอนึกถึงกระเทียมเหลือง ซุ่นจื่อก็พยักหน้าพลางคิดในใจ มิน่าเขาถึงได้รู้สึกถูกชะตากับคนผู้นั้น มิน่าดูเหมือนคุณชายก็ให้ความสนใจคนผู้นั้นด้วย
ตอนนั้นที่ช่วยซ่งจื่อเจิน คาดว่าคุณชายคงคิดว่าคนมีความรู้มีอยู่มาก ทว่าคนที่หมกมุ่นอยู่แต่กับตำราก็มีอยู่มากเช่นเดียวกัน คนมีความรู้ที่สามารถจัดการและคุมคนได้มีอยู่น้อยเหลือเกิน ซ่งจื่อเจินผู้นี้สามารถดูแลคนสองร้อยกว่าคนได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
บัดนี้ความจริงก็เป็นที่ประจักษ์ว่าคนผู้นี้มีความสามารถจริงๆ
เพิ่งมาถึงที่นี่ได้เดือนเดียวหรือเปล่า
ซุ่นจื่อแอบนับวันอยู่ในใจ อืม ก็คงเป็นเช่นนั้น ต้นกระเทียมโตจนเก็บเกี่ยวได้
ต้องทราบก่อนว่าในจวนของพวกเขาก็มีสวนเกษตร เมื่อถึงฤดูหนาวก็จะมีการสร้างเพิงปลูกพืชผักใหม่ๆ ภายในสวน กอปรกับเดิมทีเขาก็เป็นลูกชาวสวน เขาจึงรู้ว่าการปลูกผักตั้งแต่เริ่มจนถึงเก็บเกี่ยว อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาเกินครึ่งเดือนไปจนถึงหนึ่งเดือนเต็มๆ
นี่หมายความว่าอะไร หมายความว่าคนผู้นั้นไม่ได้ปล่อยเวลาผ่านไปเปล่าๆ พอมาถึงที่นี่ก็เริ่มคิดหนทางหาเงิน อาศัยสองมือของตัวเอง หาทางเลี้ยงดูครอบครัวด้วยสองมือเปล่า ไม่ได้อยู่ว่างแม้แต่น้อย
ไม่เหมือนชาวบ้านตกยากบางคนที่มุ่งหน้าเข้ามาหวังแต่จะขอความช่วยเหลือ เฮ้อ เขาไม่รู้จะวิจารณ์อย่างไร
บางคนไม่รู้จักพอ ถ้าทางการไม่ให้อาหารประทังชีวิต ในสายตาของเขา ถ้าไม่ให้ก็คงทำอะไรไม่ได้ แต่ถ้าให้กลับยังมีคนบ่นว่าน้อยเกินไป จริงๆ เลย คนแบบไหนก็มีหมด เอาแค่ก่อนหน้านี้ที่เขาติดตามคุณชาย ไม่ใช่แค่เคยได้ยินเรื่องขุนนางฉ้อฉล เรื่องชาวบ้านอันธพาลก็เคยได้ยิน
พอมาดูพวกชาวบ้านตกยากที่คุณชายเคยช่วยไว้ ดูว่าพวกเขาทำอย่างไร
ดูสิ นี่ก็ทำขนมเค้กออกมา ทำขนมได้ถึงขั้นที่เข้าตาคุณหนูสาม นั่นคุณหนูสามเชียวนะ นางเคยเห็นของดีมาไม่น้อย อีกทั้งขนมยังถูกส่งเข้ามาในจวนด้วย
ต้องมุมานะถึงเพียงไหน ต้องขยันขนาดไหน เอ่อ หมดคำจะบรรยายแล้ว ต้องเป็นคนเก่งขนาดไหนกันเนี่ย
และที่สำคัญที่สุดคือรู้งาน
ปลูกกระเทียมเหลืองได้ก็ตั้งใจเอามาส่งให้โดยไม่มีคำพูดประจบสอพลอแม้แต่น้อย
เอาแค่เรื่องที่ตอนนั้นเด็กคนนั้นมากอดขาคุณชาย ครอบครัวซ่งจื่อเจินไม่รู้เรื่องด้วย เด็กคนนั้นหนีออกมาเอง อย่างไรเสียในสายตาของเขา สีหน้าของทั้งครอบครัวตอนที่รู้ว่าเด็กหายไปก็เป็นของจริง ตกใจกันมากทีเดียว
อีกทั้งเด็กคนนั้นก็ไม่ใช่มาตอแยเพราะหวังพึ่งพา แต่มาเพราะตั้งใจจะเอาเห็ดให้ ทั้งยังจับพลัดจับผลูสร้างคุณงามความดี ทำให้คุณชายจัดการกับเห็บหมัดพวกนั้นได้เร็วขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้นขนมเค้กไม่ได้อาศัยเส้นสายถูกส่งเข้ามาในจวน
คนผู้นั้นแสดงให้เห็นว่า เขาเองก็ไม่คาดคิดว่าจะเกี่ยวข้องกับจวนกั๋วกง ต่อให้ถ้าเอาให้คนนอกดูก็ย่อมถูกเข้าใจผิดว่ามีนอกมีในก็ตาม ลำพังแค่จุดนี้ก็หาได้ยากแล้ว
ถ้าหากเขาซุ่นจื่อ สมมติว่าเขาเองก็เป็นชาวบ้านตกยาก เขาจะสามารถทำได้ถึงขั้นมีความมุ่งมั่นเช่นนี้เมื่อไปอยู่สถานที่ใหม่หรือไม่
คิดฟุ้งซ่าน ซุ่นจื่ออยู่ข้างๆ คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยชั่วขณะ
ไม่คิดไม่ได้หรอก เขาชินแล้ว เพราะปกติคุณชายก็เป็นเช่นนี้ ไม่สนใจเขา หากไม่ให้คิดเรื่อยเปื่อยแล้วจะฆ่าเวลาอย่างไร
ไม่พูดมากก็ไม่ได้ เพราะปกติคุณชายก็ไม่ชอบพูดสักเท่าไร เขาอึดอัดเหลือเกิน ดังนั้นเมื่อใดที่อนุญาตให้เขาพูด เขาก็จะพูดเสียมากมายอย่างที่ควบคุมตัวเองไม่ได้
ลู่พั่นพับจดหมายเก็บตามรอยเดิมแล้วใส่เข้าซอง
“ตัดออกมาสิ”
“หืม?” ซุ่นจื่ออึ้ง พอหายอึ้ง “ได้ขอรับๆ คุณชายรอสักครู่ บ่าวจะให้มู่จิ่นเอาชามมา”
พอออกไปนอกห้องซุ่นจื่อก็คิด โอ้ วันนี้ดวงอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตกหรือ คุณชายจะกินของว่างตอนที่ยังไม่ถึงเวลากิน ดูท่าจะชอบดอกไม้นั่นเข้าเสียแล้ว
หลังจากลู่พั่นชิมไปหนึ่งคำก็ใช้นิ้วโป้งเช็ดครีมที่เลอะขอบปาก ของสิ่งนี้ต้องเปลืองแรงทำขนาดนั้นเชียวหรือ ทั้งวางทิ้งไว้ ทั้งต้องกรอง เขียนได้น่าสนใจเหลือเกิน แต่เจ้าสิ่งนี้มันอร่อยรึ หวานเหลือเกิน
จากนั้นก็ใช้ช้อนเงินตักเข้าปากอีกคำแล้วถึงเอาจดหมายยื่นให้ซุ่นจื่อ “ส่งไปที่จวนฉี”
จวนฉีก็คือจวนของผู้บัญชาการใหญ่ บ้านของลู่จือหว่าน
เอาให้พี่สาวของเขาดูว่า ซื้อมากมายถึงเพียงนี้ในคราวเดียว แค่อยากลิ้มลองแต่กลับสร้างความยุ่งยากให้คนอื่นตั้งเท่าไร
ซุ่นจื่อรู้สึกงง ยังไม่ทันคิดคำพูดเสร็จว่า คุณชายให้ส่งจดหมายฉบับนี้กลับไป จะตอบคุณหนูสามว่าอย่างไรดี ลู่พั่นก็มอบคำสั่งที่สองให้เขาเสียแล้ว
คำสั่งที่สองทำเขางงหนักกว่าเดิม
“เด็กคนนั้นก็เข้าเมืองมาด้วยเหมือนกัน ไปรับเขามา”
เด็กคนนั้น เด็กคนไหนหรือ
ซุ่นจื่อเหลือบมองจดหมาย คิดได้ทันที “เด็กที่คุณชายหมายถึง เฉียนหมี่โซ่วหรือขอรับ”
ลู่พั่นพยักหน้าเล็กน้อย “สีน้ำเงินทั้งตัว”
สีน้ำเงินทั้งตัวคืออะไร
เดี๋ยวนะคุณชาย คุณชายต้องบอกบ่าวก่อนว่า ที่ให้รับมาหมายถึงรับมาที่จวนหรือ
ตอนซุ่นจื่อออกไปภายในห้องโถงเหลือเพียงลู่พั่นคนเดียว
ไม่มีพวกบ่าวรับใช้อยู่ ลู่พั่นลองเอาช้อนเงินตัก ‘ใจกลาง’ ดอกไม้ที่เป็นสีม่วงบนขนมเค้ก เขาคิดว่าพอกินตรงกลางเสร็จก็จะไม่กินขนมเค้กนี้แล้ว หวานเกินไป เลี่ยนไม่ไหว
ที่นอกจวน
บ่าวรับใช้ชายสิบกว่าคนขึ้นม้าพร้อมกัน
เช้าวันนี้เสี่ยวเฉวียนจื่อติดตามลู่พั่นออกไป ได้เจอเฉียนหมี่โซ่ว ตอนนั้นเรื่องที่เขาตกใจที่สุดก็คือคุณชายถึงกับพยักหน้าให้เด็กน้อย ที่แท้ไม่มีหรอกตกใจที่สุด มีแต่น่าตกใจยิ่งกว่า คุณชายให้ไปรับมาที่จวน
สรุปว่าในเมื่อเสี่ยวเฉวียนจื่อเคยเจอแล้ว ซุ่นจื่อจึงให้เสี่ยวเฉวียนจื่อพาทุกคนล่วงหน้าไปก่อน เขาต้องนำจดหมายไปส่งที่จวนฉี
ออกเดินทาง
เป้าหมาย ‘ล้อมจับชุดน้ำเงิน’
ตอนที่ 271 แย่แล้ว
สถานที่แรก ย่อมเป็นโรงเตี๊ยมอีผิ่นเซวียน
เมื่อม้าสิบกว่าตัวมาถึง แสดงป้ายคล้องเอวแบบเฉพาะของบ่าวรับใช้จวนกั๋วกง บอกจุดประสงค์ที่มา เจ้านายเฉินเองก็เพิ่งมาถึงร้าน ลงจากเกี้ยวมา เดิมทีร่างกายรู้สึกหนาว พอฟังจบในใจก็รู้สึกเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวขึ้นมาทันที
เหงื่อเริ่มแตก ประเด็นคือไม่รู้ว่าเมื่อคืนเถ้าแก่ทำตามแผนที่วางไว้หรือเปล่า
อย่าได้ทำตามแผนที่วางไว้เชียวนะ แบบนั้นความสัมพันธ์ได้เกิดรอยร้าวแน่
เจ้านายเฉินร้อนใจเหลือเกิน รีบเข้าไปในโรงเตี๊ยม ทั้งอยากไปเชิญซ่งฝูเซิงออกมาพบคนที่จวนกั๋วกงส่งมาด้วยตัวเอง ทั้งร้อนใจอยากเตี๊ยมกับเถ้าแก่ก่อน
จนกระทั่งซ่งฝูเซิงได้สนทนากับเสี่ยวเฉวียนจื่อ เจ้านายเฉินร่างอ้วนก็ยังคงใช้แขนเสื้อปาดเหงื่อบนหน้าผาก
หลักๆ คือรู้สึกกลัว
ต้องทราบก่อนว่าต่อให้เขาร่ำรวยเพียงใด ทำการค้ารุ่งเรืองขนาดไหน เขาก็เป็นพ่อค้าธรรมดาอยู่ดี เขาไม่ได้มีค่าในสายตาของจวนกั๋วกงสักนิด
สวรรค์ โชคดีที่เมื่อครู่เถ้าแก่แอบส่งสัญญาณบอกเขาว่าไม่ได้ทำแบบนั้น
และก็โชคดีที่เมื่อคืนเขาค้างที่ห้องอนุ ตื่นค่อนข้างสาย มิฉะนั้นขั้นต่อไปของเขาก็คือวันนี้เช้ามาคุยกับซ่งฝูเซิงที่โรงเตี๊ยม เสนอราคาที่เขาคิดว่าเหมาะสมเพื่อซื้อสูตรขนม หากซื้อไม่ได้เขาก็จะใช้กำลังข่มขู่
สรุปว่า เกือบไปแล้ว เกือบแล้วเชียว เขาที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ เกือบงัดข้อกับจวนกั๋วกงเข้าให้แล้ว
ยังต้องงัดอีกรึ แค่ทางนั้นบิดทีเดียวเขาก็แหลกละเอียดแล้ว
เวลานี้ซ่งฝูเซิงกำลังคุยอยู่ด้านนอก เฉียนหมี่โซ่วยังไม่กลับมา เขาออกไปกับท่านป้าของเขา
เสี่ยวเฉวียนจื่อขมวดคิ้ว “จะไปที่ไหนได้ ทำไมถึงยังไม่กลับ”
ซ่งฝูเซิงคิดในใจ มีที่ให้ไปตั้งเยอะแยะ
เขาจึงบอกสถานที่ที่เฉียนเพ่ยอิงนั่งพึมพำอยู่เมื่อคืน
“ไปซื้อขนมที่ร้านขนม ซื้อเหอเถา[1]กับพุทราที่ร้านผลไม้แห้ง ซื้อข้าวสารกับข้าวเหนียวนิดหน่อยที่ร้านข้าวสาร ซื้อดอกฝ้ายกับผ้าสารพัดหลายพับที่ร้านขายผ้า อาจจะซื้อเนื้อซี่โครงหลายชั่งที่ร้านขายเนื้อ และก็อาจจะซื้อผงขัดฟันนิดหน่อยที่ร้านขายของชำ เป็นต้น”
เสี่ยวเฉวียนจื่อ “มีเป็นต้นด้วย พวกท่านนี่จริงๆ เลยนะ เข้าเมืองครั้งเดียวเอาเสียคุ้ม”
ซ่งฝูเซิง “นอกจากนี้พวกนางอาจเดินเล่นเอ้อระเหย จับจ่ายพลางเดินเรื่อยเปื่อย ส่วนจะเดินไปที่ไหนบ้างนั่นก็พูดยากแล้ว”
“พวกเจ้าสองคนอยู่ที่ถนนเส้นนี้ ส่วนที่เหลือตามข้ามา” ไปถนนการค้าอีกสองเส้น
“ขอรับ” มีบ่าวรับใช้ชายคนหนึ่งขานรับเสียงดัง “นายท่านวางใจได้ขอรับ ชุดน้ำเงินทั้งตัว บ่าวจำขึ้นใจแล้ว”
ซ่งฝูเซิงขมวดคิ้วเล็กน้อย พวกเจ้ามาจับโจรรึ ขณะที่กำลังจะเข้าไปกำชับว่าอย่าทำเด็กตกใจ กลับเห็นม้าตัวหนึ่งวิ่งมาจากไกลๆ “ซ่งฝูเซิง?”
“โอ้ ท่านซุ่นจื่อ” ซ่งฝูเซิงรีบกำมือคารวะ
ซุ่นจื่อไม่ได้ลงจากม้า ขี่ม้าเดินเข้ามาพลางพูด “วางใจได้ รออยู่ที่นี่เถอะ ข้าจะพาเฉียนหมี่โซ่วกลับมาส่งคืนด้วยตัวเอง”
“รบกวนด้วยขอรับ”
ซุ่นจื่อฉีกยิ้ม เกรงใจเกินไปแล้ว
เจ้านายเฉินมองซุ่นจื่อที่อยู่บนม้าแล้วมองซ่งฝูเซิงที่อยู่ข้างๆ “…”
เขารีบสะบัดหัว เลิกฟุ้งซ่าน รีบเข้าไปประจบสิ “จากที่คุยเมื่อวานก็รู้สึกได้ว่าน้องซ่งหาใช่คนจิตใจคับแคบไม่ หากมีตรงไหนที่ล่วงเกินไป น้องซ่งอย่าถือสาได้หรือไม่”
ซ่งฝูเซิงรีบยกมือห้าม บอกว่าเจ้านายเฉินพูดเช่นนี้ได้อย่างไร ล่วงเกินอะไรกัน เขาต่างหากที่ต้องขอบคุณ
ทั้งสองคนเข้าไปด้านในโรงเตี๊ยม
“ท่านป้า ใกล้ถึงพวกเราหรือยัง” เฉียนหมี่โซ่วเขย่งเท้ามองคนข้างหน้า
“หิวแล้วรึ”
“เปล่า กลัวเซาปิ่ง[2]จะหายร้อน เดี๋ยวท่านลุงกับพี่จะไม่ได้กินตอนร้อนๆ”
เฉียนเพ่ยอิงแสร้งทำเป็นยอมรับเหตุผลนี้ ไม่ได้เปิดโปง
ไม่หิว แต่จมูกของเจ้าตามกลิ่นมาตลอดทาง จะให้นางพามาถนนเส้นนี้ให้ได้
พอมาถึงถนนเส้นนี้ อยู่ไกลๆ ก็ยังเห็นคนต่อแถวซื้อไก่ย่าง เห็นคนที่ซื้อเสร็จถือถุงกระดาษไขเดินผ่าน หมี่โซ่วยังถามนางอีกว่า “ท่านป้า พวกเขาซื้ออะไร อร่อยไหม”
“เจ้าเดาดูสิ ไม่เชื่อว่าเจ้าเดาไม่ได้”
สุดท้ายของที่อยากซื้อก็เพิ่งซื้อได้ไม่กี่อย่าง ต้องพาเด็กคนนี้มาต่อแถว
“คนต่อไป”
แขนข้างหนึ่งของเฉียนเพ่ยอิงหอบสัมภาระ มืออีกข้างจูงหมี่โซ่วเดินเข้าไป ขณะที่กำลังจะสั่งไก่ย่างครึ่งตัวกับน่องไก่อีกสองน่อง ไอ๊หยา นางสะดุ้งตกใจ
กล้าลักพาตัวเด็กกลางวันแสกๆ กันเลยรึ
เฉียนหมี่โซ่วก็โมโหดิ้นไปดิ้นมา อะไรเล่า กว่าจะได้ซื้อรอตั้งนานนะ
ดิ้นจนทำหมวกผ้าฝ้ายของเสี่ยวเฉวียนจื่อตก
“เฉียนหมี่โซ่ว” ซุ่นจื่อเรียก อีกทั้งไม่ได้ทำเป็นมองไม่เห็นเฉียนเพ่ยอิงอีกต่อไป เขาลงจากม้าแล้วกำมือคารวะนาง
ณ จวนกั๋วกง
พ่อบ้านของแต่ละเรือนรวมถึงบรรดาหญิงสูงวัยคุมงานต่างแยกย้ายไปแจ้งข่าว
คุณชายอุ้มเด็กกลับมาคนหนึ่ง
หอซงเทา อยู่ที่หอซงเทา
ฮูหยินสำลักน้ำชา “แค่กๆ” ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดก็ยังเอาไม่อยู่
เหล่าฮูหยินส่ายมือบอกสาวใช้ที่ทุบขาให้อยู่ออกไป “หืม? เจ้าบอกว่าใครนะ หมินรุ่ยอุ้มเด็กสี่ห้าขวบกลับมาอย่างนั้นรึ”
หมอมอสูงวัยที่อยู่ข้างกายเหล่าฮูหยินอยู่ตลอด ยิ้มพลางพยักหน้าให้เหล่าฮูหยิน
……………………………………………………………………
[1] วอลนัท
[2] ขนมแป้งอบ ไม่มีไส้